คำพูดของเฉินจื่อเหา ทำให้ใบหน้าของหลินชิงเสว่เปลี่ยนไปทันที
ถังเฉาไม่ได้พูดอะไร หยิบโทรศัพท์ขึ้นมาแล้วกดโทรออกทันที
ใบหน้าของเฉิงเพ่ยเต็มไปด้วยความตื่นเต้น ตอนนี้สติของหล่อนตื่นขึ้นมาไม่น้อย หลังจากที่หล่อนเมาไปก่อนหน้านี้
“ขอบคุณผู้นำตระกูลเฉิน ขอบคุณผู้นำตระกูลเฉินจริงๆ!”
หล่อนรู้สึกยินดีเป็นอย่างยิ่ง ราวกับว่าถูกรางวัลแจ็กพอตจากการซื้อสลากกินแบ่ง
ก่อนหน้านี้ที่หล่อนเชิญผู้นำเหล่านี้มา ก็เพื่อที่จะทำให้หลินชิงเสว่ลำบาก ไม่เคยคิดมาก่อนเลยว่า จะมีความสุขที่โผล่มาโดยไม่คาดฝันขนาดนี้
ผู้นำเฉิน ได้เอาสัญญาของบริษัทลี่จิงกรุ๊ปมาข่มขู่ให้หลินชิงเสว่มอบตำแหน่งประธานให้
“เรื่องเล็กน้อย ไม่ต้องเกรงใจ”
เฉินจื่อเหา จางเทียนเหอและหลี่ซื่อไห่ต่างมองหน้ากันแล้วหัวเราะออกมา “เฉิงเพ่ย เรารู้จักกันมาก็ห้าหกปีได้แล้วนะ ต้องยอมรับในความสามารถของหล่อนจริงๆ เป็นแค่รองประธาน มันคงทำให้หล่อนรู้สึกไม่ยุติธรรมล่ะสิ”
“ท่านผู้นำตระกูลทั้งสาม รอให้ฉันได้เป็นประธานก่อน แล้วฉันจะตอบแทนพวกท่านอย่างงาม!”
หลังจากที่เฉิงเพ่ยพูดจบ หล่อนก็เหลือบมองไปที่ถังเฉาและหลินชิงเสว่อย่างมีชัยในทันที
ถังเฉาไม่ตอบสนอง เขาเคี้ยวถั่วลิสงไปพลางๆ กลับกัน ใบหน้าของหลินชิงเสว่ตอนนี้นั้นดูเย็นชา
“ผู้นำตระกูลเฉิน ไม่คิดว่าแบบนี้มันมากไปหน่อยงั้นเหรอคะ?”
เธอมองไปที่ผู้นำตระกูลเฉินด้วยใบหน้าที่โกรธจัด มือกำหมัดแน่น “ฉันเป็นประธานของบริษัทลี่จิงกรุ๊ป การเปลี่ยนแปลงพนักงานภายในกลุ่มขึ้นอยู่กับฉัน!”
อันที่จริง เธอเห็นมานานแล้วว่าพวกเขาสมรู้ร่วมคิดกับเฉิงเพ่ย อย่างไรก็ตาม เนื่องจากเจียงเฉิงจะเป็นศูนย์พัฒนาในอนาคต ซึ่งจะต้องทำการคบค้าสมาคมกันอย่างแน่นอน และนี่เป็นสิ่งที่ไม่ได้ถูกเปิดเผยออกไป
ความอดทนซ้ำแล้วซ้ำเล่าของเธอ ทำให้อีกฝ่ายไม่รู้จักพอ
“เกินไป?”
เฉินจื่อเหาหัวเราะเยาะ “สามีของคุณใช้ตราเหรียญปลอม ทำตัวเป็นสุนัขจิ้งจอกที่ใช้บารมีของเสือ นี่ไม่เกินไปงั้นสิ?”
หลินชิงเสว่พูดด้วยใบหน้าที่เย็นชา “ฉันบอกไปแล้วว่าตราเหรียญนั่นเป็นของจริง จะเชื่อหรือไม่ มันเป็นเรื่องของพวกคุณ”
“บังอาจ!”
จางเทียนเหอตบโต๊ะอย่างแรง พร้อมกับจ้องมองไปที่หลินชิงเสว่ “นี่คือเจียงเฉิง ไม่ใช่หมิงจูของพวกเธอ อยู่ที่นี่ ต้องฟังพวกฉัน!”
น้ำเสียงของหลี่ซื่อไห่ดูผ่อนคลายอย่างเห็นได้ชัด เขายังคงพูดด้วยยิ้มแห้งๆว่า “เรื่องที่คุณหลินนั้นเก่งกาจมีอำนาจเหนือใคร เราก็เคยได้ยินมาอยู่ ไม่เช่นนั้นเราคงไม่ดูแลบริษัทอันใหญ่โตนี้ให้กับผู้หญิงคนหนึ่งหรอก”
“แต่ เรื่องบางเรื่อง การไม่แข็งแกร่งก็ดูเป็นสิ่งที่ดีกว่านะ”
เขาเปลี่ยนการสนทนาและพูดด้วยรอยยิ้ม “อิทธิพลของเฉิงเพ่ยในเจียงเฉิงนั้นสูงกว่าของคุณอย่างเห็นได้ชัด ถ้าเธอให้ตำแหน่งประธานไป หล่อนก็คงไม่ปฏิบัติตัวแย่ๆต่อเธอหรอก ใช่ไหมล่ะ?”
“ผู้นำตระกูลหลี่พูดได้ถูกต้อง!”
เฉิงเพ่ยเบิกบานใจ บวกกับที่หล่อนดื่มไปเยอะพอสมควร น้ำเสียงดูอิ่มอกอิ่มใจ “ประธานหลิน ฉันจะไม่ลืม‘บุญคุณที่ยิ่งใหญ่’ที่คุณมีต่อฉันเลยค่ะ ขอเพียงแค่คุณมอบตำแหน่งประธานให้แกฉัน เรื่องที่แล้วฉันจะถือว่าแล้วไป!”
อย่างไรก็ตาม ใบหน้าของหลินชิงเสว่ยังคงไร้ความรู้สึก “ฉันรู้ว่าหล่อนอาฆาตแค้นฉัน แต่คิดว่าทำแบบนี้จะทำให้ฉันยอมอ่อนข้อให้งั้นเหรอ?ฝันไปเถอะ!”
เสียงของเธอดังขึ้นทันที จ้องมองไปที่เฉิงเพ่ยด้วยสายตาที่เย็นชา
ทันใดนั้น ความเย่อหยิ่งของเฉิงเพ่ยก็จางหายไป สายตาที่มองไปที่หลินชิงเสว่นั้นเต็มไปด้วยความตระหนก
เฉินจื่อเหา จางเทียนเหอ หลี่ซื่อไห่และคนอื่นๆต่างมองไปที่หลินชิงเสว่ด้วยความประหลาดใจ ไม่คิดว่าปฏิกิริยาของเธอจะรุนแรงเช่นนี้
“ไปกันเถอะ!”
หลิชิงสว่ยืนขึ้น เธอกำลังจะออกไปกับถังเฉา
“ประธานหลิน ฉันแค่อยากให้เธอคิดให้ดี เมื่อเดินออกไปจากประตูนี้แล้ว อย่าหวังที่จะได้มาเปิดตลาดในเจียงเฉิงอีก!”
เฉินจื่อเหามองไปที่หลินชิงเสว่ด้วยใบหน้าที่มืดมน ดวงตาของเขานั้นเต็มไปด้วยการคุกคาม
เฉิงเพ่ยยังเย้ยหยัน “ประธานหลิน ฉันอุตส่าห์ช่วยคุณพาคุณมาเจอกับผู้นำตระกูลของเจียงเฉิงเลยนะ แต่คุณดูไม่รู้อะไรเลย เป็นประธานก็ต้องให้ความสำคัญกับบริษัทสิคะ แต่คุณกำลังเพิกเฉยต่อผลประโยชน์ของบริษัท แล้วทำเพื่อประโยชน์ของคุณเอง ยังจะมีหน้ามาเป็นประธานอีกเหรอ!”
เมื่อคำพูดนี้ออกมา ใบหน้าของหลินชิงเสว่ก็ดูแย่และโกรธมากจนหาอะไรมาเปรียบไม่ได้
อย่างไรก็ตาม เธอเองจะไปใช้เหตุผลโต้แย้งก็คงไม่ดี เฉิงเพ่ยจงใจยั่วอารมณ์เธอ ทำตัวอยู่สูงเหนือสุด
พ๊าบ!
ขณะนี้เอง ถังเฉาที่กินอาหารอยู่ก็วางตะเกียบลง เขามองไปที่เฉินจื่อเหา จางเทียนเหอและผู้นำคนตระกูลอื่นๆด้วยรอยยิ้ม
“ที่พวกนายพูดเมื่อกี้ คือพวกนายเป็นคนพูดตัดสินใจอะไรต่างๆในเจียงเฉิง ใช่ไหม?”
“แน่นอน!”
ยังไม่ทันที่เฉินจื่อเหาและผู้นำตระกูลคนอื่นๆจะเอ่ยปาก เฉิงเพ่ยที่พูดอย่างไม่คิดก็หลุดปากออกมา “แน่นอนอยู่แล้ว!”
ภายใต้อิทธิพลของแอลกอฮอล์ ใบหน้าของหล่อนก็แดงขึ้นและน้ำเสียงก็เต็มไปด้วยความเย่อหยิ่ง
“แกไม่ได้เห็นผู้นำตระกูลเฉิน ผู้นำตระกูลจางและผู้นำตระกูลหลี่เป็นใครหรือไง แม้ว่าพวกเขาจะเป็นแค่ตระกูลแถวหน้า แต่ก็เป็นที่โปรดปรานของตระกูลหูมาก เมื่อเวลาผ่านไป พวกเขาก็จะเลื่อนขั้นเป็นมหาเศรษฐี รอแค่เวลาที่เป็นปัญหาก็แค่นั้น ถ้าในเจียงเฉิงไม่ใช่พวกเขาที่เป็นคนตัดสิน มันยังจะมีใครอีกงั้นเหรอ?”
ทันทีที่คำพูดออกมา ถังเฉาก็ปรากฏรอยยิ้มออกมามากขึ้น แต่สีหน้าของเฉินจื่อเหา จางเทียนเหอ หลี่ซื่อไห่และผู้นำตระกูลอื่นๆต่างเปลี่ยนไปอย่างมาก
คุยกันเป็นการส่วนตัวมันก็ดีอยู่หรอก แต่ที่นี่คือโรงแรมชื่อดังภายใต้ตระกูลเซี่ยนี่สิ!
“หุบปาก!”
หลี่ซื่อไห่พยายามอย่างหนักเพื่อหยุดเฉิงเพ่ย แต่ดูเหมือนหล่อนจะไม่เห็น ในทางตรงกันข้ามด้วยฤทธิ์ของเหล้า เฉิงเพ่ยยิ่งพูดเท่าไหร่ก็ยิ่งหึกเฮิมมากขึ้นเท่านั้น
“ฉันขอแนะนำให้แกให้ความเคารพกับผู้นำตระกูลทั้งสามท่านด้วย เอาตำแหน่งประธานมาให้ฉัน แล้วฉันจะไปวิงวอนแทนให้!”
“ไม่เช่นนั้น ถ้าพวกเขาโกรธขึ้นมาล่ะก็ แม้แต่สามตระกูลยักษ์ใหญ่ในเจียงเฉิงก็ปกป้องพวกแกไม่ได้หรอกนะ!”
เมื่อได้ยินเช่นนั้น ไม่เพียงแต่ผู้นำจากสามตระกูลใหญ่ แต่ยังมีผู้นำตระกูลคนอื่นๆที่สีหน้าของพวกเขาในตอนนี้เปลี่ยนไปอย่างมาก
คำพูดบางคำ มันก็พูดออกมาไม่ได้หรอกนะ!
“เฉิงเพ่ย บอกให้หุบปากไงเล่า!”
เฉินจื่อเหาตะโกนออกไปด้วยความโกรธ ขณะเดียวกันเขาก็ตกใจและมองไปยังถังเฉาโดยไม่รู้ตัว
เขาเข้าใจเจตนาของถังเฉา พร้อมกับขยิบตาให้เฉิงเพ่ยอย่างสุดความสามารถ
แต่เฉิงเพ่ยนั้นคิดว่าเฉินจื่อเหาสนับสนุนให้หล่อนพูดต่อ ดังนั้นหล่อนจึงพูดพรรณนาอะไรให้มันมากกว่านี้
“ประธานหลิน ไม่ใช่ว่าฉันดูถูกคุณหรอกนะ บริษัทลี่จิงกรุ๊ปของคุณแม้ว่ามันจะดี แต่ในสายตาของผู้นำตระกูลทั้งสามนี้มันไม่ใช่ แม้แต่บริษัทกลุ่มคนรวยในเจียงเฉิง ยังต้องปฏิบัติกับพวกเขาอย่างเกรงอกเกรงใจเลย!”
“งั้นเหรอ?”
มุมปากของถังเฉาค่อยๆเผยอขึ้นเล็กน้อย รอยยิ้มปรากฏมากขึ้น “ถ้าอย่างนั้น หล่อนคิดว่าใครมีอำนาจมากที่สุดในเจียงเฉิง?”
“แน่นอนว่าต้องเป็นผู้นำตระกูลเฉิน ผู้นำตระกูลจางและผู้นำตระกูลหลี่ไง!”
เฉิงเพ่ยตอบโดยที่ไม่คิดหน้าหลัง หล่อนตัดสินใจที่จะประจบประแจง
ใบหน้าของเฉินจื่อเหา จางเทียงเหอ หลี่ซื่อไห่และคนอื่นๆต่างซีดเผือด เพิ่งจะอยากดื่มไปเอง
ปัง!
ประตูของที่นั่งชั้นพิเศษก็ถูกเปิดออก
เซี่ยสิงจู๋นำกลุ่มแขกของโรงแรมระดับสูงมายืนอยู่ด้านหน้าของประตู ต้วยใบหน้าที่บึ้งตึง เหงื่อไหลออกมาราวกับน้ำที่หนอง
“ผู้นำตระกูลเซี่ย!”
เฉินจื่อเหา จางเทียนเหอ หลี่ซื่อไห่ ทั้งสามคนนี้มองกลับไป ตื่นตระหนกในทันใด
“เซี่ย ผู้นำตระกูลเซี่ย!”
ส่วนผู้นำตระกูลอื่นๆนั้นต่างไม่พูดอะไรออกมา มือสั่นเทาไปด้วยความกลัว
เฉิงเพ่ยไม่เคยเห็นเซี่ยสิงจู๋มาก่อน จึงเป็นเรื่องปกติที่จะไม่รู้จัก และถามออกไปด้วยความมึนเมาว่า “นายเป็นใครกัน ที่นั่งชั้นพิเศษของผู้นำตระกูลเฉินยังกล้าเข้ามาอีก ไม่กลัวโดนไล่ออกหรือไง?”
เซี่ยสิงจู๋หัวเราะอย่างโกรธเคือง “ฉันเองก็อยากดูว่าพวกนายจะโยนฉันออกไปยังไง!”
“ได้ รอไว้เลย…”
ขณะที่เฉิงเพ่ยกำลังจะให้เฉินจื่อเหาโยนเซี่ยสิงจู๋ออกไป แต่ผู้นำตระกูลคนอื่นๆกลับค่อยๆนั่งลงทีละคน พร้อมกับขอความเมตตา
“ผู้นำตระกูลเซี่ย ไว้ชีวิตด้วยเถอะ!”