แต่บางเรื่องเราก็ไม่มีไฟล์แล้วเหมือนกัน
ด้วยคำพูดของเซี่ยสิงจู๋ที่พูดออกมา ภายในห้องที่นั่งชั้นพิเศษเงียบลง
ไม่เพียงแต่เฉินจื่อเหา จางเทียนเหอ หลี่ซื่อไห่เท่านั้น อีกทั้งยังมีผู้นำตระกูลคนอื่นๆ รวมถึงเฉิงเพ่ยที่สีหน้าของพวกเขานั้นดูโดดเด่นเกินใครมาเทียบ พวกเขาเองก็ไม่เคยคิดมาก่อนเลยว่า ผู้นำตระกูลเซี่ยที่เขาเคารพเทิดทูนจะเป็นคนที่ไปให้ความเคารพแก่ลูกเขยธรรมดาบ้านๆคนนั้น
ดูจากสิ่งที่อีกฝ่ายได้พูดมานั้น ดูเหมือนว่าท่านผู้นำเซี่ยจะให้ความสำคัญกับถังเฉาเป็นอย่างมาก ถึงได้ยอมทำลายสามตระกูลแถวหน้าของเจียงเฉิงเพื่อเขาขนาดนี้
หลินชิงเสว่เองก็มองไปที่ถังเฉาอย่างเหลือเชื่อ เธอค่อนข้างมั่นใจว่าถังเฉานั้นไม่ค่อยจะมีเวลามาที่เจียงเฉิงด้วยซ้ำ แต่ทำไมภายในระยะเวลาอันสั้นนี้ เขาถึงได้ไปรู้จักกับผู้นำตระกูลเซี่ย แถมอีกฝ่ายก็แสดงความเคารพต่อเขาอีก
ในเวลานี้เอง ผู้นำตระกูลทั้งหลายต่างรู้สึกละอายแก่ใจ ได้แต่อธิษฐานอยู่ภายในใจว่าถังเฉาจะเมตตาไว้ชีวิตพวกเขา
ก๊อก ก๊อก ก๊อก
ภายในห้องที่นั่งชั้นพิเศษที่เงียบสงัด มีเพียงเสียงจากนิ้วของถังเฉาที่เคาะลงบนพื้นโต๊ะ
เขาหรี่ตาลง สายตาจับจ้องไปที่เฉินจื่อเหาสามคนนั้น จากนั้นเอ่ยปากพูดออกมา
“ถ้าไม่สุดๆจริงๆ ฉันก็คงไม่จัดการพวกนาย แต่ว่า พวกนายบังคับฉันเองนะ”
ตุบ ตุบ ตุบ!
ทั้งสามคนวนมาล้อมถังเฉาโดยที่ไม่ลังเล
“คุณผู้ชายถัง พวกเราไม่รู้ว่าท่านรู้จักกับผู้นำตระกูลเซี่ย ขอร้องล่ะ ได้โปรดยกโทษให้เราด้วย!”
“หลังจากวันนี้ไป พวกเราตระกูลจางจะคอยติดตามเชื่อฟังคุณผู้ชายถังครับ”
“พวกเราตระกูลหลี่ก็เช่นกันครับ!”
ผู้นำตระกูลทั้งสามแสดงความเห็นของพวกเขาออกไป เต็มใจที่จะเชื่อฟังคำสั่งของถังเฉาอย่างเต็มที่
แต่ถังเฉาส่ายหัวเล็กน้อยพร้อมกับรอยยิ้มบนใบหน้าและพูดว่า “พวกนายลองนับดู ว่าฉันให้โอกาสพวกนายไปกี่รอบแล้ว แต่พวกนายกลับทำเสียซะหมด”
ใบหน้าของเฉินจื่อเหา จางเทียนเหอและหลี่ซื่อไห่นั้นดูน่าเกลียดไปกว่าเดิม พวกเขาเสียใจอย่างสุดซึ้ง
อันที่จริง เขาให้โอกาสพวกนั้นมาเยอะแล้ว
เดิมเป็นการประชุมเจรจาธรรมดา แต่ขอเพียงพวกเขาลงนามในชื่อ พวกเขาก็สามารถยุติมันได้ แต่น่าเสียดายที่พวกเขามัวแต่ไปฟังการใส่ร้ายของเฉิงเพ่ยและยืนกรานที่จะจัดงานเลี้ยงอาหารค่ำ ด้วยสิ่งนั้นจึงทำให้เกิดเหตุการณ์ในตอนนี้ตามมา
“เอางี้ก็แล้วกัน ฉันจะให้โอกาสพวกนายเป็นครั้งสุดท้าย”
ถังเฉากวาดตาไปรอบๆ “ภายในเวลาหนึ่งนาที พวกนายผู้นำตระกูล หากใครยอมพูดความคิดที่แท้จริงออกมา ฉันก็จะยอมให้อภัย ดีไหมล่ะ?”
เมื่อพูดจบ ก็ได้ให้ชามข้างแก่หลินชิงเสว่หนึ่งใบ อาหารมื้อนี้ เธอแทบจะไม่ได้แตะจับตะเกียบเลย ถังเฉากลัวว่าเธอจะหิวจนผอมโซ
ทันทีที่พูดออกไป ใบหน้าของผู้นำตระกูลทั้งหมดก็เปลี่ยนไปเล็กน้อย ต่างมองหน้ากันและกัน พูดอะไรไม่ออก
เฉินจื่อเหา จางเทียนเหอ หลี่ซื่อไห่ต่างมองหน้ากัน ทุกสายตาตานั้นดูเย็นชา พวกเขาตัดสินใจแล้ว พวกเขาไม่สามารถบอกจุดประสงค์ที่แท้จริงของพวกเขาได้
หลินชิงเสว่นั้นเป็นภรรยาของถังเฉา หากเขารู้ว่าจริงๆต้องการที่จะนำตัวหลินชิงเสว่ไปที่โรงแรมล่ะก็ มันก็จะเป็นทางเพิ่มความตายให้ไปอีก
พูดไม่ได้ ห้ามพูดเด็ดขาด!
ไม่เพียงเท่านี้ พวกเขายังใช้สายตาข่มขู่ผู้นำตระกูลคนอื่นๆให้อยู่ในความสงบ
“เหลือเวลาอีกสามสิบวินาที”
ทันใดนั้นถังเฉาก็พูดขึ้น
ติ๊กต่อก ติ๊กต่อก
ถังเฉาเริ่มนับถอยหลัง
ผ่านเสียงนับไปถึงสิบ ก็ยังไม่มีใครเอ่ยปากออกมา
ถังเฉามองไปที่เซี่ยสิงจู๋ “จดบันทึกตระกูลทั้งหมดที่อยู่ที่นี่ จากนั้นก็จัดการให้เรียบร้อย”
“ได้ครับ คุณผู้ชายถัง!”
ใบหน้าของเซี่ยสิงจู๋นั้นเต็มไปด้วยรอยยิ้มที่เย็นชา เขากำลังจะสั่งให้ลูกน้องไปจัดการ
ทันใดนั้น ผู้นำตระกูลคนหนึ่งก็ยืนขึ้นด้วยใบหน้าที่ซีดเผือด “ฉัน ฉันจะพูดเอง”
ถังเฉาทำมือให้ยุติ จากนั้นมองไปที่เขาด้วยรอยยิ้ม นายพูดได้”
อิทธิพลของตระกูลนี้นั้นไม่เท่ากับตระกูลเฉิน ตระกูลจางและตระกูลหลี่ เขาเป็นแค่ผู้นำตระกูลอันดับสองเท่านั้น
“ในการประชุมเจรจาครั้งนี้ ภายใต้การนำของผู้นำตระกูลเฉิน ตระกูลจางและตระกูลหลี่ พวกเรานั้นไม่ได้คิดที่จะให้คุณหลินผ่านได้ตั้งแต่แรก มีเพียงเฉิงเพ่ยที่แนะนำว่า ขอเพียงให้คุณหลินนั้นเมาไม่ได้สติ แล้วใช้รูปถ่ายไปข่มขู่ พวกเราก็จะมีความสุขและทำเงินได้มากมาย จากนั้น…ก็แค่ลงมือทำ”
เมื่อพูดถึงตอนท้าย ใบหน้าของผู้นำตระกูลก็เคร่งเครียด เหงื่อเย็นๆไหลลงที่หน้าผากของเขา
“ผมเป็นพยาน ว่าสิ่งที่เขาพูดคือความจริงครับ!”
“ผมด้วย ผมก็เป็นพยาน”
“ฉันก็ด้วย”
ทันทีที่พูด ผู้นำตระกูลแต่ละคนก็ค่อยๆทยอยพูดออกมา พวกเขานั้นเป็นเพียงตระกูลเล็กๆ ที่ไม่มีอำนาจหรืออิทธิพลเท่ากับตระกูเฉิน ตระกูลจางและตระกูลหลี่
ภายใต้การบีบบังคับของผู้นำตระกูลเซี่ยและถังเฉา พวกเขาไม่มีทางเลือกนอกจากยอมจำนน
“ไอ้เวรเอ๊ย!”
เฉินจื่อเหา จางเทียนเหอและหลี่ซื่อไห่โกรธจัด ขณะเดียวกันใบหน้าของพวกเขาก็เริ่มดูน่าเกลียดอย่างมาก
พวกเขาถูกทรยศแล้วจริงๆ
ทันทีที่เขาพูดเช่นนี้ นัยน์ตาของถังเฉาก็ดูมืดมนเป็นอย่างมาก แม้ว่าเขาจะเคยเห็นความคิดของคนเหล่านี้มานานแล้ว แต่เมื่อความจริงปรากฏออกมา ในใจของเขาก็ยังรู้สึกโกรธ
หน้าผากของเซี่ยสิงจู๋ตอนนี้ก็มีเหงื่อไหลเช่นเดียวกัน ภรรยาของถังเฉา แม้ว่าจะเป็นเขาก็ต้องให้เกียรติเช่นกัน ขยะกลุ่มนี้กล้าจริงๆเข้าไปยุ่ง
เมื่อความจริงปรากฏ หลินชิงเสว่มองไปที่ถังเฉาอย่างตะลึงงัน ใบหน้าของเธอนั้นดูเหลือเชื่อกับสิ่งนี้ “ที่แท้นี่ก็เป็นจุดประสงค์ของหล่อนสินะ!”
เฉิงเพ่ยที่เพิ่งรอดชีวิตมาได้ รู้สึกหวาดกลัวและสับสนราวกับกำลังฝันอยู่
สำหรับหล่อน การปีนขึ้นไปหาตระกูลเฉิน ตระกูลจางและตระกูลหลี่นั้น มันก็เหมือนกับนกกระจอกที่กลายเป็นนกฟินิกซ์ แต่ตระกูลเซี่ยนั้นเป็นตระกูลที่มั่งคั่งร่ำรวยที่แม้แต่ตระกูลเฉินตระกูลจางก็ไม่กล้าเข้าไปยุ่งเกี่ยว
แต่ในตอนนี้ เซี่ยสิงจู๋กับให้ความเคารพต่อถังเฉาเป็นอย่างมาก ยังไม่ทันไร เปลวไฟแห่งสงครามก็ได้แผดเผาตนอีกครั้ง
เมื่อเห็นว่าแผนถูกเปิดเผย เฉินจื่อเหา จางเทียนเหอและหลี่ซื่อไห่ก็หันไปหาถังเฉาทันที
“คุณผู้ชายถังครับ ทั้งหมดนี้เป็นความคิดของนังบ้านั่น เดิมทีเราแค่อยากจะทำให้ภรรยาของคุณลำบากเฉยๆ ไม่ได้อยากทำอะไรเลย แต่หล่อนดันเสนอความคิดที่จะมอมเหล้าให้คุณหลินเมา พวกเราโง่ไปชั่วขณะครับ!”
“ใช่ พวกเรายังไม่ได้มอมเหล้าอะไร คุณก็เอาไปดื่มก่อน ดังนั้นเราจึงไม่ได้ดำเนินการอะไร!”
ทั้งสามสารภาพออกมาด้วยความกลัว เพื่อที่จะรักษาชีวิต จึงเอาเฉิงเพ่ยเข้ามาเกี่ยว
“เฉิงเพ่ย หล่อนไม่พอใจที่ฉันเป็นประธานเมื่อสองสามปีก่อน แต่ฉันไม่ได้คิดเลยนะว่าหล่อนจะใจร้ายขนาดนี้ จากนี้ไปหล่อนจะถูกไล่ออก!”
หลินชิงเสว่กล่าวด้วยความโกรธ
เฉิงเพ่ยเพิ่งตื่นราวกับฝันไป หล่อนคลานเข้าไปหาหลินชิงเสว่ “ประธานหลิน ฉันผิดไปแล้ว ฉันไม่กล้าแล้ว ได้โปรด ครั้งนี้ได้โปรดยกโทษให้ฉันเถอะ!”
“ไปให้พ้น!”
หลินชิงเสว่ไม่ใจอ่อน เธอผลักหล่อนออกไป
นัยน์ตาของถังเฉาก็เย็นยะเยือกในทันที พร้อมกับชี้ไปทางผู้นำตระกูลที่พูดความจริงว่า “คนพวกนี้ปล่อยไปได้ ส่วนที่เหลือก็ทำลายไปให้หมด!”
“ครับ!”
เซี่ยสิงจู๋ตอบรับ จากนั้นดวงตาของเขาก็มีแสงวาบข้างใน “มาเถอะ ปิดประตูใหญ่ซะ วันนี้หยุดกิจการชั่วคราว!”
คนที่มีตำแหน่งเป็นผู้นำตระกูล จะมาทำตัวเป็นพุทธศานิกชน อุบาสกอุบาสิกาได้ยังไง?
“ผู้นำตระกูลเซี่ย อย่า!”
“ปล่อยพวกเราไปเถอะ พวกเราไม่กล้าอีกแล้ว!”
เมื่อเห็นการต่อสู้ครั้งนี้ จางเหอเทียนและหลี่ซื่อไห่ก็ตกใจมากจนพวกเขาร้องขอความเมตตาซ้ำแล้วซ้ำเล่า
เฉินจื่อเหาไม่ได้พูดอะไร เขาตกอยู่ในความเงียบ ดวงตาไม่อยู่กับร่องกับรอย
ทันใดนั้น เขาเงยหน้าขึ้น ดวงตาของเขาที่เต็มไปด้วยความมุ่งมั่นและความมั่นใจมองไปที่ถังเฉาและเซี่ยสิงจู๋
“ฉันพนันเลยว่า แกไม่กล้าทำร้ายพวกเราหรอก!”