คำพูดของถังเฉา ความจริงแล้วมีเหตุผลมาก
ไม่ว่าของนั้นจะแพงหรือไม่ สำคัญที่ใครเป็นผู้ใช้
ถ้าเป็นเพียงเครื่องราชอิสริยาภรณ์ที่ทำจากทองบริสุทธิ์ อย่าว่าแต่หนึ่งพันห้าร้อยล้านเลย แสนห้า ก็ไม่มีใครซื้อ
แต่นี่เป็นตระกูลหลวงในเยี่ยนตู เครื่องราชอิสริยาภรณ์ของตระกูลถัง ราคาจึงได้ขึ้นสูง
อย่าว่าแต่เครื่องราชอิสริยาภรณ์เลย ต่อให้เป็นถ้วยชามตะเกียบ อ่างล้างหน้า ที่ตระกูลถังเคยใช้ ล้วนคุ้มค่าแกการสะสม
แต่ ถังเฉาโยนถุงขยะให้ถังหลิน มันช่างเหยียดหยามกันเหลือเกิน
“ไอ้เด็กเวร ฉันจะฆ่าแก!”
ทันใดนั้นอารมณ์ของถังหลินก็บูดบึ้งอย่างยิ่งขึ้นทันใด แววตาที่มองถังเฉา แทบจะถลกหนังของเขาออกมาแล้ว
ถังหมิงก็เช่นเดียวกัน จ้องไปที่ถังเฉาอย่างเลือดเย็น
“ยังไม่มีใคร กล้าเหยียดหยามตระกูลถังของฉันมาก่อน!”
“อย่าคิดว่ามีคุณหลินคอยให้ท้ายอยู่ แล้วจะทำอะไรก็ได้นะ”
ซ่งหรูอี้ยืนนิ่งๆอยู่ข้างๆ สังเกตการณ์อย่างเงียบๆ ด้วยแววตาที่สงบ
ความจริงจุดจบแบบนี้ เธอคาดการณ์ไว้นานแล้ว
ต่อหน้าถังเฉา ถังหลินไม่ได้เปรียบแม้แต่น้อย
แต่เธอไม่ได้เตือนคนอื่น เธออยากให้คู่หมั้นที่ได้มาง่ายๆของเธอคนนี้ เจอกับความยากลำบาก นี่เป็นสิ่งที่เธออยากเห็นอยู่แล้ว
แต่ซุนยู่เฟิง ต่งวี่ซู่ และประธานของบริษัทสิบยักษ์ใหญ่ ต่างก็ประหลาดใจจนพูดไม่ออก
ตระกูลหลวงในเยี่ยนตู เป็นตระกูลที่แม้แต่พวกเขายังต้องให้เกียรติ แล้วคุณถังไม่กลัวจริงๆเหรอ?
ถังเฉาโบกมือ ถังชิงเหอจึงรีบวิ่งไปอยู่ข้างๆเขา ด้วยแววตาอันตื้นตัน
ถ้าไม่ใช่เพราะถังเฉา เธอถูกลากไปตั้งนานแล้ว
การกระทำนี้ ทำให้ความอาฆาตในใจของถังหลิน ทวีขึ้นไปอีก
“คุณถังพูดชัดเจนมากแล้ว ว่าเธอไม่อยากไปกับคุณ แต่พวกคุณกลับไม่ฟังเธอ จะลากเธอไปให้ได้ นี่เป็นสไตล์ของตระกูลถัง?”
ถังเฉากล่าวอย่างเย็นชา “ผมจะบอกคุณให้ฟังชัดๆนะ ถังชิงเหอ คุณเอาไปไม่ได้ เครื่องราชอิสริยาภรณ์ คุณก็เอาไปไม่ได้ สิ่งที่คุณจะเอาไปได้ ก็มีแค่ถุงขยะใบนี้นี่แหละ!”
ทุกคนชะงักอีกครั้ง
อวดดี
อวดดีเกินไปแล้ว
ช่างดูถูกตระกูลถังในเยี่ยนตูเสียจริงๆ!
หัวใจของซุนยู่เฟิง ต่งวี่ซู่ ถังชิงเหอและคนอื่นๆเต้นรัวๆ เครียดจนมือออกเหงื่อแล้ว
หลังจากที่หลินชิงเสว่เคร่งเครียดแล้วนั้น จิตใจก็ค่อยๆสงบลง
เพราะเธอนึกถึงถังเฉา ทำเพื่อเธอตอนที่อยู่ที่เยี่ยนจิง
แม้แต่ตระกูลหลินยังไม่สนใจ งั้นยิ่งไม่ต้องพูดถึงตระกูลถังที่ไม่มีความสัมพันธ์เครือญาติเลย ไม่มีทางไว้หน้าแน่นอน
แววตาของซ่งหรูอี้เพ่งมองไปที่ถังเฉา นัยน์ตาเป็นประกาย
หญิงสาวทั้งสองรับรู้ได้ถึงสายตาที่มองมาของอีกฝ่าย ทันใดนั้น ต่างฝ่ายก็ต่างสบตากัน
หลินชิงเสว่แววตาเย็นชา ซ่งหรูอี้ก็เหลือบตาไปมอง
“ไอเด็กเวร แกคิดว่าฉันไม่กล้าทำอะไรแกเหรอ?”
เมื่อมีสติขึ้นมา ถังหลินได้เกรี้ยวกราดขึ้นทันใด
ถังเฉาดูแคลน หยิบเครื่องราชอิสริยาภรณ์สีทองเรืองรองออกมา แล้วกำเล่นในมือ
เครื่องราชอิสริยาภรณ์ของตระกูลถังของฉัน……“”
การกระทำนี้ ยิ่งทำให้ถังหลินเกรี้ยวกราดมากขึ้น
เขาไม่เข้าใจ ลูกเขยแต่งงานเข้าบ้านหญิงอาศัยบารมีของคุณหนูตระกูลหลิน ไปเอาความกล้าเหยียดหยามเขามาจากที่ไหนกัน
“คิดว่าฉันจะใส่ใจเครื่องราชอิสริยาภรณ์ของตระกูลถังของพวกแกจริงๆเหรอ?”
จู่ๆ ถังเฉาเยาะเย้ยอย่างไม่พอใจออกมา “ก็แค่ตระกูลถัง ในสายตาของฉัน จะกำจัดตอนไหนก็ได้ แล้วยังกล้าข่มขู่ฉันอีกเหรอ?”
คำพูดของถังเฉา ทำให้ถังหลินและถังหมิงมึนงงไปสักพัก
เมื่อได้สติกลับมา ก็ยิ่งทวีความโกรธเข้าไปอีก “กล้ามากนะ ที่แกทำให้บริษัทพวกนี้ยอมศิโรราบได้ ก็ไม่ใช่ว่าใช้เครื่องราชอิสริยาภรณ์ของตระกูลถังของฉันหรอกเหรอ?”
“ตอนนี้ ตระกูลถังที่แท้จริงอยู่ที่นี่ แล้วพวกเขายังกล้าศิโรราบให้แกอีกเหรอ?”
เขามองว่า ที่ถังเฉาไม่กลัวบริษัทตระกูลซ่งได้ขนาดนี้ ก็เป็นเพราะมีเครื่องราชอิสริยาภรณ์ของตระกูลถัง ยังไง เมื่อเทียบกับตระกูลถัง บริษัทตระกูลซ่งก็ไม่มีค่าอะไรจริงๆ
“เหรอ?”
ถังเฉาหัวเราะเบาๆ “ในเมื่อเป็นแบบนี้ คุณก็ใช้ตัวตนคุณชายตระกูลถัง ให้พวกเขาไม่มาพึ่งพาผมอีกต่อไปสิ”
เมื่อพูดจบ เขาก็ไม่ขัดขวาง เพียงแต่มองไปที่ซุนยู่เฟิง ต่งวี่ซู่อย่างยิ้มกรุ้มกริ่ม
แว็บเดียว พวกเขาทุกคนล้วนอกสั่นขวัญหาย ใจเต้นอย่างรวดเร็ว
แต่ ความเคร่งเครียดแบบนี้เป็นชั่วขณะหนึ่งเท่านั้น แล้วสายตาของทุกคนก็เปลี่ยนไปแน่วแน่ขึ้นมา
แม้ตระกูลถังจะน่ากลัว แต่พวกเขายอมที่จะเชื่อ ว่าถังเฉาเก่งกว่ายิ่งกว่า!
ถังหลินยังไม่ทันตระหนักถึงเรื่องทั้งหมด เพียงแต่หน้าตาดุร้าย แล้วมองไปที่ซุนยู่เฟิง ต่งวี่ซู่อย่างดุดัน “ฉันในนามตระกูลถัง ขอสั่งให้พวกคุณตัดขาดความสัมพันธ์กับมัน!”
ซุนยู่เฟิง ต่งวี่ซู่ ถังชิงเหอล้วนสีหน้าเย็นช้า
เมื่อเห็นดังนี้ ถังหลินจึงประหลาดใจ
เดิมทีคิดว่าประธานของเหล่าธุรกิจเล็กๆนี้ต้องประจบสอพลอไปตามผู้มีอิทธิพลแน่ๆ ไม่คาดคิดว่าจะไม่มีปฏิกิริยาใดๆโต้ตอบเลยแม้แต่น้อย
“พวกคุณไม่เห็นหัวผม?”
ถังหลินเกรี้ยวกราดอย่างที่สุด
“นี่ ไปตรวจสอบนะว่าในเมืองหมิงจูมีธุรกิจในเครือของตระกูลถังที่เยี่ยนจิงมั้ย ถ้ามี ทำให้ล้มละลายหมด!”
“แล้วก็ใช้เส้นสาย ตรวจสอบว่ามีคนของตระกูลถังที่เยี่ยนจิงอยู่ที่เมืองหมิงจูมั้ย ถ้ามีไล่ออกนอกเมืองให้หมด!”
จู่ๆ ต่งวี่ซู่หยิบมือถือเข้ามา โทรหาลูกน้อง จึงต้องเป็นที่สังเกตของทุกคนในทันใด
ถังหลินและถังหมิงเบิ่งตาโตขึ้นมาอย่างคิดไม่ถึงในทันใด
ถังเฉายิ้มอย่างมีเลศนัย อดไม่ได้ที่จะหัวเราะออกมา
เมื่อเห็นเหตุการณ์นี้ ซุนยู่เฟิงก็เสียใจอย่างสุดๆ คิดในใจว่าตัวเองก็ไม่คาดคิด?
ดังนั้นจึงได้หยิบมือถือขึ้นมาด้วยเช่นกัน “ภายในหนึ่งชั่วโมง ทำให้ธุรกิจของตระกูลถังที่เยี่ยนจิงพังพินาศให้หมด ถ้าใครถาม ก็บอกชื่อฉันไป!”
ถังหลินและถังหมิงเหมือนคนบ้าก็มิปราณ ใบหน้าเต็มได้ด้วยความเหลือเชื่อ
ซ่งหรูอี้ส่ายหน้า “ไอ้โง่”
กริ๊ง!
ไม่นาน มือถือของถังหลินดังขึ้นไม่หยุด เป็นคนรับผิดชอบของบริษัทในเครือโทรมาทั้งหมด
ตระกูลถังเป็นหนึ่งในตระกูลหลวงในเยี่ยนตู แล้วกิจการจะมีแค่ที่เยี่ยนจิงได้อย่างไรกัน ที่เมืองหมิงจูก็มีกิจการของพวกเขาอยู่เช่นกัน
แต่ ปกติพวกเขาไม่ค่อยใส่ใจก็เท่านั้น
แต่ตอนนี้ มือถือของเขามีสายเข้าจนจะระเบิดแล้ว
เพียงแค่ในระยะเวลาสิบนาที ข้อความที่เขาได้รับคือ กิจการของตระกูลถังที่เมืองหมิงจูทั้งหมด ถูกอายัดไว้หมดแล้ว!
ถังหลินถือโทรศัพท์ ตาลุกโต ใบหน้ากระตุกด้วยความโกรธ
ความโกรธที่มีในใจยิ่งอยู่ยิ่งมากขึ้นเรื่อยๆ เขาในฐานะที่เป็นคุณชายตระกูลถังเคยถูกรังแกที่ไหนกัน?
แม้แต่ประธานของธุรกิจขนาดเล็กของตระกูลเล็กๆพวกนี้ของเมืองหมิงจู ก็กล้าดูถูกเขา?!
เขาจ้องซุนยู่เฟิง ต่งวี่ซู่และทุกคน ด้วยอารมณ์ดุดัน “พวกแก ไม่กลัวถูกล้างบางตระกูลหรือไง?”
“ผมจะดุว่าใครจะกล้าทำ?”
ถังหลินเพิ่งพูดจบ ก็มีเสียงอันทรงพลังของผู้หญิงคนหนึ่งดังขึ้นอีกครั้ง
จ้าวเย็นหรานและเย่เทียนหลงมาพร้อมกัน สีหน้าเย็นชา เต็มไปด้วยความอาฆาต
“เย็นหราน และแล้วคุณก็มาเสียที!”
เมื่อเห็นจ้าวเย็นหราน จิตใจของถังชิงเหอ ก็ผ่อนคลายลงเสียที
คือเธอ ที่โทรหาจ้าวเย็นหราน และจ้าวเย็นหรานได้เรียกเย่เทียนหลงมาด้วย
“พวกแกเป็นใครอีก?”
ถังหลินรู้แค่เพียงว่าหัวของตัวเองกำลังจะระเบิดแล้ว วันนี้ทุกคนที่เขาได้พบเจอ ล้วนเป็นศัตรูกับเขาทั้งนั้น
“ผู้นำของตระกูลจ้าว จ้าวเย็นหราน!”
“ตระกูลเย่ เย่เทียนหลง!”
จ้าวเย็นหรานราวกับได้สติกลับมาจากเรื่องการเปลี่ยนแปลงของตระกูลจ้าว เขายืนอยู่กับเย่เทียนหลง ใช้สายตาเลือดเย็นจ้องไปที่ถังหลิน
“ไม่เคยได้ยิน!”
ถังหลินสีหน้าไม่พอใจ
จ้าวเย็นหรานใช้สายตาดุดัน “เดี๋ยวคุณก็จะได้ยิน”
เย่เทียนหลงที่อยู่ข้างๆ ก็เดินเข้าไปด้วยสีหน้าเลือดเย็นเช่นกัน
“ได้ยินว่า คุณจะล้างบางตระกูลของผม?”
ถังหลินโมโหจนจะบ้าอยู่แล้ว จึงได้ตะคอกออกมาว่า “พวกแกรู้มั้ยว่าฉันเป็นใคร? ฉันคือตระกูลถังตระกูลหลวงในเยี่ยนตู……””
เย่เทียนหลงไม่ทันรอให้ถังหลินพูดจบ ก็ตบที่ไหล่ของเขา จากนั้นก็ชี้ไปที่ชั้นล่าง
“อืม?”
ถังหลินมองลงไปด้านล่าง จู่ๆ ก็ตาโตขึ้นมา
เห็นด้านล่างอาคารกั๋วจี้ จอดเต็มไปด้วยรถ
รถเก๋งสีดำทั้งหมด จอดเต็มถนนไปหมด
ในรถทุกคัน มีชายกำยำที่เต็มไปด้วยความอาฆาต ชุดดำสี่ห้าคนลงมา
ทั้งหมดเป็นคนของตระกูลเย่ และตระกูลจ้าว
จากคืนนั้นที่ตระกูลจ้าวเกิดการเปลี่ยนแปลง ตระกูลจ้าวและตระกูลเย่ได้กลับมาเป็นครอบครัวเดียวกันอีกครั้ง
เย่เทียนหลงจุดบุหรี่หนึ่งตัว หลับตามองไปที่ถังหลิน แล้วเป่าควันบุหรี่ ใส่หน้าเขา
“ไอ้เด็กเวร ดูให้ดีว่าที่นี่คือที่ไหน ที่นี่คือเมืองหมิงจู ไม่ใช่เยี่ยนจิงของพวกแก!”
“ถ้าเป็นมังกร ก็นอนลงไปอย่างสงบ ถ้าเป็นเสือ ก็ต้องหมอบลงไป!”