เสียงที่ไม่แน่ชัดนั้น เป็นเหมือนคำตัดสินโทษประหารของซือเหวินปิน
ใบหน้าของเขาซีดขาวราวกับกระดาษ เหงื่อที่เย็นยะเยือกไหลผ่านลงบนหน้าผาก เขาถือโทรศัพท์ด้วยร่างกายที่สั่นเทาไปทั้งตัว
“ไอ้โง่ เป็นยังไงบ้างล่ะ?”
ซือฉี่เหิงเตะเข้าไปที่ซือเหวินปินอีกครั้ง ถามด้วยใบหน้าที่เต็มไปด้วยความบูดบึ้ง
เขาก็กลัวเหมือนกันนี่!
ถึงแม้ว่าเขาจะเป็นมือหนึ่ง แต่ถ้าเอามาเทียบกับหนุ่มใหญ่อย่างคนบ้าดนตรีล่ะก็ เขาก็คงเปรียบไม่ได้กับอะไรทั้งนั้น
แต่ลูกชายของเขาดันมาขัดจังหวะความสนุกของทุกคนซะนี่ แม้แต่คุณผู้หญิงบ้าดนตรีเองก็ถูกปฏิเสธไป
นี่เป็นความผิดพลาดร้ายแรง!
ใครคนหนึ่งทำผิด อีกคนก็ต้องโดนไปด้วย
เสียงของซือเหวินปินนั้นสั่นเทา “พ่อ เบอร์ของคุณหลินโทรไม่ติด!”
เพี๊ยะ!
ซือฉี่เหิงตบไปที่ใบหน้าของเขาอีกครั้งพร้อมกับคำรามออกมา “โทรต่อไป!”
ซือเหวินปินได้แต่กัดฟันทำ โทรต่อไปเรื่อยๆ
อย่างไรก็ตาม ทุกครั้งที่โทรออกไป สายล้วนแต่ไม่ว่าง
ขณะนั้นเอง ฉินเจียนเวยก็เดินเข้ามา มองเขาอย่างหยามเหยียด
นี่เป็นครั้งแรกที่ซือเหวินปินได้แสดงความเห็นต่อคนบ้าดนตรีอย่างใกล้ชิดเช่นนี้
งดงาม
งดงามมากจริงๆ
เป็นความรู้สึกที่ยอดเยี่ยมจริงๆ
แต่ใบหน้าที่ปกคลุมไปด้วยผ้านั้นเต็มไปด้วยความไม่พอใจ
ในดวงตานั้นเหมือนมีแสงเย็บวาบเกิดขึ้นภายใน
“ฉันไม่รู้หรอกนะว่าระหว่างนายกับบริษัทลี่จิงกรุ๊ปจะมีความบาดหมางทางการค้าอะไรกัน ฉันก็แค่รู้จักกับประธานหลินที่เป็นหนึ่งในเด็กฝึกงานของฉัน และยังเป็นหุ้นส่วนของบริษัทลี่จิงกรุ๊ปด้วยก็เท่านั้นเอง”
ขณะที่พูด หล่อนก็ยืดนิ้วออกมาห้านิ้ว
“ฉันไม่ได้เป็นคนมีความอดทนนักหรอกนะ ให้ห้านาที ถ้าภายในห้านาทียังไม่เปิดประตูล่ะก็ ฉันก็จะไป แล้วในอนาคตหากมีคอนเสิร์ต หมิงจูจะไม่ได้ถูกจัดให้อยู่ในรายชื่ออีก!”
ตูม!
ทันทีที่คำพูดนี้หลุดออกมา ใบหน้าของชายต่างชาติผู้ยิ่งใหญ่ดูมีความสุข
ถูกกำจัดไปหนึ่งเมือง นั่นก็จะทำให้เมืองของพวกเขามีโอกาสถูกเลือกมากขึ้น
กองกำลังในเมืองหมิงจูต่างตื่นตระหนก
เจิงเทียนเสียงนั้นเต็มไปด้วยความโกรธ ด่ากราดออกไปด้วยความโกรธที่อัดล้น “ซือฉี่เหิง ยังไม่รีบเชิญคุณหลินมาอีก ใจกล้าบ้าบิ่นเกินไปแล้วถึงกล้าเอาบริษัทของคุณหลินมาเป็นของตัวเอง!”
“แต่ว่าบริษัทพวกเขาจะทำให้เราเสียหายอย่างหนักเลยนะ…”
ซือเหวินปินที่กำลังจะอธิบาย ก็โดนเจิงเทียนเสียงเตะลงไปกองกับพื้น
การแสดงออกของเขาน่ากลัว
“ถ้านายยังพูดจาเหลวไหลอีก ฉันจะโยนนายไปแม่น้ำหมิงจูให้ปลากินซะตอนนี้เลย”
ซือเหวินปินไม่กล้าที่จะพูดอะไรออกมาอีก ได้แต่ทำหน้าขอร้องวิงวอนไปที่ซือฉี่เหิง
ตอนนี้ มีเพียงซือฉี่เหิงเท่านั้นที่ช่วยตนได้
ซือฉี่เหิงเองก็รู้สึกขมขื่นเช่นเดียวกัน
ถ้าตนรู้ว่าตั้งแต่แรกว่าบริษัทที่ลูกชายหน้าโง่มาซื้อคือบริษัทลี่จิงกรุ๊ป เรื่องแบบนี้ก็คงจะไม่เกิดขึ้น
และตอนนี้ ตระกูลซืออันเก่าแก่ก็ได้กลายเป็นเป้าของการวิพากษ์วิจารณ์ในที่สาธารณะเป็นที่เรียบร้อย
ดูเหมือนจะไม่มีหวังในการเลื่อนตำแหน่ง แค่มีชีวิตรอดก็ถือว่าโชคดีแล้ว
“เอาโทรศัพท์มาให้ฉัน!”
เขาคว้าโทรศัพท์มือถือของซือเหวินปิน ค้นหาเบอร์ของหลินชิงเสว่ จากนั้นใช้โทรศัพท์ของตนกดโทรออก
ครั้งนี้ โทรติดแล้ว
ซือฉี่เหิงนั้นกัดฟันกรอดๆด้วยความโกรธ ที่แท้ก็โดนบล็อกนี่เอง
“ฮัลโหล?”
เสียงที่มาจากในโทรศัพท์เป็นเสียงที่ดูเกียจคร้านของถังเฉา
“คุณถัง…”
น้ำเสียงของซือฉี่เหิงนั้นมีความขอร้องวิงวอนแฝงอยู่
ตู๊ดตู๊ดตู๊ด
อย่างไรก็ตาม อีกไม่กี่วินาทีต่อมา สายก็ถูกวางไป
ซือฉี่เหิงตกตะลึงเป็นเวลานาน เขาไร้ซึ่งปฏิกิริยาใดๆ
“เหลือเวลาอีกสามนาที”
คนบ้าดนตรีกล่าวอย่างเย็นชา
ซือฉี่เหิงตอบสนองทันที เขากดโทรออกอย่างบ้าคลั่ง
โทรศัพท์มีการเชื่อมต่ออีกครั้ง
“มีเรื่องอะไรอีกงั้นเหรอ?บริษัทของภรรยาฉันก็มอบให้พวกนายแล้วไง ตอนนี้ พวกเราไม่อยากข้องเกี่ยวอะไรกับพวกนายอีก!”
น้ำเสียงของถังเฉานั้นแสดงความไม่แยแสเลยแม้แต่น้อย
หน้าผากของซือฉี่เหิงมีเหงื่อไหลออกมาตลอด “คือแบบนี้นะครับ คุณถัง ลูกชายของผมมันโง่เขลาที่ไปขุ่นเคืองคุณหลิน ผมต้องขอโทษคุณหลินแทนด้วยนะครับ”
“โครงการก่อสร้างในเมือง บริษัทลี่จิงกรุ๊ปของพวกคุณก็ตกเป็นเหยื่อ พวกเราไม่ต้องการค่าชดใช้ใดๆ เพียงแค่ต้องการให้ลี่จิงกรุ๊ปเป็นตัวเลือกแรกสำหรับโครงการในอนาคต คุณคิดว่าอย่างไรครับ?”
ขณะที่พูด น้ำเสียงของซือฉี่เหิงก็สั่นไปหมด
แต่ไม่มีหนทางแล้ว หากไม่แก้ไขเรื่องนี้ให้ดีล่ะก็ วันเวลาที่ดีของพวกเขาจะต้องจบสิ้นเป็นแน่
ถังเฉาถอนหายใจออกมา “ไม่ใช่ว่าฉันไม่เห็นด้วยกับฝ่ายบริหาร แต่พวกนายไม่คู่ควรแก่การไว้วางใจอีกต่อไป ทำเป็นพูดจาดี ปลาเน่าตัวเดียว ตายไปทั้งข้อง….”
ซือฉี่เหิงเข้าใจความหมายของถังเฉาในทันที จึงรีบพูดออกไปว่า “คุณถัง คุณบอกให้คุณหลินวางใจได้เลย ต่อไปโครงการของลี่จิงกรุ๊ปในอนาคต ผมจะเป็นคนที่มีอำนาจและสิทธิ์ในการติดตาม ตอนนี้ผมจะไล่ลูกชายที่โง่เขลาของผมออกไป ขอโทษที่เพิ่มปัญหาให้พวกคุณจริงๆ!”
ถังเฉายิ้มออกมา “ประธานหลินบอกเอาไว้แล้ว พวกเราไม่เอาเปรียบพวกคุณ เราจะชดใช้เท่าที่คุณต้องการ”
ซือฉี่เหิงจะกล้ารับได้ยังไงกัน “ไม่อย่างงั้น เอาแบบนี้ก็แล้วกัน ฉันจะให้ทุนแก่คุณผู้หญิงบ้าดนตรีในการสร้างประติมากรรม ต้องสร้างใจกลางแม่น้ำหมิงจูและทำให้มันกลายเป็นสถานที่ที่สำคัญในเมืองหมิงจูให้ได้ เพื่อเป็นการระลึกถึงการส่งเสริมศิลปะในหมิงจูของคุณผู้หญิงบ้าดนตรี!”
ซือฉี่เหิงนั้นทำตัวเป็นปลาไหลมาแล้วครึ่งค่อนชีวิต แค่พูดเพียงกี่คำ ก็สามารถแก้ไขปัญหาได้ แต่ยังได้เตะตูดคนบ้าดนตรีอีก
ฉินเจียนเวยส่ายหัว “คุณไม่จำเป็นต้องสร้างประติมากรรมหรอก แค่ปั้นประติมากรรมตัวบุคคลก็พอ”
เมื่อเห็นว่าคนบ้าดนตรีนั้นดูถูกโน้มน้าวแล้ว ซือฉี่เหิงจึงไม่รอช้ารีบถามต่อว่า “คุณผู้หญิงบ้าการดนตรี การประติมากรรมครั้งนี้ คุณสามารถตัดสินได้เลยว่าจะเอาแบบไหนครับ”
เห็นเพียงฉินเจียนเวยทำใบหน้าเคร่งขรึม “เขาปกป้องชายแดนด้านเหนือของชายแดน ต่อต้านการรุกรานของศัตรูต่างประเทศ ปกป้องความสงบสุขของต้าเซี่ยเอาไว้ หากไม่มีเขาที่คอยกำหนด พวกเราจะมีความสงบสุขเช่นนี้ได้อย่างไรกัน?”
ทันทีที่คำพูดออกมา ทุกๆคนต่างพากันมึนงง คนที่คุณผู้หญิงบ้าดนตรีพูดนี้คือใครกัน?
ฉินเจียนเวยมองออกไปไกล ดวงตาเป็นประกายด้วยแสงแห่งศรัทธา
“เขามีนามว่าเจ้ามังกร คอนเสิร์ตของฉันครั้งนี้ ก็เพื่อที่จะร้องเพลงเพื่อสรรเสริญเขาไปชั่วชีวิต”
“รูปปั้นเจ้ามังกรนี้ จะต้องสร้างให้ดูดุดัน เพื่อให้สอดคล้องกับตัวตน อย่างน้อยก็ขอให้ไม่เล็กกว่าเทพีเสรีภาพในต่างประเทศก็แล้วกัน”
เมื่อพูดถึงตรงนี้ ท่าทางของฉินเจียนเวยก็ดูจริงจัง
“ได้ครับ!”
หัวใจของซือฉี่เหิงนั้นถูกทำให้บาดเจ็บอย่างร้ายแรง
ให้ไม่เล็กกว่าอนุสาวรีย์เทพีเสรีภาพงั้นเหรอ?ต้องก่อสร้างใหญ่แค่ไหนกันเชียว?
แต่เพื่ออนาคตของเขา เขาจำเป็นต้องทำให้ได้!
จากนั้น เขาก็ได้พูดกับถังเฉาที่อยู่ปลายสายว่า “คุณถังครับ พวกเราได้ทำตามคำชี้แนะของคุณผู้หญิงคนบ้าดนตรีแล้ว เราจะทำการสร้างรูปปั้นหินที่ปากทางแม่น้ำหมิงจู ตั้งชื่อว่ารูปปั้นเจ้ามังกร คุณกับคุณหลินรีบมาเอาบริษัทลี่จิงกรุ๊ปกลับคืนไปเถอะครับ!”
ซือฉี่เหิงกำลังจะร้องไห้ออกมาแล้วจริงๆ
เดิมทีคิดว่าแค่จะตรวจสอบบริษัทเท่านั้น ไม่คิดว่ามันจะเกิดเรื่องใหญ่โตขนาดนี้
ถังเฉายิ้ม “พวกเราใกล้จะถึงกันแล้ว งานคอนเสิร์ตของคนบ้าดนตรี เราจะพลาดได้ยังไงกัน”
ดวงตาของซือฉี่เหิงนั้นแดงก่ำไปด้วยความตื่นเต้น “ขอบคุณคุณถัง ขอบคุณคุณหลิน!”
หนึ่งนาทีต่อมา ถังเฉาในสูททักซิโด้และหลินชิงเสว่ในชุดราตรีก็ได้ออกมาจากลิฟต์อย่างสดใส
ในมือนั้น ได้จูงเด็กหญิงตัวน้อยที่ดูงดงามกระจ่างใสมาอีกหนึ่งคน
ทันใดนั้น สายตาของผู้คนต่างพากันจับจ้องมาที่สมาชิกทั้งสามคนในครอบครัวนี้
หลัวปู้ หูอีซาน เจิงเทียนเสียงต่างรีบแสดงความเคารพในทันที
“คุณถัง!”
ทันใดนั้น ใบหน้าของคนใหญ่คนโตก็เต็มไปด้วยความตกตะลึง
ในบรรดาสามคนนี้ คนหนึ่งเป็นอดีตมหาเศรษฐีแห่งหมิงจู อีกคนเป็นคนร่ำรวยที่สุดในหมิงจูตอนนี้ และคนสุดท้ายเป็นหัวหน้าผู้รับผิดชอบของหอการค้าอินทรีแดง มีกี่คนที่อยากจะประจบสอพลอคนเหล่านี้แต่ก็ทำไม่ได้ ไม่คิดว่าจะแสดงความเคารพต่อชายหนุ่มถึงเพียงนี้
“คุณถัง!”
ในเวลาเดียวกัน ต่งวี่ซู่จากตระกูลต่ง จ้าวเย็นหรานจากตระกูลจ้าว ผู้นำตระกูลที่ร่ำรวยทั้งหลายในหมิงจูต่างพากันก้มโค้งแสดงความเคารพ เคารพมากกว่าหลัวปู้สามคนเมื่อกี้เสียอีก
แม้แต่ผู้นำตระกูลเซี่ยจากเจียงเฉิง เซี่ยสิงจู๋ก็ยังมาทักทายเขา
ฉากนี้ทำให้ ลึกๆในใจของซือเหวินปินนั้นสั่นไหว
เขาไม่คาดคิดมาก่อนเลยว่าจะมีคนใหญ่คนโตมากมายให้ความเคารพถังเฉาขนาดนี้
หากรู้ตั้งแต่แรก เขาจะลงมือจัดการบริษัทลี่จิงกรุ๊ปได้อย่างไรกัน?
ซือฉี่เหิงเตะไปที่ก้นของซือเหวินปินด้วยความโกรธ พร้อมกับด่าว่า “เกิดเป็นคนเสียเปล่า แต่ไม่ประสบความสำเร็จอะไรเลย!”
ถังเฉาพยักหน้าเล็กน้อย ส่วนหลินชิงเสว่ที่อยู่ด้านข้างก็พักหน้าเป็นการทักทายด้วยเช่นกัน
คนบ้าดนตรีอย่างฉินเจียนเวยเองก็คำนับให้ จากนั้นก็กล่าวพร
หลินชิงเสว่เปิดประตู พร้อมกับเชิญคนบ้าดนตรีให้เข้าไป “คุณผู้หญิงบ้าดนตรี เชิญค่ะ”
“ไม่ต้องเกรงใจ”
ฉินเจียนเวยยิ้มเล็กน้อย จากนั้นก็เข้าด้วยท่าทางที่งดงาม