ทันทีที่คำพูดนี้ออกมา ใบหน้าของทุกคนก็เปลี่ยนไปอย่างมาก
หูจิ้งจู๋ตกตะลึง มองไปที่ถังเฉาด้วยใบหน้าที่เหลือเชื่อ
แม้แต่ฟางหย่าและหลินฉ่ายเวยก็ทำท่าอย่างกับเห็นผี
จวี้เฟิงกรุ๊ปเป็นของถังเฉางั้นเหรอ?
เป็นไปได้ยังไงกัน?
หูจิ้งซูเหล่ตาไปมองถังเฉา ไม่รู้ว่าเพราะอะไรเธอถึงได้รู้สึกถึงแรงกดดันมหาศาล
เช่นเดียวกับหูจิ้งจู๋
เมื่อเผชิญหน้ากับถังเฉา เขารู้สึกเหมือนมดที่กำลังเงยหน้ามองมังกร
ในที่สุด ดวงตาของหูจิ้งจู๋ก็ดูคลายลง เหงื่อค่อยๆไหลลงจากหน้าผากของเขา
แววตาของถังเฉา มันสงบเกินไป สงบเหมือนกับมองคนตายอย่างไงอย่างงั้น
จ้าวอวี้เองก็ตกตะลึงไปครู่หนึ่ง ก่อนจะชี้ไปที่ถังเฉาและหัวเราะ
“ฮ่าฮ่าฮ่าฮ่า ตลกจริงๆเลย เด็กคนนี้บอกว่าจวี้เฟิงกรุ๊ปเป็นของเขา นี่นายรู้หรือเปล่าว่าคนที่นั่งอยู่ตรงนี้เป็นใคร?”
หลังจากพูดจบ ก็ไม่ลืมที่จะหันไปมองหูอีซาน “หูอีซาน ที่นี่ยังมีคนต้องการตำแหน่งของนายอีกนะเนี่ย นายต้องการให้ฉันโยนเขาออกไปไหมล่ะ?”
เมื่อคำพูดของจ้าวอวี้มาถึงตรงนี้ ผู้คนที่วิตกกังวลในตอนแรกก็ดูเหมือนว่าสติจะกลับมา จากนั้นแต่ละคนก็ค่อยๆเริ่มที่จะด่ากัน
“ถ้าไม่ใช่เพราะจ้าวอวี้พูดขึ้นมา ฉันคงตกใจตายไปแล้ว อย่างเขาเนี่ยนะ จะไปเป็นเจ้าของจวี้เฟิงกรุ๊ปได้ยังไงกัน?”
“ประธานกรรมการบริหารคะ การแอบอ้างเป็นประธานนี่ควรนับยังไงดีคะ?ฮ่าฮ่า!”
“ไม่ใช่แค่แอบอ้างเป็นประธานนะ แต่ยังกล้ามาไล่คุณหูอีก เด็กน้อย แกตายแน่!”
จ้าวอวี้และหูหลิงต่างมองไปที่ถังเฉาด้วยใบหน้าที่เย้ยหยัน
สติของฟางหย่าและหลินฉ่ายเวยกลับมา พวกเธอเองก็รู้สึกกังวลเช่นเดียวกัน
พวกหล่อนเองก็เกือบเชื่อไปแล้วว่าถังเฉาคือเจ้าของของจวี้เฟิงกรุ๊ป
ประธานกรรมการบริหารก็ยืนหัวโด่อยู่นี่ แล้วจวี้เฟิงกรุ๊ปมันจะไปเป็นของถังเฉาได้อย่างไรกัน?
หูจิ้งจู๋ถอนหายใจออกมาด้วยความโล่งอก พร้อมกับมองไปที่ถังเฉาด้วยสายตาที่ดุเดือด “แอบอ้างเป็นประธานเพื่อทำให้ฉันตกใจ เรียกคนมา โยนมันออกไป!”
แกล๊งแกล๊ง!
ประตูห้องประชุมเปิดกว้าง หูจิ้งจู๋ได้ตะโกนเรียกเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยเข้ามา ล้อมถังเฉาซ้ายขวาเพื่อเชิญเขาออกไป
“มาดูกันว่าใครจะกล้า!”
หูอีซานตะโกนออกไปด้วยความโกรธ เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยทั้งสองตัวสั่นและหยุดฝีเท้าลงทันที
ใบหน้าของหูจิ้งจู๋นั้นเต็มไปด้วยความไม่พอใจ “หูอีซาน นายยังกล้าตั้งตัวเป็นศัตรูกับฉันอีกเหรอ ไม่กลัวว่ากองกำลังด้านหลังของฉันจะเชิญให้นายออกไปด้วยหรือไงกัน?”
“แกเป็นอะไร ถึงกล้ามาให้คุณถังออกไป!”
หูอีซานหัวเราะเยาะ จากนั้นมองไปที่ถังเฉา “คุณถังครับ ผมได้ไล่พวกเขาออกไปหมดแล้ว การจัดการนี้คุณพ่อใจไหมครับ?”
ถังเฉาส่ายหัว “ยังไม่พอ”
เขาชี้ไปที่จ้าวอวี้ หูหลิงพวกนั้น “คนพวกนี้ โยนออกไปข้างนอกได้เลย แต่อีกสองคนที่เพิ่งกลับมาจากต่างประเทศและไม่เคยได้เจอกับความจริงที่โหดร้ายนี้ ให้อยู่ที่นี่ก่อน”
ก๊าก!
คำพูดของถังเฉา ทำให้ฟางหย่าและหลินฉ่ายเวยหัวเราะในทันที
ไม่เคยได้เจอกับความจริงที่โหดร้ายนี้ คำนี้มันช่างเหมาะเกินไปเสียจริง!
หลังจากได้ยินสิ่งที่ถังเฉาพูด หูจิ้งซูขมวดคิ้วเล็กน้อย ดวงตาของเธอเต็มไปด้วยความไม่พอใจ
หูจิ้งจู๋โกรธมาก พร้อมกับจ้องไปที่ถังเฉา “นายพูดอะไร!”
“ไม่เคยได้เจอกับความจริงที่โหดร้ายนี้ไง หรือจะบอกไม่ใช่งั้นเหรอ?”
ถังเฉายิ้ม “คิดว่าได้เข้าสมาคมการค้าเจียงผิงแล้วจะทำตัวไม่มีชื่อไม่มีแปได้งั้นสิ?อย่างนั้นฉันจะบอกข่าวอะไรพวกนายหน่อยก็แล้วกัน มีบางคนคิดว่าสมาคมการค้าทั้งแปดในจีนนั้นมีมากเกินไป พวกเขาเลยวางแผนที่จะรวบมันเข้าด้วยกัน สมาคมการค้าเจียงผิงเองก็เป็นหนึ่งในนั้นด้วยนะ”
การแสดงออกของหูจิ้งจู๋และหูจิ้งซูเปลี่ยนไปเล็กน้อยเมื่อได้ยินเรื่องนี้
หลังจากตะลึงไปชั่วครู่ หูจิ้งจู๋ก็โกรธจัด “นายเป็นบ้าการค้าหรือไง พูดว่าจะรวบเข้ากันก็รวบได้งั้นเหรอ?”
ซางจิงเทียนคนบ้าการค้า ตอนที่เขาและหูจิ้งซูได้เรียนอยู่ที่วอลล์สตรีท ก็เคยได้ยินชื่อเสียงเรียงนามนี้และชื่นชมอยู่บ่อยครั้ง
หากซางจิงเทียนได้ยินคำเหล่านี้ เขาคงจะรวมหอการค้าทั้งสองแห่งเข้าด้วยกันโดยไม่ลังเล
นี่จะเป็นความโกลาหลที่ไม่เคยมีมาก่อนในบุคลากร
“คุณหู อย่าไปฟังเขาเลย เขาเป็นแค่ตัวตลกที่เล่นตลกเท่านั้น”
จ้าวอวี้พูด พร้อมกับมองไปที่ถังเฉาด้วยความรังเกียจ “เดิมทีประธานกรรมการบริหารของบริษัท หูเข่อเฟิง ทำงานอยู่ที่ชั้นล่าง เสี่ยวหลิง รีบเรียกเขาขึ้นมาเร็ว”
หูหลิงยิ้มพร้อมกับพยักหน้า “ค่ะ กล้ามากที่มาแอบอ้างเป็นประธานกรรมการบริหาร นายได้ร้องไห้ออกมาแน่ แม้ว่าจะมีหูอีซานปกป้องก็ไร้ประโยชน์!”
เมื่อพูดจบ หล่อนก็ลงไปเชิญหูเข่อเฟิง
เมื่อเห็นฉากนี้ ถังเฉาไม่ได้เข้าไปยุ่งอะไร ได้แต่ปรากฏรอยยิ้มออกมา
ฟางหย่าและหลินฉ่ายเวยเองก็ทนดูต่อไปไม่ไหว รอพยานมา แล้วทุกอย่างก็จะถูกเปิดเผยในทันที
หูจิ้งจู๋มองไปที่ถังเฉาอย่างเย็นชา “ตราบใดที่พิสูจน์ได้ว่านายแอบอ้าง ต่อให้มีหูอีซานคุ้มกะลาหัว นายก็จะถูกโยนออกไปอยู่ดี”
ถังเฉาไม่ได้พูดอะไร นั่งไขว้ขาทั้งสองข้าง ทำตัวเป็นเจ้านายใหญ่โต
“เรียกฉันมามีเรื่องอะไร?”
ไม่นานนัก เสียงของหูเข่อเฟิงก็ดังเข้ามา
ใบหน้าของหูหลิงนั้นเต็มไปด้วยรอยยิ้ม “พี่เฟิง ที่นี่มันมีตัวตลกมาบอกจวี้เฟิงกรุ๊ปเป็นของเขาค่ะ ที่เรียกมาก็เพื่อให้มาดูว่าเป็นเรื่องจริงหรือไม่?”
เมื่อพูดจบก็ชี้ไปที่ถังเฉาทันที
หูเข่อเฟิงตะลึงไปชั่วครู่ พร้อมกับมองไปทิศทางที่หูหลิงชี้ เมื่อเห็นถังเฉา ใบหน้าของเขาเปลี่ยนไปเป็นดุร้ายทันที
“นายเองเหรอ?!”
ใบหน้าของหูเข่อเฟิงนั้นเต็มไปด้วยความโกรธ ขณะที่พูดก็เดินมาที่ด้านหน้าของถังเฉาพร้อมกับคำรามออกไปอย่างดัง “นายไอนักต้มตุ๋น มาทำอะไรอีก?”
ถังเฉากล่าวด้วยรอยยิ้ม “เป็นคุณต่างหากที่ใช่จวี้เฟิงกรุ๊ปมาเดิมพันกับผม โง่เองแล้วจะมาโทษใครได้?”
“แก–”
หูเข่อฟิงโกรธเกลียดเป็นอย่างมาก จนอยากจะเข้าไปตบถังเฉาสักสองฉาด
เกมการพนันนั้นถือเป็นสิ่งที่เจ็บปวดใจของเขามาตลอด สิ่งที่น่าสิ้นหวังเลยก็คือ ในขณะที่คิดว่าจะเผยมันออกมา เขารู้สึกว่าเขาอยู่ห่างจากชัยชนะเพียงก้าวเดียวเท่านั้น แต่อันที่จริง เขาพ่ายแพ้ตั้งแต่แรกเริ่มแล้ว
บทสนทนาระหว่างทั้งสองทำให้ทุกคนในห้องประชุมตกตะลึง
จ้าวอวี้และหูหลิงก็รู้สึกโง่ในทันที
ดูเหมือว่าจวี้เฟิงกรุ๊ปนั้นจะเป็นของเขาจริงๆ
ชั่วขณะ หูจิ้งจู๋มองไปที่ถังเฉาอย่างเหลือเชื่อ
“ยังไม่เข้าใจอีกเหรอ?”
หูอีซานหัวเราะเยาะ “บ้านของคุณถังอยู่ที่หมิงจู ไม่ใช่เจียงเฉิง ดังนั้นเขาจึงขอให้ฉันไปดูแลกิจการธุรกิจแทนเขา ตอนนี้คุณถังกลับมาเป็นหัวหน้าสาขาของลี่จิงแล้ว นั่นหมายความว่าฉันก็จะไม่ใช่ประธานกรรมการบริหารอีกต่อไป การเปลี่ยนแปลงภายในทั้งหมดนี้ขึ้นอยู่กับคุณถัง!”
“คุณถัง ได้โปรดตัดสินใจเลยครับ!”
เขาหันไปหาถังเฉาทันที
ถังเฉาโบกมือ “งั้นก็ทำตามที่คุณเคยบอกไว้ก็แล้วกัน ทุกคนในตระกูลหูจะโดนไล่ออกทั้งหมด!”
บูม!
ทันทีที่คำพูดนี้ออกมา จ้าวอวี้ หูหลิงและคนอื่นๆต่างตกตะลึงไปตามๆกัน
“จริง เป็นประธานกรรมการบริหารจริงๆเหรอเนี่ย?”
เขาพึมพำกับตัวเอง
พรึ่บ!
วินาทีต่อมา จ้าวอวี้ก็ได้คุกเข่าต่อหน้าถังเฉาด้วยสีหน้าที่เต็มไปด้วยความตื่นตระหนก “ประธานกรรมการบริหาร ผมผิดไปแล้ว!”
“ประธานกรรมการบริหาร พวกเราผิดไปแล้ว!”
ใบหน้าของหูหลิงและคนอื่นๆดูน่าเกลียดขึ้น
แม้แต่สีหน้าของหูจิ้งจู๋เองก็ดูมืดมน “นายเป็นประธานกรรมการบริหารจริงๆงั้นเหรอ?”
ถังเฉาเพิกเฉย มองไปที่หูจิ้งซูที่มีใบหน้าที่มืดมน “แผนทั้งหมดนี้ เป็นเธอที่คิดใช่ไหม?”
“…”
หูจิ้งซูเงียบไม่พูดจา
“อยู่ในระดับต่ำเกินไป”
อย่างไรก็ตาม ประโยคถัดมาของถังเฉาทำให้หูจิ้งซูนั้นกัดฟันแน่น
“นายพูดอะไร?”
เธอที่เหมือนโดนดูหมิ่น ได้แต่จ้องมองไปที่ถังเฉา
“อยู่ในระดับต่ำเกินไป”
ถังเฉาพูดใหม่อีกรอบ มองเธอและพูดต่อว่า “เธอเหมือนกับเพื่อนเก่าแก่ของฉันคนหนึ่งมาก แต่เธอยังห่างไกลหล่อนอีกเยอะ”