คำพูดนี้ของถังเฉาออกมา หงเทียนหยานิ่งอึ้งไปสักพัก
เริ่นจวินตงเองก็อึ้งไปด้วย
จากนั้นก็ยิ้มอย่างดูถูกออกมา มองถังเฉาด้วยสีหน้าเหน็บแนม
“คนธรรมดาอย่างนาย ยังกล้าพูดคำว่า ‘รังแก’ กับนักบู๊อย่างพวกฉัน? เบื่อที่อายุยืนไปงั้นหรอ?”
แล้วก็มองไปที่หลินฉ่ายเวย “นี่ คนแบบนี้ยังมีสิทธิ์เป็นเจ้านายเธอ? รีบหนีไปที่อื่นเถอะ”
หลินฉ่ายเวยพยายามอดกลั้นรอยยิ้มไว้ ส่ายหัวพูดว่า “ฉันทำอยู่ที่นี่ก็ดี เจ้านายก็ดีกับฉันมาก พวกนายอวยพรให้ตัวเองเถอะ”
เธอไม่ได้เคยเห็นถังเฉาลงมือเพียงแค่ครั้งเดียวแล้ว
ไม่ลงมือก็เงียบ ถ้าลงมือก็มีการเจ็บตาย
คนพวกนี้จะเป็นคู่ต่อสู้ได้ยังไงกัน?
“คนของลี่จิงกรุ๊ปล้วนเป็นพวกโง่ทั้งนั้น!”
หงเหยียนหยาเองก็ไม่บังคับ เพียงแต่สีหน้ายิ่งดูถูกมากกว่าเดิม
จากนั้นก็มองไปที่เย่หรูอี้ “คุณหนูเย่ ทางคุณมั่นใจที่จะเลือกเขาแล้วใช่มั้ยครับ?”
ในเมื่อถังเฉาไม่แสดงฝีมือที่แท้จริงออกมา เย่หรูอี้ก็ไม่มีทางที่จะเปิดเผยเขา และพยักหน้าอย่างหนักแน่น “ใช่แล้ว ไม่ว่าเขาจะตกลงหรือไม่ ฉันก็เลือกเขา”
คำนี้ยิ่งทำเอาหงเทียนหยาตากระตุกอย่างหนัก
หักหน้า
หักหน้ากันนี่นา
สมาคมการต่อสู้เจียงเฉิงของพวกเขาคือตัวแทนของนักสู้ที่ดีที่สุด
ไม่ว่ายังไง เย่หรูอี้ก็ควรจะมาหาเขา
แต่ว่า เย่หรูอี้ดูถูกพวกเขาก็ช่างแล้ว แต่กลับหาขยะที่ไร้ประโยชน์มา
เขาจะต้องทำให้เย่หรูอี้เสียใจทีหลังให้ได้!
“ดี ในเมื่อไม่มีปัญหาอะไรงั้นก็ตามนี้เลย แข่งวิดพื้น ยิงปืน มวยทหาร สามอย่างนี้”
หงเทียนหยาเหลือบมองถังเฉาทีหนึ่ง จากนั้นสายตาก็มองไปมาที่พวกนักบู๊ด้านหลัง
สุดท้ายก็เลือกหนุ่มล่ำที่ร่างกายกำยำ
“นายละกัน!”
หนุ่มล่ำคนนั้นเลียริมฝีปากแล้วก้าวเดินออกมา
มองดูถังเฉาที่ท่าทางสง่างาม เขาพูดด้วยสีหน้าดุร้ายว่า “อีกเดี๋ยว นายอย่าตกใจจนร้องไห้ละ”
ถังเฉาหัวเราะออกมา ไม่ได้สนใจ แล้วก็มองไปที่หงเทียนหยา “นายแน่ใจว่าจะไม่มาด้วยตัวเอง?”
หงเทียนหยาเริ่มโมโหนิดหน่อยแล้ว
ก่อนหน้านี้ให้เขาเลือกคนที่เก่งที่สุด ตอนนี้ก็มาบอกให้เขามาด้วยตัวเอง
โง่จริงๆ!
เขาอดไม่ได้ที่มองไปทางเย่หรูอี้ “คุณหนูเย่ครับ หรือว่าคนที่คุณเลือกจะทำได้แค่ปากเก่ง?”
เย่หรูอี้พูดด้วยสีหน้าไร้อารมณ์ว่า “นี่เป็นการเตือนนายด้วยความหวังดี ฉันคิดว่าทางที่ดีนายรับฟังไว้ เพื่อที่เดี๋ยวจะได้ไม่แพ้อย่างน่าเกลียดเกินไป”
“……”
ประโยคนี้ออกมา หงเทียนหยาอึ้งไป
สมาชิกสมาคมการต่อสู้ทั้งหมดอึ้งไป
จากนั้นก็หัวเราะดังลั่น
“ฮ่าๆๆ คุณหนูเย่ แม้แต่คุณก็พูดตลกด้วยหรอครับ!”
“เขามันฐานะอะไร เหมาะสมที่จะให้หัวหน้าของเราออกตัวด้วยตัวเองหรอ?”
“หัวหน้าของพวกเรา ไม่เคยออกตัวอย่างง่ายดาย และไม่มีความสนใจต่อพวกคนธรรมดา”
สมาชิกสมาคมการต่อสู้ต่างก็พูดชมหงเทียนหยา
หงเทียนหยาได้ยินอย่างนั้นก็หัวเราะเยาะว่า “ได้ยินรึยัง ผู้แข็งแกร่ง จะต้องมีท่าทางความเป็นผู้แข็งแกร่ง ไม่เคยออกตัวง่ายๆ โดยเฉพาะกับคนธรรมดาอย่างพวกนาย!”
ถังเฉาส่ายหัว “งั้นก็ไม่มีทางเลือก”
ถ้าหากดูแค่สามอย่างนี้
ถังเฉาที่เข้าร่วมกองทหารในปีแรกก็สามารถเหยียบพวกเขาได้แล้ว
วิดพื้นคือสิ่งที่จำเป็นต้องฝึกฝนในสนามรบ
ยิงปืนก็เช่นกัน
ยิ่งไม่ต้องพูดถึงมวยทหารเลย
ทักษะการต่อสู้ที่เหมือนกันทั่วโลกในสนามรบ!
และในตอนนี้เอง อยู่ๆหนุ่มล่ำคนนั้นก็พูดว่า “หัวหน้าครับ การแข่งสามอย่างนี้ ผมไม่ทำมวยทหารได้มั้ย มวยทหารผมไม่เห็นชอบนี่!”
เมื่อคำนี้ออกมาก็มีคนหัวเราะอีกครั้ง
”ฮ่าๆ ที่พูดก็ใช่ สมาชิกของสมาคมการต่อสู้ของพวกเรา ใครไม่มีความสามารถกัน? มวยทหารนี่มันเด็กๆเกินไปแล้ว”
“หัวหน้าครับ แก้กติกาสักหน่อยมั้ยครับ เขาใช้มวยทหาร ส่วนพวกเราก็แสดงความสามารถตามใจชอบ!”
พวกเขาต่างก็เห็นด้วย
หงเทียนหยาพยักหน้า “ก็จริง คนของฉันไม่ค่อยเป็นมวยทหาร งั้นก็แสดงตามใจชอบละกัน”
สีหน้าถังเฉากลับมืดขรึมขึ้นมา “พวกนายดูถูกมวยทหาร?”
มวยทหารคือสิ่งที่ต้องฝึกในสนามรบ ทุกคนที่ออกมาจากแดนเหนือ ล้วนเป็นมวยทหาร
ถังเฉาก็ยิ่งใช้มวยทหาร ปรับแก้ออกเป็นหมัดฟ้าแลบ
พวกเขา กลับดูถูกมวยทหาร?
ถังเฉาสามารถมองข้ามการเยาะเย้ยของพวกเขาได้ ยกเว้นประโยคนี้ เขาไม่สามารถทำเป็นไม่ได้ยินไม่ได้
เย่หรูอี้เองก็รู้ว่าถังเฉาโมโหแล้ว มุมปากก็ยิ่งยกยิ้มเย็นชาออกมา
แต่หงเทียนหยากลับไม่รู้สึกถึงความอันตรายที่จะมาถึง ยังยิ้มเยาะเหมือนเดิม “ฉันพูดอย่างนั้นหรอ? พวกเราเป็นนักบู๊ มีนักบู๊ที่ไหนฝึกมวยทหารกัน? มันไม่ใช่นี่!”
คำนี้เป็นการบอกว่ามวยทหารนั้นระดับล่างเกินไป ไม่เหมาะที่จะให้พวกเขาฝึก
ฉะนั้นถังเฉาจึงจุดบุหรี่ม้วนหนึ่ง “ได้สิ พวกนายเล่นตามสบาย ฉันใช้มวยทหาร”
หงเทียนหยายิ้มเยาะ และไม่สนใจเขา
แต่มองไปทางหนุ่มล่ำคนนั้น “หลัวจวินเดี๋ยวเบามือหน่อยนะ ให้เกียรติเขาหน่อย”
พูดจบก็หันหลังจากไป
เริ่นจวินตงรีบส่งเสียงถามว่า “หัวหน้าหง คุณไม่อยู่ดูด้วยหันหรอครับ?”
หงเทียนหยาโบกมือ “การต่อสู้ที่กำลังไม่เสมอกันแบบนี้ ฉันจำเป็นต้องอยู่ดูงั้นหรอ?”
“มีเวลาทำอย่างนี้สู้กลับไปฝึกฝนดีกว่า!”
สมาชิกคนอื่นๆต่างก็เห็นด้วย
“หัวหน้าพูดถูก หลัวจวินรีบแข่งให้เสร็จ แล้วกลับมาฝึกฝนละ!”
แล้วพวกเขาต่างก็ออกไปจากที่นี่
หลัวจวินหัวเราะเยาะทีหนึ่ง สายตาที่มองไปทางถังเฉาไม่เป็นมิตรอย่างมาก “ถ้าไม่ใช่เพราะต้องมาแข่งกับขยะอย่างนาย ฉันเองก็กลับไปฝึกฝนแล้ว!”
เริ่นจวินตงหัวเราะ “ในเมื่อเป็นอย่างนี้ ฉันก็ช่วยรับชมแทนหัวหน้าหงแล้วกัน!”
“ฝากด้วย!”
หงเทียนหยาออกไปจากอาคารจวี้เฟิง
แล้วเร่นจวินตงก็มองไปทางถังเฉาและยิ้มจอมปลอมใส่ “งั้นก็ เริ่มเถอะ?”
ใบหน้าของเขามีรอยยิ้มเย็นชา เพียงแค่ถังเฉาล้มลง แรงกดดันที่เขาพูดใส่จวี้เฟิงกรุ๊ปและลี่จิงกรุ๊ป ก็เป็นเรื่องมั่นคงแก้ไขไม่ได้แล้ว
“เริ่มเถอะ”
ถังเฉาลุกขึ้น ชี้ไปที่ชั้นบน “ห้องฟิตเนสอยู่ชั้นบน”
ไม่นานคนกลุ่มหนึ่งก็มาถึงห้องฟิตเนส
เวลานี้ทุกคนต่างก็กำลังทำงานอยู่ ห้องฟิตเนสไม่มีคน
เริ่นจวินตงพูดว่า “ฉันเป็นผู้ตัดสินเองละกัน”
เย่หรูอี้ขมวดคิ้ว กำลังจะเถียง ถังเฉากลับยิ้ม “ใครเป็นผู้ตัดสินก็เหมือนกัน”
ความหมายของประโยคนี้ก็คือไม่กลัวความลำเอียง
“ไอ่หนุ่มอวดเก่งดีนี่”
หนุ่มล่ำเยาะเย้ย
เริ่นจวินตงพูดเนื้อหา “จับเวลา ภายในห้านาที ดูว่าตัวเองสามารถทำได้กี่ครั้ง ไม่สามารถอดทนได้ถึงห้านาทีถือว่ายอมแพ้เอง”
พูดจบ เขาก็ยิ้มเยาะออกมา
คนทั่วไปจะสามารถอดทนวิดพื้นได้ถึงห้านาทีมั้ยยังเป็นปัญหาเลย
เพิ่งพูดจบ หนุ่มล่ำก็เริ่มแล้ว
“ฮู่ๆๆ…..”
หมดเวลาห้านาที หนุ่มล่ำยืนขึ้นหายใจหอบ พูดว่า “เหงื่อออกนิดหน่อย”
เริ่นจวินตงอดไม่ได้ที่จะชื่นชมในใจ
ไม่เสียแรงที่เป็นคนของสมาคมการต่อสู้ ถึงแม้จะเป็นคนที่อ่อนที่สุด อดทนนวิดพื้นห้านาที ก็มีเพียงแค่เหงื่อออกเท่านั้น
“สี่ร้อยครั้ง!”
เริ่นจวินตงพูดจำนวนตัวเลขออกมา
ห้านาที วิดพื้นได้สี่ร้อยครั้ง
ถือว่าเร็วมากแล้ว
ในตอนที่ทุกคนต่างก็คิดว่าถังเฉานั้นไม่ถือว่าเป็นคู่ต่อสู้
เขากลับยิ้ม “แค่นี้?”
จากนั้นเขาก็ถอดเสื้อสูทส่วนบนออก ยื่นให้หลินฉ่ายเวย
“ง่ายเกินไปแล้ว ฉันมาเพิ่มระดับความอยากให้มันสักหน่อย มือข้างเดียวเป็นยังไง?”