เฉิงเพ่ยแทบจะดิ้นรนไปด้วยพูดประโยคนี้ไปด้วย
พอทุกคนได้ฟังแล้ว รู้สึกตัวได้ก็ผงะถอยไปหนึ่งก้าว เบิกตาสองข้างกว้าง มองเธอด้วยใบหน้าที่เต็มไปด้วยความไม่อยากจะเชื่อ
เป็นไปได้ไหมที่เฉิงเพ่ยจะไปเก็บหมั่นโถวสกปรกโสมมนั่นขึ้นมากินจริง ๆ?
ถังเฉายิ้มอย่างเย็นชา “ถือว่าคุณรู้จักเอาตัวรอด”
ถังเฉาเคลื่อนเท้าออกมา
ตอนนี้เฉิงเพ่ยจึงได้นอนตะแคงข้างอยู่บนพื้นราวกับการหมอบกราบ
เธอในตอนนี้บนใบหน้าเต็มไปด้วยฝุ่น ระดับของเส้นผมไม่เท่ากัน ลักษณะจนตรอกถึงขีดสุด
ฟันของเธอกัดกันจนเลือดออก ทั้งร่างกำลังสั่นสะท้าน
ดวงตาทั้งคู่ที่มองไปยังถังเฉาก็ยิ่งเต็มไปด้วยความแค้น
เธอรู้สึกอัปยศอย่างหาที่เปรียบไม่ได้ เพื่อที่จะเอาชีวิตรอด นึกไม่ถึงว่าเธอจะต้องกินหมั่นโถวเหม็นเน่าที่เปื้อนสิ่งปฏิกูล!
แต่ว่าถ้าหากไม่ทำตาม เธอก็ไม่สงสัยเลยสักนิด ถังเฉากล้าที่จะเหยียบหัวเธอจะเละจริง ๆ
เทียบกับการมีชีวิตอยู่แล้ว อะไรก็ล้วนรุนแรงน้อยกว่าทั้งนั้น
ควรจะเลือกอะไรนั้นมันมีผลลัพธ์อยู่แล้ว
เห็นเพียงเฉิงเพ่ยเดินไปที่ร่องระบายน้ำที่ส่งกลิ่นเหม็นเน่าท่วมฟ้าเหมือนกับสุนัขตัวหนึ่ง
หึ่ง ๆ…
ดูเหมือนแมลงวันหัวเขียวตรงนั้นจะรู้สึกได้ถึงการมีตัวตนของเฉิงเพ่ย ทั้งหมดล้วนเคลื่อนย้ายไปทางเธอ
เฉิงเพ่ยยื่นมือออกมาเตรียมที่จะไปเก็บหมั่นโถวเหม็นเน่าลูกนั้น
แต่กลิ่นแปลก ๆ ที่ตรงนั้นส่งออกมาก็ทำให้เธออดไม่ได้ที่จะขมวดคิ้ว เก็บมือของตัวเองกลับไปอีก
“เร็วสิ ผมไม่มีเวลามารอคุณมากขนาดนั้นนะครับ”
เสียงของถังเฉาส่งเข้ามาอีก
พอเฉิงเพ่ยสำนึกได้ก็หันกลับไปมองแวบหนึ่ง เห็นเพียงถังเฉาเดินมาอยู่ด้านหลังของเธอแล้ว
ทั้งยังยกเท้าข้างหนึ่งขึ้นมาแล้ว
ถ้าหากตนไม่เก็บมันขึ้นมากินมันเข้าไปละก็ เขาจะเหยียบหัวเธอให้ตายจริง ๆ
พอคิดมาถึงตรงนี้เธอก็สั่นสะท้านไปทั้งร่าง ไม่ลังเลอีก
เธอกัดฟัน มือก็ยื่นไปข้างหน้า
จ๋อม!
เธอยื่นมือลงไปในร่องน้ำเหม็นเน่า หยิบหมั่นโถวลูกนั้นขึ้นมา
เช่นเดียวกัน มือของเธอก็ปนเปื้นไปด้วยความสกปรกปริมาณมากอยู่เต็ม
ทันใดนั้นเธอก็เหมือนชั้นโอโซนที่เดินได้ ทุกคนล้วนปิดปากปิดจมูกไว้อย่างระงับอารมณ์ไว้ไม่อยู่
เฉิงเพ่ยอัปยศอย่างหาที่เปรียบไม่ได้ หยิบหมั่นโถวลูกนั้นขึ้นมา ร่างกายสั่นสะท้านอย่างรุนแรง
สีหน้าของหูเซียวและหูจิ้งจู๋หวาดกลัวอย่างหาที่เปรียบไม่ได้
ถ้าหากคนที่ปฏิบัติต่อถังเสี่ยวลี้อย่างทารุณเป็นตนเองละก็ ตอนนี้คนที่ได้รับโทษก็ต้องเปลี่ยนเป็นตนเองใช่หรือไม่?
ทุกคนล้วนมองเฉิงเพ่ยนิ่ง ๆ อยากจะดูว่าเธอจะกินมันเข้าไปจริง ๆ หรือไม่
เฉิงเพ่ยอ้าปากหลายครั้ง ล้วนแต่ไม่มีความกล้าที่จะกินมันเข้าไป
ถังเฉาหัวเราะเบา ๆ “คุณไม่กล้ากิน หมายความว่าผ่านด่านนี้ในใจไม่ได้ ไม่สู้ผมช่วยคุณดีกว่า?”
มองดูรอยยิ้มบนใบหน้าของถังเฉาเฉิงเพ่ยก็สั่นสะท้านไปทั้งตัวอยู่พักหนึ่ง
“นายจะทำอะไร?”
ถังเฉามองเธอแล้วเอ่ยขึ้นว่า “ผมให้เวลาคุณสามวินาที กินมันเข้าไป ไม่อย่างนั้นก็ทิ้งชีวิตของคุณไปซะ”
พูดจบเขาก็หมุนตัวกลับไป เริ่มนับถอยหลัง
“สาม…”
“สอง…”
ทุกเสียงที่นับถอยหลัง หัวใจของเฉิงเพ่ยก็มีความรู้สึกเหมือนกำลังถูกคนบีบอยู่ในมือประเภทหนึ่ง สั่นสะท้านอย่างไม่มีที่สิ้นสุด
นั่นคือการนับถอยหลังสู่ความตาย
บีบบังคับกันเช่นนี้ ถังเฉาไม่ได้มีจิตใจที่แสวงหาสิ่งแปลกใหม่ประเภทนั้นโดยสิ้นเชิง เพียงแค่ใช้วิธีการของเธอสั่งสอนเธอกลับไปก็เท่านั้น
ไม่เช่นนั้นเขาก็ไม่มีทางหันกลับไป เขาเองก็ไม่อยากจะเห็นภาพที่เฉิงเพ่ยกินหมั่นโถว
“หนึ่ง!”
สิ้นเสียงสุดท้ายของถังเฉา น้ำเสียงก็เปลี่ยนเป็นเย็นเยียบอย่างรวดเร็ว
ในเวลาเดียวกันนี้เองเท้าข้างนั้นของเขาก็ตกลงมา เหยียดตรงเหยียบลงไปบนศีรษะของเฉิงเพ่ยราวกับหอกยาว ๆ
“อย่านะ!”
เฉิงเพ่ยกรีดร้องขึ้นมา สีหน้าหวาดกลัวถึงขีดสุด
ฝ่าเท้านั้นของถังเฉาไม่ใช่ทำเพื่อข่มขู่เธอโดยสิ้นเชิง แต่หมายจะเอาชีวิตเธออย่างแท้จริง
“ฉันกิน ฉันกินยังไม่พออีกเหรอ? อย่าฆ่าฉัน…”
เฉิงเพ่ยพังทลายในที่สุด บีบจมูก อ้าปากกินเข้าไป
“แหวะ…”
ทันใดนั้นถังเฉาก็หันกลับไป ไม่ได้มองว่าเฉิงเพ่ยเป็นอย่างไร
เพียงแค่ได้ยินเสียงอาเจียนของเฉิงเพ่ยดังขึ้นมาจากด้านหลังอย่างต่อเนื่อง
ไม่ว่าเสียงนี้จะทำให้คนอื่นขยะแขยงอย่างไร ตั้งแต่ต้นจนจบถังเฉาไม่ได้หันกลับไปเลย เดินก้าวยาว ๆ ไปทางข้างหน้า
สายตาดุดัน ลึกเข้าไปในดวงตามีรังสีสังหารที่น่าสะพรึงกลัวอยู่ยิ่งขึ้น
ทุกคนสำนึกได้ก็เปิดทางให้เขา ใคร ๆ ก็รู้ว่าถังเฉามุ่งไปทางหูเซียว
“แกจะทำอะไร? แกไม่ได้บอกว่าขอเพียงเฉิงเพ่ยกินหมั่นโถวลูกนั้นเข้าไปแล้วก็จะปล่อยพวกเราตระกูลหูไปหรอกเหรอ?”
หูเซียวถอยหลังไปอย่างต่อเนื่อง ขณะเดียวกันบนใบหน้าก็เต็มไปด้วยความโมโหอย่างรุนแรง
ดวงตาทั้งคู่ของถังเฉาจ้องหูเซียวนิ่ง ๆ เอ่ยอย่างชัดถ้อยชัดคำว่า “ผมพูดเมื่อไหร่ว่าจัดการกับเฉิงเพ่ยเสร็จแล้วจะปล่อยตระกูลหูของคุณไป?”
“ถ้าไม่มีการหนุนหลังจากตระกูลหูของพวกคุณ ไอ้สุนัขไร้ญาติขาดมิตรตัวหนึ่งอย่างเธอจะกล้ากำเริบเสิบสานขนาดนี้เหรอ?”
“ความผิดของพวกคุณใหญ่เสียยิ่งกว่า!”
บึ้ม!
พอคำนี้พูดออกมา ไม่ใช่แค่หูเซียวเท่านั้น แต่ตระกูลหูทุกคนก็ล้วนแต่เปลี่ยนไปเป็นอย่างมาก
ในสายตาของหูจิ้งจู๋ยิ่งเต็มไปด้วยความหวาดกลัว
นี่คือการตัดสินโทษตายตระกูลหูเลยนะ!
“ถังเฉา แกอย่ามารังแกกันเกินไปนะ!”
หูเซียวตะคอกถังเฉาด้วยความโมโห
ถังเฉาไม่ได้ให้ความสนใจโดยสิ้นเชิง แต่กลับมองไปยังหูจิ้งซูที่อยู่ในมุมในสุด
“คุณเป็นพี่น้องของเขา เพราะอะไรคุณถึงถูกขังเอาไว้ เขากลับไม่เป็นอะไร?”
ต่อให้เป็นการแก้แค้น ถังเฉาก็ยังต้องคิดให้ชัดเจน
ตำแหน่งในตระกูลหูของหูจิ้งจู๋กับหูจิ้งซูสูงมาก ตำแหน่งของหูจิ้งซูถึงขั้นสูงยิ่งกว่าอยู่บ้าง เพราะอะไรถึงได้ถูกกักบริเวณ
แต่หูจิ้งจู๋ยังคงอยู่ดี
เขาคิดว่าปัญหาอยู่ที่ตรงนี้
หูจิ้งซูเงียบไปพักหนึ่ง พอสำนึกได้ก็มองไปยังหูจิ้งจู๋
หูจิ้งจู๋หน้าขาวซีด ส่ายศีรษะให้กับหูจิ้งซูสุดชีวิต หวังว่าน้องสาวของเขาจะไม่พูดความจริงออกมา
ทว่าหูจิ้งจู๋ประเมินความคิดที่จะแก้แค้นของหูจิ้งซูต่ำไป
มองอย่างสงสัยอยู่นาน สีหน้าของหูจิ้งซูเปลี่ยนไปเป็นมืดครึ้มในทันที ชี้ไปที่หูจิ้งจู๋แล้วเอ่ยว่า “เป็นเขาที่เป็นคนเปิดเผยว่าเสี่ยวลี้เป็นลูกสาวของคุณ และก็เป็นเขาที่เสนอว่าจะสั่งสอนเสี่ยวลี้อย่างงามยกหนึ่ง ถึงได้ทำให้ผู้หญิงคนนั้นมีโอกาสได้ลงมือ เพราะเขาคิดจะแย่งชิงตำแหน่งผู้นำที่ยิ่งใหญ่ไป กลัวว่าฉันจะไปขัดแข้งขัดขาของเขา!”
หลังจากที่หูจิ้งซูพูดจบ ทั่วทั้งใบหน้าของหูจิ้งจู๋ก็ขาวซีด
พอรู้ต้นสายปลายเหตุแล้วสายตาของถังเฉาก็เย็นเยียบ มองไปยังหูจิ้งจู๋ “คุณหมดทางช่วยแล้วล่ะ”
พูดจบเขาก็เดินก้าวยาว ๆ ไปทางหูจิ้งจู๋
ตึง! ตึง! ตึง!
เสียงก้าวเท้าที่หนักหน่วงดูราวกับเป็นยันต์เรียกความตาย
หูจิ้งจู๋ตกใจจนสีหน้าเปลี่ยนไปเป็นอย่างมาก “ถังเฉา แกคิดจะทำอะไร?”
ถังเฉามีสีหน้าสงบนิ่ง “ดูเหมือนคราวที่แล้วผมควรจะฆ่าคุณไป คุณมันเป็นตัวหายนะ”
สัมผัสได้ถึงรังสีสังหารที่อยู่ในคำพูดของถังเฉา หูจิ้งจู๋ก็ตกใจจนสั่นสะท้าน
ในตอนนี้เองเซี่ยสิงจู๋ก็ก้าวมาข้างหน้าหนึ่งก้าว มองหูจิ้งจู๋ด้วยสายตาเยียบเย็นแวบหนึ่ง “คุณถังครับ คนประเภทนี้จำเป็นต้องให้ท่านลงมือด้วยหรือ ผมจัดการแทนท่านเอง”
ถังเฉาไม่ได้ปฏิเสธ “ก็ดี หลังจากวันนี้จะไม่มีตระกูลหูอีกต่อไป!”
คำไม่กี่คำนี้วนอยู่ในหัวใจของคนตระกูลหูทุกคนราวกับเสียงของภูตผี
หูจิ้งจู๋ตกใจจนร่วงลงไปอยู่บนพื้นอย่างอ่อนแรงดังตุ้บ
บนใบหน้าของเซี่ยสิงจู๋เต็มไปด้วยความเย็นชา พยักหน้าให้กับชายชราที่สวมชุดคลุมยาวสีเทาที่อยู่ข้าง ๆ
ก่อนหน้านี้ช่วยอะไรไม่ได้เลย เซี่ยสิงจู๋ละอายอยู่ในใจ ในที่สุดตอนนี้ก็ได้ออกแรงหน่อยแล้ว
ชายชราชุดเทาคนนั้นก็คือผู้มีฝีมือสูงของตระกูลเซี่ย
ถึงแม้จะเทียบคู่นักมีดทั้งใต้และเหนือไม่ได้ แต่ก็มีความสามารถในการต่อสู้พอ ๆ กับท่านวง
“ไม่ พวกแกฆ่าฉันไม่ได้…”
“ฉันยังหนุ่มขนาดนี้ ฉันยังมีอนาคตที่ดี ฉันไม่อยากตายนะ!”
บนใบหน้าของหูจิ้งซานเต็มไปด้วยความพังทลาย บนใบหน้าเต็มไปด้วยความหวาดกลัวและความไม่ยินยอม
ชายชราผมสีเทาใบหน้าเย็นชา “คุณต้องตาย”
บึ้ม!
นาทีต่อมา ชายชราชุดเทาก็ซัดเข้าไปหนึ่งหมัดหนัก ๆ ตรงเข้าไปยังกลางใบหน้าของหูจิ้งจู๋
“จิ้งจู๋!”
หูเซียวตะโกนลั่นด้วยความเศร้าสลด โผเข้าไปตามสัญชาตญาณ
หูจิ้งจู๋คือคนที่เขาพิจารณาจะให้รับตำแหน่งเป็นผู้นำคนต่อไป ทั้งยังอายุน้อยขนาดนี้ ถ้าหากตายไปแบบนี้แล้วตระกูลหูก็จบสิ้นแล้วจริง ๆ
เทียบกันแล้ว หูเซียวยอมที่จะพลีชีพเสียเอง ต้องรักษารุ่นหนุ่มสาวเอาไว้
แต่ว่าไม่มีใครสนใจเขา
ชายชราชุดเทาปล่อยหนึ่งหมัดโจมตีไปที่ใบหน้าของหูจิ้งจู๋โดยตรง
“หยุดนะ!”
ทันใดนั้นก็มีเสียงกรีดร้องแหลม ๆ เสียงหนึ่งดังขึ้นมา
ครั้งนี้สีหน้าของถังเฉาเข้มงวด ตะโกนเสียงดัง “ทำตามเธอ หยุดซะ!”
ตอนนี้เซี่ยสิงจู๋ถึงได้ตะโกนห้ามชายชราชุดเทาเอาไว้
ชายชราชุดเทาอดทนเก็บหมัดที่ปล่อยออกไปกลับมา
คนในบูโดล้วนรู้ว่าคิดจะเก็บแรงที่ต่อยออกไปกลับมานั้นลำบากเหลือเกิน จำเป็นต้องใช้ร่างกายที่ใหญ่โตควบคุมแรงเอาไว้
มีเพียงผู้แข็งแกร่งที่สุดในยุคเท่านั้นที่จะสามารถออกพลังเก็บพลังได้เป็นหนึ่งอย่างสมบูรณ์
ระดับของชายชราชุดเทาและผู้แข็งแกร่งที่สุดในยุคนั้นห่างกันเป็นโยชน์ ตอนนี้การเก็บพลังนั้นฝืนอย่างสุดประมาณ
แต่ถึงแม้ว่าจะเป็นอย่างนั้น หมัดหมัดนี้ของชายชราชุดเทาหยุดอยู่ห่างจากใบหน้าของหูจิ้งจู๋ไม่ถึงหนึ่งเซนติเมตร
พลังบนหมัดนั้นปล่อยออกไปล่วงหน้าแล้ว
กำแพงด้านหลังของหูจิ้งจู๋ยุบลงไปตื้น ๆ มีเศษหินเศษทรายร่วงลงมาอย่างต่อเนื่อง
หูจิ้งจู๋ตกใจจนเอ๋อไปแล้ว ไม่กล้าแม้แต่จะหายใจ
สายตาของทุกคนล้วนตกอยู่บนร่างของหูจิ้งซูที่อยู่ด้านหลังสุด
ตะโกนเสียงดังออกมาครั้งหนึ่ง เธอคุกเข่าอยู่ตรงหน้าของถังเฉาดังตุ้บ ซ่อนศีรษะไว้ต่ำมาก ๆ
“ถังเฉา ฉันรู้ว่าฉันเป็นศัตรูกับคุณ แต่คุณจะเห็นแก่ที่ฉันปกป้องลูกสาวของคุณเอาไว้ ปล่อยพี่ชายของฉันไปได้ไหมคะ?”
“ถึงแม้ว่าเขาจะทำเรื่องที่เกินเลยไปมาก แต่ความผิดของเขาก็ไม่ถึงขั้นตายนี่นา!”
ถังเฉาตกอยู่ท่ามกลางความเงียบ
เซี่ยสิงจู๋โบกไม้โบกมือกับชายชราชุดเทาทันที การตัดสินของถังเฉาก็คือการตัดสินของเขา
“ใช่… ใช่!”
ตอนนี้หูจิ้งจู๋ถึงได้มีปฏิกิริยาตอบสนอง เอ่ยด้วยน้ำเสียงสั่นพร่า
สายตาของถังเฉาก็ยิ่งมืดครึ้มและหนาวเหน็บยิ่งขึ้น เห็นได้ชัดว่าไม่ได้ตัดสินใจจะปล่อยหูจิ้งจู๋ไปแบบนี้
ในตอนนี้ถังสี่ยวลี้ก็วิ่งเข้ามา ประคองหูจิ้งซูขึ้นมาอย่างรู้ความ พูดเสียงเจี๊ยวจ๊าวกับถังเฉาว่า “คุณพ่อขา คุณพ่อตอบตกลงคำขอของคุณป้าเถอะนะคะ?”
คำพูดของถังเสี่ยวลี้มีผลมากกว่าอะไรทั้งนั้น ความมืดครึ้มและหนาวเหน็บในดวงตาหายไปจนเกือบหมดในทันที บนใบหน้ามีความอ่อนโยนและรอยยิ้ม
“ได้ค่ะ พ่อตกลง”
ถังเฉามองไปที่หูจิ้งจู๋ เอ่ยอย่างเย็นชาว่า “เห็นแก่หน้าของพี่สาวของคุณ ครั้งนี้จะปล่อยคุณไป ครั้งต่อไปถ้าคุณยังกล้าไม่รู้สำนึกอีกละก็ ไม่ว่าใครมาขอร้องก็ไม่มีประโยชน์!”
“ขอบคุณ!”
ดวงตาของหูจิ้งซูมีน้ำตาไหลลงมา รู้สึกซาบซึ้งจากใจ
หูจิ้งจู๋หยักหน้าอย่างต่อเนื่อง เขาก้มศีรษะ มองเห็นสีหน้าของเขาได้ไม่ชัดเจน
บนใบหน้าของเขาเต็มไปด้วยความแค้นถึงขั้นที่ไม่ตายก็จะไม่ยอมเลิกรากับถังเฉา
ในตอนที่ทุกคนผ่อนลมหายใจเพราะคิดว่าหูจิ้งจู๋จะไม่เป็นอะไรนั้นเอง ถังเฉาก็เอ่ยปากขึ้นอีกครั้งหนึ่ง
“แต่ผมบอกแล้วเหรอว่าจะปล่อยคุณไป?”
สายตาของถังเฉาเย็นชา “โทษตายละเว้นได้ แต่โทษเป็นเลี่ยงได้ยาก ลงมือกับลูกสาวของผมต้องมีค่าแลกเปลี่ยนที่เหมาะสม”
พร้อมกับเสียงของถังเฉาที่จบลง เขาเดินก้าวยาว ๆ ไปอยู่ตรงหน้าของหูจิ้งจู๋ มองเขาอย่างเยียบเย็น
บนใบหน้าของหูจิ้งจู๋เต็มไปด้วยความหวาดกลัว “น้องสาวของฉันขอให้ยกโทษแทนฉันแล้ว แกจะเอายังไงอีก?”
ถังเฉาพิจารณาท่อระบายน้ำนั่นแล้วก็ยิ้มออกมา “ที่นี่ไม่เลวเลย”
พูดจบก็หิ้วเขาขึ้นมา โยนเขาลงไปในบ่อเกรอะ