“กรรมสิทธิ์ในทรัพย์สิน?!”
คำพูดของถังเฉา ทำให้สวุ่หยีเซียงผงะไปครู่หนึ่ง
ใบหน้าของเธอตื่นตระหนกทันที ซึ่งเห็นได้ชัดว่าเธอตกใจกับคำพูดของถังเฉา
ในยุคที่มีการละเมิดลิขสิทธิ์ออกมาบ่อยครั้ง ดูเหมือนว่ากรรมสิทธิ์มีความจำเป็นมากขึ้นในการปกป้องสิทธิและผลประโยชน์ของตนเอง
ไม่ว่าสินค้าอะไร ก็สามารถจดสิทธิบัตรได้ รวมทั้งสินค้าโภคภัณฑ์
ทุกครั้งที่มีผลิตภัณฑ์ใหม่ออกมา กลุ่มบริษัทจะยื่นขอสิทธิบัตรผลิตภัณฑ์จากหน่วยงานสิทธิบัตร
เป็นของบริษัทเดียวเท่านั้น มิฉะนั้นจะเป็นการละเมิดลิขสิทธิ์
ไม่ต้องสงสัยเลยว่าชุดผลิตภัณฑ์ “เหม่ยหมอ” ภายใต้บริษัทหยีเซียง ได้ลอกเลียนแบบ “แองเจิ้ล” ของบริษัทลี่จิงกรุ๊ป
แต่ในขณะนั้น เธอไม่รู้ว่าผลิตภัณฑ์แองเจิ้ลได้จดสิทธิบัตรไปแล้ว!
หากเรื่องมันบานปลาย เธอมีแนวโน้มที่จะต้องรับผิดทางกฎหมาย
ณ จุดนี้ สีหน้าของสวุ่หยีเซียงก็น่าเกลียด
แต่ไม่นาน เธอก็ยังไม่อยากจะเชื่อว่าเรื่องนี้เป็นความจริง
“เป็นไปไม่ได้ เท่าที่ฉันรู้ หลินชิงเสว่ยังไม่ทันไปยื่นขอสิทธิบัตรกับสำนักสิทธิบัตร เราก็ได้ผลิตชุดผลิตภัณฑ์ ‘เหม่ยหมอ’ออกมาแล้ว นี่คุณกำลังใส่ร้ายกันชัดๆ!
สวุ่หยีเซียงปฏิเสธที่จะยอมรับมัน มองไปที่ถังเฉาอย่างเย็นชาและพูดว่า “เหม่ยหมอไม่ได้ลอกเลียนแบบแองเจิ้ล แต่เราผลิตมันเอง เว้นแต่คุณจะเอาตัวอย่างสิทธิบัตรของผลิตภัณฑ์แองเจิ้ลออกมา ไม่งั้นฉันจะไม่ยอมแน่นอน . .”
เธอพูดด้วยความมั่นใจอย่างยิ่ง เพราะเธอค่อนข้างมั่นใจว่า หลินชิงเสว่ไม่ทันไปขอกรรมสิทธิ์ในทรัพย์สิน เธอก็ได้ผลิตออกมาแล้ว
เรื่องนี้ เธอเคยแอบส่งคนไปสืบเรื่องนี้มาก่อน
ดังนั้นเธอจึงมั่นใจ!
“ใช่เหรอ?”
ถังเฉากลับหัวเราะจางๆ “ช่วงนั้นภรรยาของผมยุ่งกับเรื่องอื่นๆ ดังนั้นเธอจึงไม่มีเวลาไปยื่นจดสิทธิบัตร แต่นั่นไม่ได้หมายความว่าผมไม่ได้คิดถึงเรื่องนี้”
ทันทีที่เขาพูดแบบนี้ ดวงตาของสวุ่หยีเซียงก็เย็นชา “คุณหมายความว่าอย่างไร?”
ถังเฉาหัวเราะ “ผมหมายถึง ใบรับรองสิทธิบัตรอยู่ในบริษัทลี่จิงกรุ๊ปของเรา หากคุณต้องการดู ผมสามารถให้คนของผมนำมาให้คุณดูได้”
สวุ่หยีเซียงตกตะลึงครู่หนึ่ง ที่แท้ในตอนนี้เขาเอามาไม่ได้!
จากนั้น รอยยิ้มก็ปรากฏขึ้นบนใบหน้าของเธออีกครั้ง “ฉันยังคิดว่าอะไร?จับเสือมือเปล่าเหรอ ใครจะไม่เป็นล่ะ ประเด็นคือ คุณสามารถนำใบรับรองสิทธิบัตรออกมาได้ไหม?”
ถังเฉาอดไม่ได้ที่จะหัวเราะออกมา”คุณไม่เชื่อเหรอ?”
สวุ่หยีเซียงเยาะเย้ย แน่นอนว่าไม่เชื่ออยู่แล้ว
ถังเฉาส่ายหัว “เอาล่ะ มีทางตรงกว่านี้”
ถังเฉาหยิบโทรศัพท์มือถือออกมากดหมายเลขติดต่อของหน่วยงานสิทธิบัตร “ถ้าคุณไม่เชื่อผม ผมสามารถโทรหาสำนักสิทธิบัตรได้ในขณะนี้ และขอให้เจ้าหน้าที่ภายในช่วยตรวจสอบสิทธิ์ในทรัพย์สินสิทธิบัตรของผลิตภัณฑ์แองเจิ้ลของบริษัทลี่จิงกรุ๊ปได้”
“อย่างไรก็ตาม ถ้ามันลามปามถึงสำนักสิทธิบัตร เป็นไปไม่ได้ที่ผมจะนิ่งเฉย ไปเช็ดดูหน่อยละกัน”
ถังเฉาเปลี่ยนการสนทนาอีกครั้ง และมองไปที่สวุ่หยีเซียงด้วยรอยยิ้ม”ผมจะรายงานเรื่องที่พวกคุณลอกเลียนแบบผลิตภัณฑ์ของบริษัทลี่จิงกรุ๊ปไปยังสำนักสิทธิบัตรตามความเป็นจริง”
เมื่อเห็นรอยยิ้มจางๆบนใบหน้าของถังเฉา สวุ่หยีเซียงก็หยุดพูดและกลืนน้ำลาย
เธอเห็นถังเฉาได้กดหมายเลขของสำนักสิทธิบัตรแล้ว
มีความมั่นใจเช่นนี้ หรือว่าจะมีใบรับรองการจดสิทธิบัตรจริงๆ?
“ไม่ เขากำลังทำให้ฉันกลัว!”
สวุ่หยีเซียงเคยเรียนรู้จิตวิทยามาบ้าง สถานการณ์ในขณะนี้ ทั้งคู่ไม่มีหลักฐาน แต่พวกเขาได้เข้าสู่ขั้นตอนของเกมจิตวิทยาแล้ว
ใครกลัวก่อน คนนั้นก็จะยอมแพ้ก่อน
“ถ้าอย่างนั้น คุณก็โทรเถอะ”
สวุ่หยีเซียงแสร้งทำเป็นสงบ เธอต้องการดูว่าถังเฉากล้าโทรหรือไม่
ตอนแรกคิดว่าแรงกดดันกลับมาสู่ฝั่งถังเฉาแล้ว แต่คิดไม่ถึงว่าถังเฉาจะยิ้มและโทรไปที่หมายเลขนี้โดยตรง
ทันใดนั้น สวุ่หยีเซียงตื่นตระหนกและต้องการแย่งโทรศัพท์ของถังเฉามา
“เอาโทรศัพท์มาให้ฉัน!”
ถังเฉาหลบ สวุ่หยีเซียงพุ่งไปข้างหน้าและเกือบจะล้มลง
สีหน้าของเธอน่าเกลียดจนถึงสุดขีด
หากเรื่องนี้ลามปามไปถึงสำนักสิทธิบัตรจริงๆ ไม่ว่าจะมีสิทธิในทรัพย์สินทางสิทธิบัตรหรือไม่ก็ตาม หน่วยงานก็จะสอบสวนเรื่องนี้อย่างละเอียดถี่ถ้วน
ผลิตภัณฑ์ชุดเหม่ยหมอของเธอได้ลอกเลียนแบบมาจากผลิตภัณฑ์ชุดแองเจิ้ล
เรื่องนี้ไม่ต้องสงสัยเลย
“ทำไม? กลัวเหรอ?”
ถังเฉามองไปที่สวุ่หยีเซียง เยาะเย้ยซ้ำแล้วซ้ำเล่า
ด้วยปฏิกิริยานี้เพียงอย่างเดียว ถังเฉาก็มั่นใจว่าสวุ่หยีเซียงได้ขโมยแบบของพวกเขา
ในขณะนี้ ใบหน้าของสวุ่หยีเซียงเต็มไปด้วยขุ่นเคือง “อย่าคิดว่าฉันจะกลัวคุณนะ ฉันแค่ไม่ต้องการให้บริษัทของฉันประสบกับความสูญเสียมากไปกว่านี้”
“ตอนนี้ยังแย่ไม่พออีกเหรอ?”
ถังเฉายิ้ม “ร้านค้าในเครือของคุณหลายสิบแห่งปิดตัวลง รายได้ของเดือนหน้าคาดว่าจะลดลงอย่างมาก เว้นแต่คุณจะยอมปิดตลาดในแถวเมืองเจียงเจ้อและไปเปิดตลาดที่เมืองทางตอนเหนือ”
“คุณ……”
สวุ่หยีเซียงโมโหมาก เธอจะไปบุกเบิกที่เมืองทางเหนือได้อย่างไร?
“ใช่แล้ว”
ดูเหมือนว่าถังเฉาจะคิดได้อะไรบางอย่าง รอยยิ้มบนใบหน้าเพิ่มมากขึ้น “ผลิตภัณฑ์เหม่ยหมอของคุณมีปัญหาใหญ่ใช่ไหม? ผู้บริโภคจำนวนมากเสียโฉมหลังจากใช้ผลิตภัณฑ์เหล่านี้ ถ้าผมโทรฟ้องสำนักงานคุณภาพและปลอดภัย คุณซวยแน่”
ถังเฉาหาหมายเลขของโจวข่ายในรายชื่อการโทร
ตอนนี้เขาได้รับการเลื่อนตำแหน่งแล้ว เขามีส่วนร่วมในทุกสาขาอาชีพอยู่บ้าง
เชื่อว่าเขายินดีที่จะรับช่วงต่อกับการจัดการเรื่องนี้
ใบหน้าของสวุ่หยีเซียงดูน่าเกลียด
ไม่ว่าจะเป็นสำนักสิทธิบัตรหรือสำนักคุณภาพและความปลอดภัย ไม่ว่าหน่วยงานใดจะต้องตาย
ไม่ต้องสงสัยเลยว่า ถังเฉาได้ผลักสวุ่หยีเซียงไปสู่ทางตันแล้ว ห่างจากหน้าผาเพียงไม่กี่ก้าว
ปัง!
ในเวลานี้ ประตูห้องทำงานเปิดออกและเลขานุการก็รีบเข้ามา
“ประธานสวุ่ เกิดเรื่องแล้ว ร้านค้าในเครือของบริษัทเรา ตอนนี้มากกว่า 20 แห่งที่ถูกปิดตัวลงแล้ว! ตอนนี้เข้าสู่สถานะขาดทุนแล้ว!”
บูม!
ทันใดนั้น ใบหน้าของสวุ่หยีเซียงก็ซีด ราวกับว่าเธอใช้กำลังร่างกายเกินกำลัง เธอนั่งลงบนเก้าอี้เจ้านายโดยตรง
ถังเฉาจุดบุหรี่และพูดอย่างเฉยเมย “นี่เป็นโอกาสสุดท้ายของคุณ หยุดสต็อกหรือไม่ ?มิฉะนั้น ไม่เพียงแต่บริษัทหยีเซียงจะล้มละลาย คุณยังจะต้องติดคุกด้วย”
พูดถึงในภายหลัง ตาของถังเฉาหรี่ลงเล็กน้อย และมีแสงที่แหลมคมแวบเข้ามาในดวงตาของเขา
ใบหน้าของสวุ่หยีเซียงขาวซีดเหมือนกระดาษ
ณ จุดนี้ เธอไม่ยอมก็ไม่ได้แล้ว
“ออกคำสั่งเถอะ เราจะหยุดผลิตผลิตภัณฑ์เหม่ยหมอ และไปขอโทษบริษัทลี่จิงกรุ๊ปเป็นการส่วนตัว”
“หา?”
สีหน้าของเลขาเปลี่ยนไปมาก “แต่เราจะไปอธิบายกับผู้ถือหุ้นใหญ่ยังไง…”
ทันทีที่คำว่า “ผู้ถือหุ้นรายใหญ่” ออกมา ใบหน้าของสวุ่หยีเซียงก็ตื่นตระหนก และเลขาเองก็ตระหนักว่าเธอเผลอพูดผิด และรีบปิดปากของเธอ
ถังเฉาหรี่ตาลงอย่างอันตราย“ผู้ถือหุ้นรายใหญ่อะไร?”
“ไม่มีอะไร……”
สวุ่หยีเซียงพยายามปกปิด”ฉันสั่งให้บริษัทเลิกผลิตผลิตภัณฑ์ชุด ‘เหม่ยหมอ’ แล้ว คุณอย่าปล่อยให้ร้านสาขาของฉันล้มละลายเลย!”
ถังเฉาหยิบโทรศัพท์มือถือออกมาแล้วโทรหาเซี่ยสิงจู๋
“ส่งเรื่องไปที่สำนักงานสิทธิบัตรและสำนักงานคุณภาพและความปลอดภัย ผมต้องการให้ร้านในเครือทั้งหมดปิดตัวลง!”