เกี่ยวข้องกับมู่ตงเฟิงงั้นเหรอ?
ทันใดนั้นถังเฉาก็หัวเราะขึ้นมา
แต่ไม่ว่าอย่างไร รอยยิ้มนั้นไม่มีความอบอุ่นใดๆ เลยสักนิด
“ว่ายังไงนะ?”
ถังเฉาตรงไปที่จวี้เฟิงกรุ๊ป เพื่อคุยอย่างละเอียดกับหูอีซาน
หูอีซานหยิบเอกสารฉบับหนึ่งออกมาแล้วยื่นไปไว้ตรงหน้าถังเฉา “คุณถังครับ ข้อมูลเกี่ยวกับพันธมิตรเจียงเฉิงที่คุณต้องการ อยู่ข้างในนี้ทั้งหมดแล้วครับ”
ถังเฉาหยิบขึ้นมาแล้วมองไปแวบหนึ่ง จากนั้นเขาก็หรี่ตาลงเล็กน้อย
“กลุ่มบริษัทเหล่านี้ต่างก็ร่วมมือกับตระกูลฉินงั้นเหรอ?”
รายชื่อบริษัทในข้อมูลฉบับนี้ ล้วนมีจุดที่เหมือนกัน ซึ่งนั่นคือพวกเขาเคยร่วมมือกับกลุ่มตระกูลหลวงของตระกูลฉิน
แต่ก็ไม่นับว่าเป็นความร่วมมือหรอก แต่ถ้าให้พูดอย่างถูกต้องก็คือ มันเป็นการช่วยตระกูลฉินบุกเบิกตลาดเจียงเฉิง
แต่เก้าตระกูลยักษ์ใหญ่ในเยี่ยนตู กลับไม่พอใจในตลาดท้องถิ่น และเพราะการรวมตัวที่มากขึ้นทำให้สามารถสนับสนุนตระกูลในเมืองเป้าหมายหลายแห่งได้ โดยการนำมายึดครองตลาด
ตัวอย่างเช่นในเมืองเจียงเฉิง หย่วนหยางกรุ๊ปของตระกูลเย่ได้ก่อตั้งบริษัทสาขาเจียงเฉิง ซึ่งตอนนี้รับทำหน้าที่โดยเย่เฟิงเซิง
และอีกตัวอย่างคือ ตระกูลหลินกับหลินโป๋หลายที่เคยไปหาซ่งหรูอี้ที่ซึ่งยังอยู่กับตระกูลซ่งในขณะนั้น
ซึ่งในตอนนี้ ตระกูลฉินก็ได้จับตามองเมืองเจียงเฉิง และได้สนับสนุนบริษัทยักษ์ใหญ่มากมาย
หูอีซานอธิบายแนะนำอย่างละเอียดไปว่า “บริษัทเหล่านี้ได้จัดตั้งเป็นพันธมิตรเจียงเฉิง พวกเขาสนับสนุนการประชุมแดนเหนือไปด้วย พร้อมกับคอยกดขี่บริษัทลี่จิงกรุ๊ปไปด้วย ซึ่งมันเป็นความสัมพันธ์อันดีระหว่างตระกูลหลวงอย่างตระกูลฉินและมู่ตงเฟิงผู้พิทักษ์แดนตะวันตก”
“บวกกับผู้พิทักษ์แดนตะวันตกที่เต็มไปด้วยฐานะและประสบการณ์ที่มหัศจรรย์ ซึ่งมันเหมาะสมที่สุดแล้วสำหรับการประชาสัมพันธ์ และผู้บริหารระดับสูงของเมืองเจียงเฉิงก็ดีใจอย่างมาก ซึ่งเพื่อประจบตระกูลฉินและมู่ตงเฟิงแล้ว ทุกคนต่างก็เห็นด้วยกับข้อเสนอนี้อย่างมาก”
“ถ้าบริษัทลี่จิงกรุ๊ปกล้าต่อต้านล่ะก็ มันก็จะกลายเป็นการตั้งตัวเป็นศัตรู เพราะถ้าบริษัทใดๆ ที่ล่วงเกินรูปแบบใดรูปแบบหนึ่ง โดยพื้นฐานแล้วมันล้วนเป็นการที่ทำให้ตัวเองต้องเจอกับทางตันเท่านั้น”
หลังจากฟังจนจบ ถังเฉาก็พยักหน้าด้วยเช่นกัน
แน่นอนว่า มันเป็นการเตือนสติให้ตัวเองรู้จักกล้ำกลืนความอัปยศไว้
เพราะไม่ว่านักธุรกิจจะทำเงินได้มากมายขนาดไหน พวกเขาก็ยังอยู่ในขอบเขตของคำว่า ‘ประชาชน’
เว้นแต่ศักยภาพทางเศรษฐกิจของประธานบริษัทลี่จิงกรุ๊ปจะแข็งแกร่งมากพอที่จะส่งผลกระทบต่ออุตสาหกรรมหลักของทั้งเมือง เพราะไม่อย่างนั้นพวกเขาจะไม่มีทางให้ความสำคัญเลย
ส่วนเรื่องการกดขี่ของบริษัทลี่จิงกรุ๊ป จะมอบให้ลูกน้องไปลงมือเอง
เพราะหวางเยี่ย เป็นลูกจ้างระดับต่ำสุด
หูอีซานถอนหายใจเข้าลึกๆ แล้วทำหน้าตาหมองคล้ำ “คุณถังครับ ดูเหมือนว่าครั้งนี้บริษัทของคุณหลินจะไม่ดีขึ้นแล้ว”
พวกเขาตั้งใจอยู่ที่นี่เพื่อจัดการคุณ โดยไม่มีโทสะอะไรเลยสักนิด
ถังเฉายิ้ม “นั่นไม่ใช่ว่า เรื่องของชิงเสว่ก็เป็นเรื่องของผมด้วยเหรอ ซึ่งการถูกคนรังแกขนาดนี้แต่กลับไม่ตอบโต้นั้น ไม่ใช่สไตล์ของผมเลย”
หูอีซานรอให้ถังเฉาพูดต่อไป
อย่างไรก็ตามเขาก็คิดหาทางออกที่ดีไม่ได้
นอกจากจะไปขอโทษขอโพยตระกูลฉินด้วยตัวเอง
ถังเฉาดื่มชาอย่างเฉยชา และยิ้มอย่างเอ้อระเหยพร้อมกับพูดว่า “อีซานเอ๊ย ทำไมความคิดของคุณถึงถูกปิดกั้น หลังจากมาที่เมืองเจียงเฉิงขนาดนี้ล่ะ?”
“คุณลืมไปแล้วเหรอว่าที่นี่คือที่ไหน แล้วคุณมาจากไหน?”
หูอีซานเหลือบมองอย่างงุนงงไปแวบหนึ่ง แต่เขาก็ค่อยๆ เข้าใจ จากนั้นในสายตาของเขาก็ดูเคร่งครึ้มขึ้นมา
“คุณถังครับ คุณหมายถึง คุณต้องการใช้กำลังของเมืองหมิงจูใช่ไหมครับ?”
“ใช่แล้ว”
ถังเฉาส่งเสียงดีดนิ้วไปทีหนึ่งพร้อมกับยิ้มเยาะบนใบหน้า “ในเมื่ออีกฝ่ายได้ก่อตั้งพันธมิตรเจียงเฉิงแล้ว งั้นผมก็จะทำการก่อตั้งกลุ่มพันธมิตรหมิงจูด้วยเช่นกัน”
หูอีซานก็สั่นไปทั้งตัว
แต่จากนั้นก็กลับขมวดคิ้วและพูดว่า “สถานการณ์มันรุนแรงเกินไปหรือเปล่า?”
พันธมิตรเจียงเฉิง แม้ว่าจะมีคำว่า ‘พันธมิตร’ แต่หากพูดตรงๆ ก็มีแค่ไม่กี่สิบกลุ่มเท่านั้น
แต่ถังเฉากลับแตกต่าง เพราะเกือบเกินครึ่งของกำลังเมืองหมิงจู ไม่ได้อยู่ภายใต้คำสั่งของถังเฉา แต่กลับอยู่กับผู้ใต้การบังคับบัญชาของลูกน้องถังเฉา
ถ้าถังเฉาออกคำสั่ง กองกำลังเกือบเกินครึ่งของเมืองหมิงจูจะรวบรวมขึ้นมา!
ถังเฉายิ้มพร้อมกับส่ายหัว “สถานการณ์รุนแรงงั้นเหรอ? ผมคิดว่ามันไม่ได้รุนแรงมากขนาดนั้นนะ?”
ดวงตาของถังเฉาค่อยๆ เย็นชาลง “เดิมทีที่ต้องการคบค้าสมาคมกับพวกเขาในฐานะที่เป็นคนธรรมดานั้น มันเป็นเพราะพวกเขาที่บังคับให้ผมต้องใช้กำลังของเมืองหมิงจู”
เมื่อสังเกตถึงความหนาวเย็นที่น่าครั่นคร้ามซึ่งซ่อนอยู่ในคำพูดของถังเฉา สีหน้าของหูอีซานก็เอาจริงเอาจังมากขึ้น
“ครับ คุณถัง ผมจะไปติดต่อเดี๋ยวนี้เลยครับ ไม่แน่ว่ากองกำลังทั้งหมดของเมืองหมิงจู อาจมาถึงเจียงเฉิงภายในวันนี้”
หูอีซานพูดไปอย่างนั้นจากนั้นก็ไปติดต่อ
ไม่นาน ก็ได้รับคำตอบของกองกำลังต่างๆ
“ตระกูลซุนในเขตเชี่ยเฉิน ยินดีไปเจียงเฉิง เพื่อช่วยเสริมกำลังคุณถัง!”
“ตระกูลต่งในเขตซีเจียง ยินดีไปเจียงเฉิง เพื่อช่วยเสริมกำลังคุณถัง!”
“ตระกูลซ่งในเขตเซียวเฉิน ยินดีไปเจียงเฉิง เพื่อช่วยเสริมกำลังคุณถัง!”
“ตระกูลเฝิงในเขตเจียงซิน ยินดีไปเจียงเฉิง เพื่อช่วยเสริมกำลังคุณถัง!”
“……”
ถังเฉาส่งเสียงออกคำสั่ง กองกำลังเขตใหญ่สิบเขตของเมืองหมิงจู ที่เกือบจะเป็นกองกำลังจากสิบตระกูลได้แสดงความยินดีที่จะไปที่เมืองเจียงเฉิง
และในบรรดาตระกูลเหล่านี้ นำทีมโดยต่งวี่ซู่จากตระกูลต่งซ่งหมิงเวยจากตระกูลซ่ง และซุนยู่เฟิงจากตระกูลซุน โดยที่พวกเขาพร้อมจะบุกน้ำลุยไฟ โดยไม่มีการปฏิเสธใดๆ
ในช่วงเวลานี้ ตระกูลซุนพัฒนาไปอย่างรวดเร็ว ราวกับว่าเข้ามาแทนที่ตระกูลเสิ่น และตระกูลเหยียนที่ได้สูญสิ้นไปแล้วนั้น โดยกลายเป็นสามตระกูลยักษ์ใหญ่ของเมืองหมิงจู
และได้ยึดคืนกองกำลังในเครือจำนวนมาก เช่นตระกูลเฝิงในเขตเจียงซิน และตระกูลที่เติบโตขึ้นมาใหม่อื่นๆ
ถังเฉาไขว้มือไว้ข้างหลัง ยืนอยู่บนชั้นบนสุดของอาคาร และมองจากทางหน้าต่างสไตล์ฝรั่งเศสออกไปด้วยสายตาที่แฝงไว้ด้วยความหมายที่มากมาย
“มู่ตงเฟิง ตระกูลฉิน ฉันตั้งตารอการลงมือของพวกแก…”
“บุญคุณความแค้นในอดีต ก็ควรจะเคลียร์มันให้จบลงด้วย!”
ถังเฉาพึมพำกับตัวเอง ด้วยน้ำเสียงราบเรียบ
จากปากของฉินผู่หยาง แม้ว่าเขาจะได้รู้ว่ามีเก้าตระกูลใหญ่ในเยี่ยนตู ทั้งยังมีราชวงศ์ต้าเซี่ย
พวกเขาถึงจะตั้งสูงตระหง่านและมั่นคงดั่งขุนเขาในต้าเซี่ยอย่างไม่มีวันล้ม
แต่อย่างไรก็ตาม ถังเฉาไม่ได้เกรงกลัวพวกเขาเลย
หลังจากพบกับฉินกวนฉีแล้ว เขาก็มีความเข้าใจเบื้องต้นเกี่ยวกับกำลังของราชวงศ์ต้าเซี่ย
ถ้าเอาบอดี้การด์แรงภายในที่อยู่ข้างๆ ฉินกวนฉีคนนั้นมาพูด บอดี้การด์ของราชวงศ์ต้าเซี่ย ควรฝึกฝนแรงภายในด้วย ซึ่งมันควรจะเป็นมาตรฐานในการพัฒนากำลังคนอยู่แล้ว
และคนอย่างฉินกวนฉี ก็ถือได้ว่าเป็นคนรูปร่างหน้าตาดีและโดดเด่น ในราชวงศ์ต้าเซี่ยเช่นกัน
แต่เพียงแค่พวกเขาดูลึกลับไปหน่อยสำหรับถังเฉาแล้ว มันยังคงเป็นเรื่องการโจมตีพรรคพวก
และการเคลื่อนไหวของเมืองหมิงจู ก็อาจส่งผลกระทบต่อกองกำลังต่างๆ ในเมืองเจียงเฉิงอีกด้วย
ดังนั้นพวกเขาจึงเรียกรวมกันอย่างรวดเร็ว และเรียกประชุมเร่งด่วน
ทุกคนที่นั่งอยู่ที่นี่ ดูเหมือนว่าล้วนเป็นสมาชิกของพันธมิตรเจียงเฉิง
“ผมคิดว่าทุกคนคงเคยได้ยินเรื่องนี้มาแล้ว บริษัทลี่จิงกรุ๊ป ปฏิเสธที่จะหยุดการผลิตเครื่องสำอาง และยังคงทำธุรกิจในตลาดการค้าอยู่”
“นอกจากนี้ ยังมีอีกหลายตระกูลที่กำลังแล่นจากทิศทางของเมืองหมิงจูมายังเมืองเจียงเฉิง ซึ่งชัดเจนว่าพวกเขากำลังตั้งตัวเป็นศัตรูกับพวกเรา และไม่ให้ความสำคัญกับพันธมิตรเจียงเฉิงของเราเลย!”
“เพื่อที่จะเชือดไก่ให้ลิงดู ผมขอเสนอว่า เนื่องจากบริษัทลี่จิงกรุ๊ปได้ออกหน้านำคนมาต่อสู้กับเรา ดังนั้นผมเลยหวังว่าผู้นำตระกูลเซี่ย ผู้นำตระกูลหู และผู้นำตระกูลลู่จะสามารถให้การสนับสนุนอย่างเต็มที่ และเข้าร่วมพันธมิตรเจียงเฉิงกับเรา!”
ผู้นำธุรกิจของพันธมิตรเจียงเฉิง หยางอี้เฉินมองไปที่ทั้งสามคนที่อยู่ตรงหน้าด้วยใบหน้าที่เอาจริงเอาจังและพูดไปอย่างนั้น
คนทั้งสามนี้ เป็นผู้นำตระกูลของสามตระกูลยักษ์ใหญ่ในเมืองเจียงเฉิง โดยมีเซี่ยสิงจู๋ หูเซียว และลู่เจียง!
และคนอื่นๆ ของพันธมิตรก็จ้องมองผู้นำตระกูลยักษ์ใหญ่ทั้งสามนี้อย่างหนาแน่นด้วยเช่นกัน
ถ้าผู้นำตระกูลยักใหญ่ทั้งสามเข้าร่วมพันธมิตรเจียงเฉิงด้วย เช่นนั้นกำลังของพันธมิตรจะยิ่งอยู่ยิ่งแข็งแกร่งมากขึ้น
เช่นนั้นคงไม่ต้องพูดถึงบริษัทลี่จิงกรุ๊ปแล้ว หรือแม้แต่เหล่าตระกูลที่มาจากเมืองหมิงจู คงไม่พอที่จะเป็นหลักฐานได้
อย่างไรก็ตาม เซี่ยสิงจู๋ หูเซียวและลู่เจียงไห่พวกเขาทั้งสามต่างก็มองหน้ากัน และยิ้มอย่างประหลาด จากนั้นต่างก็พูดเป็นเสียงเดียวกัน
“ขอโทษครับ อภัยให้พวกเราด้วยที่ปฏิเสธ!”