หากตามที่เพิ่งพูดจบไปนั้น พันธมิตรหมิงจูที่นำโดยเจิงเทียนเสียง พร้อมด้วยกลุ่มคนจำนวนมาก กำลังบุกเข้าไปในอาคารอย่างยิ่งใหญ่
เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยของอาคาร ยังไม่กล้าห้ามเลยด้วยซ้ำ
กระทั่งมีคนเกือบตกใจกับ สายตาที่มองไปยังเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยที่ล้อมรอบเจิงเทียนเสียง
และบอดี้การ์ดทั้งสองที่ดูเหมือนไม่น่าใช่ระดับเดียวกัน!
กรึบๆ!
จำนวนคนที่มากมายขนาดนี้มันไม่สามารถขึ้นลิฟต์ได้ทั้งหมด ดังนั้นจึงทำได้แค่ขึ้นบันไดไปเท่านั้น
ตึกใหญ่ที่สูงเทียมเมฆ แต่การกันเสียงของห้องแต่ละห้องก็ดีมากด้วยเช่นกัน แต่ไม่ว่าอย่างไรหยางอี้เฉินและพวกคนของพันธมิตรเจียงเฉิงยังคงได้ยินเสียงฝีเท้าต่ำอยู่ดี
ราวกับว่าเป็นเสียงแห่งมัจจุราช ที่เหยียบย่ำหัวใจของทุกคน
โครม!
ไม่นาน ประตูห้องประชุมก็ถูกคนผลักเปิดออกอย่างไร้มารยาท
เจิงเทียนเสียงเดินเข้ามาอย่างไร้ซึ่งอารมณ์ และคนที่ตามหลังมาด้วยคือต่งวี่ซู่ ซ่งหมิงเวย ซุนยู่เฟิงและคนอื่นๆ ที่มีฐานะทางสังคมสูงของเมืองหมิงจู
“พวกคุณคือใคร?”
หยางอี้เฉินเดินเข้ามาด้วยใบหน้าที่เต็มไปด้วยความโกรธทันที
แม้จะรู้ว่าอีกฝ่ายมาจากเมืองหมิงจู แต่นี่คือเมืองเจียงเฉิงซึ่งเขายังคงไม่กลัว
พัวะ!
ทว่า ในเวลาต่อมา หยางอี้เฉินก็โดนตบหน้าอย่างรุนแรงไปทีหนึ่ง
ในห้องประชุมที่เงียบสงบ ทำให้เสียงตบที่คมชัดนั้น แสบหูเป็นพิเศษ
พันธมิตรเจียงเฉิงงั้นเหรอ สีหน้าของทุกคนต่างก็เปลี่ยนไป แล้วมองไปที่เจิงเทียนเสียงที่ลงมือโจมตีด้วยสายตาที่เหลือเชื่อ
“นี่แก…แกกล้าตบฉันงั้นเหรอ?”
เพราะการตบครั้งนี้มันรุนแรงอย่างมาก จนหยางอี้เฉินหน้าบวมไปครึ่งหน้า
เขาเบิกตากว้างอย่างไม่น่าเชื่อ และความโกรธที่ซ่อนอยู่ในสายตาก็ปรากฏขึ้นมา
“ตบคุณ แล้วจะยังไง?”
เจิงเทียนเสียงหรี่ตาลงเล็กน้อย จากนั้นฝ่ามือของเขาก็ตบลงที่หน้าอีกข้าง อย่างรุนแรง
ทันทีที่พูดคำพูดนี้ออกไป สมาชิกของพันธมิตรเจียงเฉิงต่างก็พากันตกใจขึ้นมาทันที และโกรธอย่างมาก
“พวกแกไอ้พวกต่างถิ่นช่างกล้าหาญเสียจริงถึงกับกล้าทำร้ายคนที่นี่เลยงั้นเหรอ รู้หรือไม่ว่าที่นี่คือที่ไหน?”
“พวกแกจบแล้ว ฉันพันธมิตรเจียงเฉิง จะกดขี่ธุรกิจของเมืองหมิงจูพวกแก เตรียมรอดูการล้มละลายได้เลย!”
พวกเขาแย่งกันตะโกนขึ้นมาคนละคำคนละประโยค
ข้างๆ เจิงเทียนเสียง ต่งวี่ซู่ก็ทำหน้าทำตาอย่างเย็นชา แล้วส่งเสียงร้องตะโกนออกมาอย่างเย็นชา
“ตบหน้าทุกคน ที่พูด!”
“ครับ!”
ทันทีที่เสียงเงียบไป บอดี้การด์ของตระกูลต่งก็สาวเท้าออกไปข้างหน้า ซึ่งเขาคนนี้เป็นที่มีความสามารถทำอะไรได้หลายๆ อย่างพร้อมกัน จากนั้นเขาก็ฟาดมือออกไปอย่างไม่หยุด
พัวะๆ…
ในพริบตาเดียว ห้องประชุมก็มีแต่เสียงตบรัวๆ
เหล่าประธานบริษัทที่ส่งเสียงร้องเอะอะนั้น ถูกทุบตีจนแก้มบวมไปหมด
หยางอี้เฉินมองที่ฉากตรงหน้าอย่างตกใจจนตาค้าง แล้วตะลึงงันไป
คนที่ออกจากบ้านเกิดนั้นต้องไร้ญาติขาดมิตรไร้ที่พึ่งและถูกดูถูกหยาดหยามแต่นี่เป็นครั้งแรกที่เขาเพิ่งเห็นพวกคนที่มาเมืองเจียงเฉิงของพวกเขาแล้วทำตัวกำเริบเสิบสานขนาดนี้
เจิงเทียนเสียงส่งสัญญาณมือ จากนั้นบอดี้การด์เหล่านั้นถึงได้หยุดมือลง
ในเวลาต่อมา เขาก็เหลือบมองหยางอี้เฉินพวกเขาอย่างชั่วร้าย ด้วยน้ำเสียงที่เย็นชา
“พวกคุณไม่จำเป็นต้องโกรธไปหรอก เพราะพวกเรามาที่นี่เพื่อมาก่อเรื่องกับพันธมิตรเจียงเฉิงของพวกคุณ เพราะถ้าแค่ตอนนี้ก็โกรธแล้ว แล้วเรื่องที่จะเกิดขึ้นอีกในไม่ช้านี้ พวกคุณอาจโกรธจนเลือดขึ้นสมองเลยก็เป็นได้”
เจิงเทียนน้ำเสียงเย็นชา และคนทั้งหมดในเหตุการณ์ต่างก็ถูกบีบบังคับ
“ไม่ใช่ว่าพวกคุณชอบเป็นหมาหมู่เหรอ แล้วบริษัทมากมายที่จะคอยกดขี่บริษัทลี่จิงกรุ๊ปล่ะ เอางั้นก็ได้ บริษัทมากมายของพวกเรา ก็มาเพื่อกดขี่พวกคุณด้วยเช่นกัน”
ต่งวี่ซู่ก็มองหยางอี้เฉินพวกเขาอย่างเย็นชาด้วยเช่นกัน “ไอ้กลุ่มคนผู้กล้าหาญ แม้แต่บริษัทของภรรยาคุณถัง ยังกล้าที่จะกดขี่ นี่มันช่างขี้เกียจใช้ชีวิตเสียจริง!”
ซ่งหมิงเวยก็ทำเช่นเดียวกัน ใบหน้าของเขาก็เต็มไปด้วยความดุร้าย
เมื่อครั้งที่พี่สาวของเขามอบบริษัทตระกูลซ่งให้กับเขา ก็เคยกำชับว่าอย่าได้ยั่วโมโหถังเฉาเด็ดขาด ในทางตรงกันข้ามกัน จะต้องรักษาความสัมพันธ์ที่ดีกับเขา
เมื่อมีคนมากมายจ้องมองพวกเขา สีหน้าของหยางอี้เฉินก็เปลี่ยนไปอย่างมาก
มีคนมากมายขนาดนี้ ติดตามถังเฉาเลยงั้นเหรอ?
และในขณะนั้น เซี่ยสิงจู๋ก็ยิ้มขึ้นมาอย่างเจื่อนๆ “เถ้าแก่หยางครับ ตอนนี้ คุณควรเข้าใจว่าทำไมผมถึงได้ปฏิเสธคุณแล้วล่ะ?”
“เพราะเมื่อเทียบกับคุณถังแล้ว สิ่งที่พวกคุณเรียกว่าพันธมิตรเจียงเฉิงนั้น มันไม่ได้มีอะไรที่จะเป็นอย่างนั้นเลย!”
คำพูดนี้พูดได้อย่างไม่ไว้หน้าเลย และแค่ครู่เดียวสีหน้าของหยางอี้เฉินก็ดูแย่อย่างมาก
อย่างไรก็ตาม พวกเขากลับไม่สามารถพูดอะไรได้เลย
เพราะ การสถานการณ์ที่รุนแรงแบบนี้มันเพียงพอที่จะอธิบายถึงอิทธิพลของถังเฉาได้แล้ว
หยางอี้เฉินรู้สึกว่าคนที่พวกเขาหวาดกลัวคือหลินชิงเสว่ ตั้งแต่แรกที่เซี่ยสิงจู๋บอกให้พูดถึงเหตุผลที่พวกเขาปฏิเสธที่จะเข้าร่วมพันธมิตรเจียงเฉิงแล้ว
คิดไม่ถึงเลยว่าที่พวกเขาควรหวาดกลัวไม่ใช่แค่หลินชิงเสว่ แต่เป็นถังเฉาสามีของหลินชิงเสว่
ในขณะนั้นเองเมื่อเห็นผู้คนมากมายที่กำลังมองดูพวกเขาอย่างเย็นชาอยู่นั้น แค่ครู่เดียวหยางอี้เฉินก็เข้าใจขึ้นมาทันที
ในเวลาต่อมา ซุนยู่เฟิงผู้นำตระกูลซุนก็ก้าวออกไปข้างหน้าก้าวหนึ่ง แล้วชี้ไปที่หยางอี้เฉินพร้อมกับพูดขู่ขึ้นว่า “ฉันจะให้เวลาพวกแกสิบนาที รีบหยุดการกดขี่บริษัทลี่จิงกรุ๊ปเดี๋ยวนี้ ไม่เช่นนั้น ก็เตรียมรอบริษัทล้มละลายได้เลย!”
แค่ครู่เดียวสีหน้าของหยางอี้เฉินก็ดูแย่ขึ้นมาทันที “เป็นไปไม่ได้ พวกเราได้รับคำสั่งให้ทำเท่านั้น มันไม่ใช่ว่าเราอยากจะกดขี่บริษัทลี่จิงกรุ๊ป”
“ใช่แล้วครับ พวกคุณไม่รู้หรอกว่าบริษัทลี่จิงกรุ๊ปล่วงเกินใคร แม้แต่องค์กรของเมืองเจียงเฉิง ต่างก็มองว่าบริษัทลี่จิงกรุ๊ปเป็นหนามยอกอกเท่านั้น”
การที่พวกคุณรีบไปช่วยสนับสนุนการตลาดของบริษัทลี่จิงกรุ๊ปนั้น ไม่กลัวเหรอว่าบริษัทของพวกคุณจะมีส่วนเกี่ยวข้องด้วยเหรอ?”
ของคนพันธมิตรเจียงเฉินทยอยกันเอ่ยปากพูด และพยายามต่อสู้ดิ้นรนเป็นครั้งสุดท้าย
อย่างไรก็ตาม เจิงเทียนเสียงไม่ได้คิดที่จะให้ความสนใจเลย เพียงแค่ส่งสายตาไปทีหนึ่งเท่านั้น
เมื่อต่งวี่ซู่ ซุนยู่เฟิง และซ่งหมิงเวยเห็นดังนั้น ก็พยักหน้า และหยิบมือถือออกมา
ไม่นาน มือถือของหยางอี้เฉินและสมาชิกคนอื่นๆ ของพันธมิตร ก็ดังขึ้นพร้อมกัน
ทันทีที่ติดต่อทุกคนได้ สีหน้าของทุกคนก็เปลี่ยนไปอยู่ครู่หนึ่ง
โดยไม่ยกเว้นใครทั้งนั้น พวกเขาทุกคนล้วนได้รับข่าวร้ายที่ว่าบริษัทของพวกเขาถูกกดขี่อย่างรุนแรง
โดยอำนาจของผู้นำบริษัทตระกูลต่ง และบริษัทตระกูลซ่งของเมืองหมิงจู พร้อมด้วยธุรกิจตระกูลของตระกูลที่อยู่ภายใต้ตระกูลใหญ่ต่างๆ ได้เปิดตัวการกดขี่อย่างดุเดือดต่อบริษัทที่อยู่ภายใต้พันธมิตรเจียงเฉิง
ห่วงโซ่กองทุนทั้งหมดของบริษัทถูกตัดขาดไป และโครงการทั้งหมดที่อยู่ภายใต้ของบริษัทก็หยุดชะงักลง และในทุกๆ นาที ล้วนมีการสูญเสียไปมากกว่าหนึ่งล้าน
แค่ครู่เดียวสีหน้าของหยางอี้เฉินก็ซีดเผือดลงทันที เขาจ้องมองที่เจิงเทียนเสียง ต่งวี่ซู่พวกเขา “พวกคุณทำแบบนี้ ไม่กลัวเหรอว่ามันจะไปล่วงเกินคนที่อยู่ชั้นบนเหรอ?”
ต่งวี่ซู่ยิ้มเจื่อนๆ “จะล่วงเกินคนที่อยู่ชั้นบนหรือเปล่านั้นฉันไม่รู้ด้วยหรอก แต่สิ่งที่ฉันรู้คือ ตราบใดที่ทำเพื่อคุณถัง ไม่ว่าจะล่วงเกินใคร เขาก็จะออกหน้าช่วยเคลียร์ให้จบ”
“ใช่แล้ว!”
ซุนยู่เฟิงพูดขึ้นอย่างมั่นใจ
“คนที่พี่สาวถูกใจนั้น พี่มองไม่ผิดจริงๆ!”
ซ่งหมิงเวยก็พูดคล้อยตามด้วย
เจิงเทียนเสียงยิ้มเจื่อนๆแต่กลับไม่ได้พูดอะไรสักคำ
เขาเป็นคนแรกที่ติดตามถังเฉา และถังเฉาที่อยู่ในใจของเขา ก็เป็นเหมือนเทพเจ้าไปแล้ว
หยางอี้เฉินและคนเหล่านี้ต่างก็พากันโง่เขลาไปหมด เพราะพวกเขามองความเลื่อมใสศรัทธาที่เกือบจะทำให้ตาบอด จากในสายตาของเจิงเทียนพวกเขาออก
“เป็นอย่างนี้ได้ยังไงกัน…”
จากนั้นเสียงก็ดังตุ้บไปทีหนึ่งแล้วหยางอี้เฉินก็ล้มลงที่เก้าอี้
ในขณะนั้นเองเซี่ยสิงจู๋ หูเซียว และลู่เจียงไห่พวกเขาทั้งสามต่างก็ยืนขึ้น
“เถ้าแก่หยาง พวกเรามีเรื่องต้องทำ ต้องขอตัวไปก่อนนะครับ”
พอพูดจบ พวกเราก็สาวเท้าออกจากห้องประชุมไป โดยไม่ได้คิดที่จะช่วยพวกเขาเลยสักนิด
สิ่งนี้ยิ่งทำให้หยางอี้เฉินสิ้นหวัง
เซี่ยสิงจู๋ หูเซียว และลู่เจียงไห่พวกเขาทั้งสามล้วนเป็นตระกูลยักใหญ่ของเมืองเจียงเฉิง ซึ่งในตอนนี้พันธมิตรของพวกเขาเกิดเรื่องขึ้น และไม่มีใครสักคนเต็มใจที่จะยื่นมือมาช่วยพวกเขา
นี่ก็เพียงพอแล้วที่แสดงให้เห็นว่า ตระกูลยักษ์ใหญ่ทั้งสามในเมืองเจียงเฉิง ก็ยืนอยู่ฝั่งของถังเฉาด้วยเช่นกัน
กริ๊ง!
ทันใดนั้น มือถือของเขาก็ดังขึ้น
ซึ่งนั่นเป็นสายของนายท่านใหญ่ฉินโช่ววง
“ฮัลโหล? เสี่ยวหยาง งานเป็นยังไงบ้างแล้ว บริษัทลี่จิงกรุ๊ป ถูกกดขี่จนใกล้จะปิดตัวลงหรือยัง?”
ฉินโช่ววงหัวเราะแหะๆ พร้อมกับถามไปอย่างนั้น
“ผู้นำตระกูลฉิน!”
ครู่เดียวหยางอี้เฉินก็ตะโกนอย่างดังออกไป ราวกับกำลังจับที่พึ่งสุดท้ายไว้ “เกิดเรื่องแล้วครับ พันธมิตรเจียงเฉิงของเราพังพินาศไปหมดแล้วครับ!”