ในสายมีเสียงกัดฟันกรอดๆของผู้หญิงคนหนึ่งดังขึ้นมา
ถ้าเย่หรูอี้ยังอยู่ที่นี่ต่อล่ะก็ จะต้องฟังออกได้อย่างแน่นอน ว่านี่เป็นเสียงของเย่เซ่าเตี๋ย
“แต่เธอขี้ระแวงมาโดยตลอด ไม่มีทางไว้ใจใครง่ายๆขนาดนั้นแน่ๆ นายทำหน้าที่ของนายให้ดีก็พอ หลังจากประชุมแดนเหนือผ่านไปแล้ว ฉันจะไปไล่เธอออกจากตระกูลด้วยตัวเอง!”
“กะอิแค่นังชั้นต่ำลูกคนรับใช้ กล้ามาเทียบกับองค์หญิงหัวแก้วหัวแหวนของฉัน?”
เย่เซ่าเตี๋ยน้ำเสียงเต็มไปด้วยความร้ายกาจ โกรธแค้นเย่หรูอี้ถึงขั้นสุด
“ครับ”
เย่อู๋เหินวางสายลง รังสีอำมหิตก็จางหายไป กลับมาท่าทางอบอุ่นใจดีเหมือนกับตอนก่อนหน้านี้
วันรุ่งขึ้น พระอาทิตย์ขึ้น
วันนี้สำหรับประชาชนเมืองเจียงเฉินแล้ว ถูกกำหนดให้เป็นวันพิเศษ
เพราะว่าประชุมแดนเหนือที่ผู้คนต่างจับตาดู ตั้งตารอคอย จะเริ่มขึ้นในวันนี้นั่นเอง
หลินชิงเสว่ลากถังเฉาให้ตื่นแต่เช้าตรู่
เพราะว่าถังเสี่ยวลี้ตะโกนโวยวายว่าอยากไปดู‘มวยปล้ำ’
เด็กน้อยอายุยังน้อย ไม่รู้เรื่องศิลปะการต่อสู้ การที่มีสองคนมาต่อสู้กัน เธอก็จะคิดว่ามันคือ‘มวยปล้ำ’ไปโดยสัญชาตญาณ
พวกเด็กๆอนุบาลก็เป็นแบบนี้กันทั้งนั้น
ถังเฉากลับยิ้มให้กับถังเสี่ยวลี้“โอ๋ เสี่ยวลี้ ให้แม่พาลูกไปก่อน เดี๋ยวพ่อจะตามไปนะ”
หลินชิงเสว่เผยให้เห็นถึงสีหน้าสงสัยทันที“คุณจะไปไหน?”
เจ้าเด็กน้อยก็มองถังเฉาด้วยความอยากรู้อยากเห็นเช่นเดียวกัน
ถังเฉาพูดยิ้มๆต่อ“ผมมีธุระที่ต้องไปจัดการนิดหน่อย ไม่นาน ประมาณครึ่งชั่วโมงก็ถึงแล้ว”
ถังเฉาให้เวลาที่แน่นอนไป หลินชิงเสว่จึงไม่ได้สงสัยอะไรต่อ อุ้มถังเสี่ยวลี้ออกไปก่อน
สวมรองเท้าเสร็จ หลินชิงเสว่ก็ตะโกนกำชับไปอีกครั้ง“คุณเร็วๆหน่อยล่ะ วันนี้พ่อกับพวกฉ่ายเวยก็ไปด้วย”
ประชุมแดนเหนือต้องใช้ตั๋วถึงจะเข้าไปได้ ถังเฉาหยิบตั๋วออกมาหนึ่งปึก หลินชิงเสว่ก็เอาออกมาส่งให้กับพวกหลินเจิ้นสง หลินฉ่ายเวย
ส่วนที่เหลือก็ถือว่าเป็นสวัสดิการ แจกจ่ายให้กับพนักงานดีเด่นของบริษัท
ประชุมแดนเหนือก็เป็นการสร้างทีมของบริษัท
แต่ว่าถังเฉามีธุระอื่นอยู่ เขาขับรถมาถึงยังบริษัทหย่วนหยางกรุ๊ป ห้องทำงานของเย่หรูอี้
ห้องทำงานห้องนี้ตอนแรกเป็นของผู้รับผิดชอบหย่วนหยางกรุ๊ปเขตเมืองเจียงเฉิง เย่เฟิงเซิง แต้เนื่องจากเย่หรูอี้มาแล้ว ก็เลยให้กับเย่หรูอี้ไป
“คุณแน่ใจไหมว่าจะทำแบบนี้?”
เย่หรูอี้มองถังเฉา สีหน้าเคร่งขรึม
“คุณใช้ชื่อของ‘เจ้ามังกร’แบบนี้ ถ้าเกิดถูกคนเปิดเผยขึ้นมา คุณก็จะซวยเอานะ”
เย่หรูอี้ก็รู้สึกว่าการที่ถังเฉาใช้ชื่อของ‘เจ้ามังกร’มาเข้าร่วมการแข่งขันแบบนี้มันบ้าระห่ำมาก
ถึงยังไงนี่มันก็สะดุดตาคนมากเกินไป
ถังเฉากลับยิ้มๆ“ไม่ต้องสนใจหรอก”
เขาหยิบหน้ากากเหล็กออกมา ใส่ไปที่หน้า อารมณ์ความรู้สึกก็ดูเยือกเย็นและเต็มไปด้วยความอาฆาตทันที
เย่หรูอี้ก็ตกใจเช่นกัน“นี่มันคืออะไร?”
ถังเฉาถอดหน้ากากออก พูดยิ้มๆ“แบบนี้ก็ดูไม่ออกแล้วว่าไม่ใช่ผมใช่ไหมล่ะ?”
เย่หรูอี้สายตาเข้มงวด“เป็นแบบนี้นี่เอง แต่ว่าคุณไปเอาหน้ากากนี้มาจากไหน? ทำไมฉันถึงรู้สึกว่ามันเป็นของพิเศษสนามรบล่ะ?”
หน้ากากเหล็กที่อยู่ในมือของถังเฉาทอแสงแวววาว แถมข้างบนยังสลักคำว่ามังกรทองห้ากรงเล็บอีกด้วย
เขายิ้มพลางพยักหน้า“นี่เป็นสิ่งที่ผมเอามาจากสนามรบ”
“เอามาจากสนามรบ?”
เย่หรูอี้ตกใจทันที“คุณนี่ช่างกล้าจริงๆนะ คุณกะที่จะใช้สิ่งนี้มาปลอมตัว‘เจ้ามังกร’เนี่ยนะ?”
ถังเฉาพยักหน้าอย่างสบายๆ“ใช่น่ะสิ”
เย่หรูอี้ก็ไม่รู้จะพูดอะไรออกมา
“เดี๋ยวอีกสักพัก ตอนที่คุณมาถึงแล้วอย่าลืมพาผมเข้าไปด้วย ตั๋วที่คุณให้ผม ผมให้ภรรยาไปแล้ว”
พูดจบ ถังเฉาก็จากไป
เย่หรูอี้ยังต้องเข้าประชุมอีก จึงไม่สามารถไปกับถังเฉาได้
เย่หรูอี้ไม่รู้เลยว่า หน้ากากเหล็กที่ถังเฉาสวมอยู่ในตอนนี้ ก็คือหน้ากากอันเป็นเอกลักษณ์ของเจ้ามังกร
ตอนที่กำลังจะขับไปถึงสนามกีฬาเมืองเจียงเฉิง ถังเฉาก็ได้รับข้อความที่หลินชิงเสว่ส่งมา
“ฉันกับพวกเสี่ยวลี้เข้าไปก่อนนะ คุณรีบๆหน่อยล่ะ”
ถังเฉาลงจากรถ มุ่งตรงเข้าไปในสนามกีฬา แต่เนื่องจากเขาไม่มีตั๋ว ทำได้แค่ยืนรออยู่ตรงหน้าประตู
บนถนน ถังเฉาเห็นบรรดาคนมากมายถือตั๋วเดินเข้าไป มีแต่เขาคนเดียวที่รออยู่ตรงประตู
ทุกคนต่างชี้มาที่เขา แถมยังมองเขาด้วยสายตาแปลกๆ
รปภ.ของสนามกีฬาจับตาดูถังเฉาเป็นพิเศษ มองเขาด้วยสายตาที่จ้องมองโจรผู้ร้าย
เนื่องในโอกาสแบบนี้ จะต้องมีพวกที่ไม่มีตั๋วคิดที่จะฉวยโอกาสแอบเข้าไปแบบฟรีๆแน่นอน ถังเฉาจะต้องเป็นประเภทนี้แน่ๆ
“เห้ย นี่คุณ รีบไปยืนตรงนั้น อย่ามารบกวนแขกคนอื่นตรวจบัตรสิ!”
ในที่สุด รปภ.พวกนั้นก็ทนไม่ไหว ถือกระบองเข้ามาไล่ถังเฉา
“ขอโทษครับ”ถังเฉาหมดหนทาง ทำได้แค่ไปนั่งลงตรงถนน
ท่ามกลางแสดงแดดที่แผดเผา ถังเฉาซื้อน้ำดื่มมาหนึ่งขวด แล้วก็ซื้อซาลาเปามาสองลูก
“ถังเฉา?”
ในตอนนี้เอง ข้างหลังก็มีเสียงของผู้หญิงคนหนึ่งดังขึ้นมา
“หือ?”
ถังเฉาขมวดคิ้วเล็กน้อย หันหน้าไป
เห็นแดเนียลสีเหลืองคันหนึ่งมาจอดอยู่ริมถนน
กระจกรถเลื่อนลง เผยให้เห็นถึงใบหน้าที่ละเอียดอ่อนสวยงามที่กำลังสวมแว่นดำอยู่
แม้ว่าจะสวมแว่นดำ แต่ถังเฉาก็ยังมองออกอยู่ดีว่าเธอคือใคร
เย่เซ่าเตี๋ย แห่งตระกูลเย่
ถังเฉาสีหน้าเฉยเมย ไม่ได้มีความสนใจอะไรกับผู้หญิงคนนี้เลยแม้แต่น้อย แม้แต่ความสนใจที่จะพยักหน้าทักทายก็ยังไม่มี
แต่เย่เซ่าเตี๋ยพอเห็นถังเฉาก็ตกใจมาก ไม่เพียงแต่ถอดแว่นตาดำออก ยังเรียกให้คนขับรถจอดรถด้วย
“ถังเฉา ทำไมแกถึงมาอยู่ที่นี่? มานั่งกินซาลาเปาตามริมถนน นี่แกทำงานใช้แรงงานหรือไง?”
เปิดประตูรถออก ชุดกระโปรงยาวสีขาวนวลเคลื่อนออกมา เย่เซ่าเตี๋ยสวมรองเท้าส้นสูงพื้นแดงChristian Louboutin เดินมาหยุดอยู่ตรงหน้าของถังเฉา มองสำรวจเขาด้วยความสนใจ
พอเห็นถังเฉาที่กำลังนั่งอยู่ริมถนนอย่างไม่เป็นสุขภาพ มือหนึ่งถือซาลาเปา ข้างๆมีขวดน้ำดื่มที่เปิดฝาไว้วางไว้อยู่หนึ่งขวดสภาพดูน่าสมเพชไม่น้อย เย่เซ่าเตี๋ยก็หัวเราะแทบตาย
ประชุมแดนเหนือจัดขึ้นที่สนามกีฬาเมืองเจียงเฉิง แม้ว่าจะเสร็จสิ้นทุกกระบวนการแล้ว แต่ก็ยังไม่เสร็จสมบูรณ์ทันวันเปิด
วันที่ประชุมแดนเหนือเปิดพิธี จึงยังคงมีพวกคนงานที่กำลังทำงานอยู่ท่ามกลางแดดที่ร้อนแรงอยู่ ด้วยเหตุนี้จึงทำให้เย่เซ่าเตี๋ยคิดว่าถังเฉาก็เป็นหนึ่งในคนงานใช้แรงงานที่นี่เหมือนกัน
“ถังเฉา ภรรยาของแกคือหลินชิงเสว่ไม่ใช่เหรอ? ภรรยาคนก่อนของแกก็คือคุณหนูหัวแก้วหัวแหวนของตระกูลเย่แห่งตระกูลหลวง เย่หรูอี้ไม่ใช่หรือไง? ให้เงินแกใช้ได้อย่างสบายๆ เพียงพอให้แกได้ใช้จ่ายอย่างสุรุ่ยสุร่ายได้สักพักเลย แล้วทำไมแกถึงมาทำงานใช้แรงงานล่ะ?”
เย่เซ่าเตี๋ยหัวเราะจนน้ำตาจะไหลออกมา
“หรือเพราะว่าแกไร้ประโยชน์เกินไป ก็เลยถูกหลินชิงเสว่ไล่ออกมาเหรอ? กินแม้กระทั่งซาลาเปาผักเค็ม เดี๋ยวฉันซื้ออาหารมาเพิ่มให้แก ซื้อบะหมี่สักถ้วยให้กินเอาไหม?”
เย่เซ่าเตี๋ยปากเหมือนกับปืนกล พูดพล่ามออกมาไม่หยุด
บวกเข้ากับเสียงที่ดังของเธอ ทุกคนตรงนั้นก็พากันหันมองมาด้วยสายตาประหลาดใจ
ถังเฉานั่งอยู่ริมถนน ในมือถือซาลาเปา ข้างๆมีขวดน้ำดื่มวางอยู่แบบนี้ มันง่ายมากที่จะทำให้คนนึกว่าเขาเป็นพวกกรรมกรชาวบ้าน
ถังเฉาแววตาเย็นชา“ผมมาทำอะไรที่นี่ มันเกี่ยวข้องอะไรกับคุณเหรอ?”
“ไม่ได้เกี่ยวข้องหรอก แต่ไม่ว่ายังไงแกก็เป็นสามีของหลินชิงเสว่นะ ภรรยาของแกเป็นถึงประธานของลี่จิงกรุ๊ป เศรษฐีนีที่มีชื่อเสียง แล้วทำไมแกถึงทำตัวน่าสมเพชเวทนาขนาดนี้? แถมยังออกมาทำงานแรงงานอีก”
เย่เซ่าเตี๋ยหัวเราะออกมายกใหญ่ ในใจรู้สึกสะใจสุดๆ
เมื่อก่อนถังเฉาดูหมิ่นทำให้เธออับอายมาตั้งมากตั้งมาย แถมยังเคยเตะเธอตกบันไดอีก ตอนนี้พอเห็นเขานั่งกินซาลาเปาอยู่ริมถนน เธอก็รู้สึกเหมือนได้ระบายความคับแค้นใจออกมาไม่น้อย
ในเวลานี้ รปภ.ของสนามกีฬาเดินเข้ามา
“คุณเย่ คุณเข้าใจผิดแล้วครับ เขาไม่ใช่กรรมกรชาวบ้าน ที่เขายืนอยู่ตรงนี้มานานมากแล้ว น่าจะเป็นเพราะว่าอยากจะเข้าไปดูประชุมแดนเหนือ แต่ไม่มีตั๋วน่ะครับ”
รปภ.พูดอธิบายกับเย่เซ่าเตี๋ยอย่างเคารพนอบน้อม
คนของตระกูลหลวงในเยี่ยนตูทุกคนที่เข้าร่วมประชุมแดนเหนือ ล้วนแต่เป็นแขกวีไอพีทั้งนั้น พวกรปภ.เคยเห็นรูปภาพของพวกเขามาแล้ว แน่นอนว่าต้องรู้จักเย่เซ่าเตี๋ยอยู่แล้ว
พวกเขาคิดที่จะประจบประแจง
“อ๋อ ที่แท้ก็ไม่มีบัตรอย่างนั้นเหรอ?”
เย่เซ่าเตี๋ยเข้าใจได้ในทันที แม้ว่าสายตาที่มองถังเฉาจะไม่ได้เยาะเย้ยเขาขนาดนั้นแล้ว แต่ก็ยังดูถูกดูแคลนเขาอยู่ดี
ไม่มีตั๋วยังมาที่นี่อีก คิดจะแอบเข้าไปอย่างนั้นเหรอ?
เย่เซ่าเตี๋ยพูดขึ้นนิ่งๆ“ในเมื่อเขาไม่มีตั๋ว ก็จับตาดูเขาเอาไว้ อย่าให้เขาเข้าไปล่ะ ประชุมแดนเหนือไม่ใช่หมาแมวที่ไหนจะเข้าไปได้ อย่าการ์ดตกเด็ดขาด”
“ครับๆๆ คุณเย่พูดถูกครับ”
พวกรปภ.ตื่นตัวขึ้นมาทันที
ต่อมา พวกเขาก็จ้องมองถังเฉาอย่างดุร้าย
“ไม่มีตั๋วยังคิดจะเข้าไปในประชุมแดนเหนืออีก รีบไสหัวออกไปซะ ไม่อย่างนั้นได้เจอกระบองของฉันแน่!”
“แถมยังกล้ามาล่วงเกินคุณเย่อีก ฉันว่านายคงอยากจะรนหาที่ตายแล้วสินะ!”
ถังเฉาสายตาไม่แยแส“พวกคุณฟังความข้างเดียวเหรอ? อีกอย่าง พวกคุณรู้ได้ยังไงว่าผมไม่มีตั๋ว? ถึงผมไม่มีตั๋วก็เข้าไปได้อยู่ดี!”
รปภ.สองคนก็อึ้งตะลึงไป ไม่ต้องใช้ตั๋ว ก็เข้าไปได้ นั่นก็คือผู้เข้าแข่งขันที่เข้าร่วมประชุมแดนเหนือไม่ใช่หรือไง?
“นายหมายความว่า นายเป็นผู้เข้าแข่งขันอย่างนั้นเหรอ?”
รปภ.ทั้งสองคนไม่อยากจะเชื่อ
เย่เซ่าเตี๋ยที่ตอนแรกกำลังจะจากไป แต่พอได้ฟังคำพูดนี้ของถังเฉา เธอก็หยุดทันที
ราวกับได้ยินเรื่องตลก เธอมองถังเฉาพร้อมกับหัวเราะออกมา
“ถังเฉานี่แกยังละอายอยู่ไหม? ตอนที่เจอกันครั้งที่แล้วที่แกช่วยลงแข่งแทนลูกพี่ลูกน้องของฉัน แต่กลับถูกประธานหงปฏิเสธ แกก็ถูกสมาคมการต่อสู้แบนไปแล้วตั้งแต่ตอนนั้น เข้าใจไหม?”
คำพูดนี้เป็นหลักฐานที่ตอกย้ำว่าถังเฉากำลังพูดโกหกอยู่
คนหนึ่งกำลังกินซาลาเปาอยู่ริมถนนสภาพเหมือนกรรมกรชาวบ้าน ส่วนอีกคนเป็นคุณหนูใหญ่ของตระกูลเย่แห่งตระกูลหลวง ควรจะเชื่อใครแค่ดูก็รู้แล้ว
“หยุดพูดเกินจริงได้แล้ว เข้าไม่ได้ก็คือเข้าไม่ได้ ไม่ต้องเอาคำพูดเด็กๆแบบนี้มาหลอกพวกเราหรอก!”
พวกรปภ.มองถังเฉาอย่างดูถูก
เย่เซ่าเตี๋ยยิ้มอย่างเย้ยหยัน“ฉันแนะนำแกว่านั่งกินซาลาเปาต่อไปเถอะ อย่าคิดจะเข้าไปเลย ที่นั่นไม่ใช่ที่ที่แกจะเข้ามาได้”
ติ๊ดๆ!
ในตอนนี้เอง ก็มีรถคันหนึ่งขับตรงมา
คู่สามีภรรยาที่ดูร่ำรวยหรูหราคู่หนึ่งลงมาจากรถ
ก็คือคู่สามีภรรยาหลินรั่วหวีกับเว่ยหมิงจวินนั่นเอง
พวกเขาก็มองถังเฉาที่นั่งอยู่ที่พื้นด้วยความตกใจเช่นกัน“แกมาอยู่ที่นี่ได้ยังไง?”
เย่เซ่าเตี๋ยก็ตกใจ แต่พอเห็นสามีภรรยาหลินรั่วหวี ก็เข้าไปต้อนรับอย่างรวดเร็ว
“คุณอาหลิน น้าเว่ย ฉันคือเย่เซ่าเตี๋ยแห่งตระกูลเย่ ค่ะ ลูกเขยของตระกูลพวกคุณช่างทำให้ตระกูลหลินต้องอับอายขายขี้หน้าจริงๆ ไม่ใช่แค่นั่งกินซาลาเปาดื่มน้ำขวดริมถนน้เหมือนกรรมกรชาวบ้านเท่านั้นนะ แถมยังไม่มีตั๋วแต่ยังคิดที่จะเข้าไปในประชุมแดนเหนืออีกด้วยนะคะ”
เย่เซ่าเตี๋ยพูดกับสามีภรรยาหลินรั่วหวี
ทันใดนั้น หลินรั่วหวีก็สีหน้าเคร่งขรึมทันที เว่ยหมิงจวินก็ใบหน้าดำมืดเหมือนก้นหม้อเช่นกัน
ที่ตระกูลหลินต้องการที่สุดก็คือหน้าตา แต่พฤติกรรมของถังเฉา กลับฉีกหน้าฉีกตาของตระกูลหลินไปจนเกลี้ยง
“ยังไม่รีบกลับไปอีก ไอ้ตัวน่าอับอายขายขี้หน้า!”
เว่ยหมิงจวินพูดดุด่าแทนหลินรั่วหวี
ถังเฉาสีหน้าก็เคร่งขรึมขึ้นมา ในที่สุดก็โกรธแล้ว“เดี๋ยวก็จะมีคนพาผมเข้าไป พวกคุณจะมากังวลอะไรที่นี่?”
พอคำพูดนี้ออกมา ไม่ว่าจะเป็นหลินรั่วหวี เว่ยหมิงจวิน หรือเย่เซ่าเตี๋ยต่างก็มองเขาด้วยความเหลือเชื่อเหมือนกันหมด
มองอยู่สามวินาที ก็เกิดเสียงหัวเราะดังลั่นขึ้นมาทันที