กริบ!
หลังจากที่ถังเฉาพูดประโยคนี้ออกมา ทั้งสนามกีฬาก็เงียบสงัด
สีหน้าของคนรอบ ๆ ไร้ชีวิตไป เขาไม่เพียงแต่เหน็บแนมมู่เจียง ทั้งยังสงสัยทั้งงานประชุมแดนเหนือ?
ประโยคนี้ทำให้ถังเฉาตกเป็นเป้าโจมตีของผู้คนในทันที คนทั้งหมดที่เคยเข้าร่วมประชุมแดนเหนือ ไม่มีใครที่ไม่มองเขาด้วยสายตาเย็นชา
ราวกับเพิ่งจะสังเกตเห็นสายตาของผู้คนที่อยู่รอบ ๆ ในเวลาเดียวกันกับที่สีหน้าของมู่เจียงมืดครึ้มลงนั่นเอง เขาก็หัวเราะเสียงดังออกมา “นี่แกกำลังล่วงเกินทุกคนอยู่นะ!”
“ล่วงเกินฉันยังพอมีความเป็นไปได้ที่จะรอดชีวิตไปได้ แต่ว่าแกสงสัยประชุมแดนเหนือ ก็เท่ากับสงสัยมู่ตงเฟิงพี่น้องของฉัน ไม่มีทางที่จะฟื้นขึ้นมาได้เด็ดขาด!”
น้ำเสียงของมู่เจียงมีความโอหัง
ในแดนตะวันตก ทุกคนล้วนแต่เกรงใจและเคารพเขา บูชาเขา
เพราะว่าเขาเป็นพี่น้องของมู่ตงเฟิง
ในสนามรบ ยิ่งช่วยชีวิตมู่ตงเฟิงจากยอดฝีมือมาหลายครั้งอย่างยากลำบาก เคยถูกคนอื่นดูหมิ่นดูแคลนเช่นนี้ที่ไหนกัน?
“เจ้าหมอนี่จบเห่แล้ว นึกไม่ถึงว่าจะแตะต้องพี่น้องของผู้พิทักษ์มู่ ได้ยินมาว่ามู่เจียงคนนี้ ศักยภาพที่แท้จริงด้อยกว่ามู่ตงเฟิงนิดหน่อยก็ท่านั้น”
“อีกทั้งเขายังเอ่ยปากอย่างบ้าระห่ำ มู่เจียงไม่ปล่อยเขาเอาไว้แน่”
“เขาตายแน่!”
กลุ่มคนวิพากษ์วิจารณ์กันเซ็งแซ่ ไม่มีใครที่ไม่มีสีหน้าเยาะหยัน
แม้แต่หวางเฉียนก็ยังหัวเราะตามไปด้วย “หงเจี๋ย คนคนนี้ พวกคุณล้วนต้องเอาเงินไปซื้อตัวเขาหรือ? ต่อให้ต้องสู้ขึ้นมาจริง ๆ เขาก็ไม่ใช่คู่ต่อสู้ของมู่เจียงนะ?”
ที่จริงจากสายตาของคนนอกวงการ พลังบนร่างของมู่เจียงเต็มเปี่ยม รังสีสังหารเข้มงวด แค่มองดูก็รู้ว่าสังหารผู้แข็งแกร่งมามากมาย
แต่ถังเฉากลับไม่เหมือนกัน กลิ่นอายของเขาเก็บอยู่ภายใน ดูไม่แตกต่างจากคนธรรมดาทั่วไป
ถ้าหากจะพูดสิ่งที่พิเศษจริง ๆ ละก็ นั่นก็คือหน้ากากโลหะบนใบหน้าของเขา
ซุนหงเจี๋ยไม่ได้พูดอะไร เพียงแต่บนใบหน้ามีรอยยิ้มเยือกเย็น
เขาไม่สนใจความเป็นความตายของผู้ถูกคัดเลือก สนใจแค่ผลลัพธ์ในตอนท้ายเท่านั้น
ทางด้านตระกูลเย่ เย่หรูอี้ก็ตึงเครียดจนเหงื่อออกฝ่ามือ
ศักยภาพของมู่เจียงสูงกว่าหงเทียนหยาอย่างแน่นอน แม้แต่ยอดฝีมือของภายในตระกูลเย่ก็อาจจะไม่ใช่คู่ต่อสู้
ถังเฉาจะสามารถทำได้สำเร็จหรือไม่?
มองดูบนเวที มู่ตงเฟิงกำลังดื่มชาอย่างสบายใจ สายตาทอดมองวัวที่อยู่ไกล ๆ จิตใจดูเหมือนจะไม่ได้อยู่ที่ประชุมแดนเหนือโดยสิ้นเชิง
เพราะว่ามู่เจียงขึ้นสนามไปแล้ว นี่ได้ถูกกำหนดไว้แล้วว่าเป็นการต่อสู้ที่ไม่ต้องกังวลใจ
ถ้าหากเป็นการต่อสู้ปกติ ไม่แน่ว่ามู่เจียงอาจจะทำร้ายชีวิตของเขาได้ แต่ใครใช้ให้เขาพูดจาไม่เกรงใจกันล่ะ?
“อย่างนั้นเหรอ?”
ถังเฉาเพียงแค่ยิ้มอย่างเย็นชาให้กับเหตุการณ์นี้ ไม่เอามาใส่ใจแม้แต่น้อย
มู่ตงเฟิงยังไม่ใช่คู่ต่อสู้ของเขา แล้วมู่เจียงจะมาเป็นคู่ต่อสู้ของเขาได้อย่างไร?
“รนหาที่ตาย!”
เห็นถังเฉายังคงไม่สะทกสะท้าน ถึงขึ้นที่น้ำเสียงยังมีความเยาะหยันอย่างคลุมเครือ มู่เจียงเดือดดาลขึ้นมาในชั่วพริบตา พุ่งเข้าไปทางถังเฉาตรง ๆ
บึ้ม!
เขาเคลื่อนไหวฝีเท้า เคลื่อนไหวไปทางถังเฉาในแนวนอนอย่างรวดเร็ว
ตอนที่กำลังจะไปถึงตรงหน้าของถังเฉา เขาก็กระโดดขึ้นสูง ฟาดขาเตะอย่างหนัก ๆ ไปทางศีรษะของถังเฉา
ทว่าถังเฉาเพียงแค่เบนศีรษะหลบ ก็หลบการโจมตีนั้นไปได้
มู่เจียงรู้สึกตกใจขึ้นมาเล็กน้อย แต่ก็ไม่ได้แปลกใจจนเกินไป
ถังเฉายังคงยืนเอามือไพล่หลัง ยิ้มออกมาอย่างเย็นชา “ผมว่านะ ถ้าหากอยากจะสู้จริง ๆ ก็อย่าหยั่งเชิงเลย คุณหยั่งเชิงไม่ออกหรอก จัดมาเต็มเหนี่ยวตรง ๆ เลย”
เขาจะดูไม่ออกได้อย่างไรว่าเมื่อกี้มู่เจียงเพียงแค่หยั่งเชิง?
ทั้งสองฝ่ายสู้กัน หยั่งเชิงดู นั่นล้วนแต่ไม่มีประโยชน์!
คนส่วนใหญ่พอขึ้นมาก็ล้วนสู้เต็มแรง เพราะใคร ๆ ก็ล้วนแต่อยากจะฆ่าอีกฝ่ายภายในเวลาอันสั้น
มู่เจียงหัวเราะเยาะออกมา “ให้ฉันจัดสุดแรง แกมีคุณสมบัตินั้นเหรอ?”
ขวับ!
ตามเสียงของประโยคนี้ที่สิ้นไป ช่วงเวลาที่ถังเฉาย้ายตำแหน่ง นึกไม่ถึงว่าจะมาอยู่ตรงหน้าของมู่เจียงแล้ว
พลั่ก!
เตะออกไปหนึ่งที ทั้งร่างของมู่เจียงก็ถูกถังเฉาเตะออกไปจากเวทีประลอง
“ตอนนี้มีหรือยัง?”
ถังเฉายืนอยู่บนเวทีประลอง มองกดเขาจากมุมสูง
สายตานั้นเหมือนกับเทพเจ้าที่พิพากษาสรรพสัตว์
กริบ
เงียบราวกับความตาย
ทุกคนล้วนเอ๋อไป
แม้แต่มู่ตงเฟิงที่อยู่บนเวทีก็ยังไร้จิตวิญญาณไปทั้งหน้า มองฉากนี้ที่ด้านล่างของเวทีอย่างไม่อยากจะเชื่อ
มู่เจียงพี่น้องของเขา นึกไม่ถึงว่าจะถูกเจ้ามังกรเตะตกเวทีตามไปแล้ว?
ไม่เพียงเท่านี้ ตัวมู่เจียงเองก็ยิ่งไม่กล้าจะเชื่อฉากนี้เลย นั่งจนตรอกมองถังเฉาอยู่ที่เดิม
ตัวเขาเอง… นึกไม่ถึงว่าจะถูกเตะตกเวที?
บึ้ม!
หลังจากที่ไร้จิตวิญญาณอยู่นาน ทั้งสนามกีฬาก็เกิดผลกระทบขึ้น
“ตัวเต็งแชมป์มู่เจียง นึกไม่ถึงว่าจะถูกเตะตกเวที?!”
“นี่มันเป็นไปได้อย่างไร?”
“ฉันไม่ได้ตาลายใช่ไหม?”
มีคนที่ยิ่งไปกว่านั้น ไม่กล้าที่จะเชื่อสายตาของตัวเองเลยแม้แต่น้อย ทั้งยังขยี้ตาดูต่อไป
ถึงแม้ว่าจะเป็นเช่นนี้ สิ่งที่เขามองเห็นก็ยังคงเป็นฉากที่มู่เจียงนั่งจนตรอกอยู่ด้านนอกเวที
มู่เจียงตกรอบจริง ๆ แล้ว!
“เป็นแบบนี้ไปได้อย่างไร?”
ทางด้านตระกูลฉิน ฉินโช่ววง ฉินกวนฉีและฉินผู้หยางล้วนแต่มองฉากที่เกิดขึ้นที่ด้านล่างของเวทีด้วยความไม่อยากจะเชื่อ สีหน้าประหลาดใจอย่างถึงที่สุด
ตระกูลฉินกับมู่ตงเฟิงผู้พิทักษ์แดนตะวันตกมีความสัมพันธ์ที่แน่นแฟ้นต่อกัน นี่คือสิ่งที่ทุกคนล้วนรู้กัน
เดิมทีตระกูลฉินล้วนแต่หวังว่ามู่ตงเฟิงจะขึ้นต่อสู้ด้วยตัวเอง แต่นั่นมันเป็นไปไม่ได้
เพราะว่ามู่ตงเฟิงเป็นผู้รับผิดชอบดำเนินการ ไม่สามารถจะขึ้นต่อสู้ด้วยตัวเองได้
แต่ว่ามู่ตงเฟิงสามารถให้มู่เจียงพี่น้องของเขาขึ้นต่อสู้เพื่อตระกูลฉินได้
คนที่เคยช่วยชีวิตของมู่ตงเฟิงเอาไว้ในสนามรบ ศักยภาพจะอ่อนด้อยได้อย่างไร?
ดังนั้นเขาจึงเอาทั้งหมดไปลงเดิมพันไว้ที่มู่เจียง
ผู้ชนะเลิศสุดท้าย คือเป้าหมายร่วมของพวกเขา
แต่ใครจะไปนึกถึงว่ามู่เจียงที่แข็งแกร่งในสายตาของพวกเขาจะถูกคนตัวเล็กที่ไม่ถูกกล่าวขานถีบตกเวทีในทีเดียว?
ในฉากน่าประหลาดใจจนเกินไป พวกเขาล้วนไม่กล้าจะเชื่อว่าเป็นเรื่องจริง
“ดี!”
เย่หรูอี้อดไม่ได้ที่จะลุกขึ้นยืนตะโกนออกมา ใบหน้าเต็มไปด้วยความฮึกเหิม
เดิมทีเธอยังกังวลว่าถังเฉาจะไม่ใช่คู่ต่อสู้ แต่ตอนนี้ดูเหมือนว่าเธอจะคิดมากไป
คนที่ตะลึงตาค้างยังมีหวางเฉียนกับซุนหงเจี๋ย
ตุ้บ!
หวางเฉียนถึงขั้นตัวอ่อนยวบ ร่วงลงไปจากที่นั่งทั้งตัว ก้นจ้ำเบ้าลงกับพื้น
หลังจากนั้นเธอก็ลุกไม่ขึ้นอีก บนใบหน้าที่ขาวซีดเต็มไปด้วยความสิ้นหวัง
“แพ้… แพ้แล้ว?”
“แล้วเงินของฉันล่ะ? ห้าแสนน่ะ!”
หวางเฉียนดูเหมือนจะคลุ้มคลั่งขึ้นมา พูดพึมพำกับตัวเอง
นาทีต่อมา เธอก็ลุกขึ้นยืนทันที คว้าคอเสื้อของซุนหงเจี๋ยอย่างบ้าคลั่ง กรีดร้องว่า “คุณไม่ได้พูดว่ามู่ตงเฟิงจะต้องชนะแน่ ๆ หรอกหรือ? ทั้งยังบอกว่าอีกฝ่ายตั้งใจจะแกล้งยอมแพ้ ทำไมถึงได้โดนเตะตกเวทีในทีเดียวแบบนั้น?”
“ใจเย็น ๆ เฉียนเฉียน คุณใจเย็น ๆ ก่อน…”
สีหน้าของซุนหงเจี๋ยก็ไม่น่ามองจนถึงที่สุด
เขาได้รับข้อมูลมาจากภายในจริง ๆ เป็นผู้จัดการใหญ่ของบริษัทลอตเตอรีพูดมากับปากตัวเองเชียวนะ ดังนั้นข้อมูลไม่มีทางผิดพลาดแน่
ฉากที่อยู่ตรงหน้า เกินความคาดหมายของเขาไปโดยสมบูรณ์!
มู่เจียถูกคนอื่นแตะตกเวทีในทีเดียว ไม่ว่าจะดูอย่างไรก็ล้วนแต่เป็นมู่เจียงกำลังแกล้งยอมแพ้!
“ผมโทรศัพท์ไปถามหน่อย…”
สีหน้าของซุนหงเจี๋ยมืดครึ้ม โทรศัพท์ออกไปหาเจี่ยงหยูเหลียง
นึกไม่ถึงว่าทางด้านเจี่ยงหยูเหลียงนั้นก็เต้นเร่า ๆ ด้วยความโกรธ
“ฉันจะไปรู้ได้ยังไง? ฉันให้ลูกน้องไปซื้อตัวเจ้ามังกรนั่นอย่างชัดเจน! เขาเองก็รับปากแล้วว่าจะแกล้งแพ้… ทำไมตอนนี้…”
เจี่ยงหยูเหลียงใกล้จะเป็นลมไปแล้ว
ฝ่าเท้านี้ของถังเฉาทำให้เขาขาดทุนไปหลายร้อยล้าน!
“ตอนนี้จะทำยังไงดีครับ…”
ซุนหงเจี๋ยหาวิธีแก้ไขสุดชีวิต ลอบมองใบหน้าที่คล้ายจะอาฆาตของหวางเฉียน
ถ้าหากไม่ให้คำอธิบายสักหน่อย หวางเฉียนคงแทบจะฆ่าเขาให้ตาย
สรุปคือในสนามกีฬาเงียบสงัด คนที่อยู่ในงานได้คิดไว้บ้างว่ามู่เจียงจะแพ้ แต่ก็คิดไม่ถึงว่ามู่เจียงจะแพ้อย่างราบคาบเช่นนี้ ถูกคนอื่นเตะตกเวทีไปในทีเดียว
“ยอมรับไหม?”
ชุดดำทั้งตัวของถังเฉาส่งเสียงหวีดหวิว
เขายืนอยู่บนเวทีประลอง สายตาเยียบเย็น แต่ก็ยังคงเรียบเฉย
ราวกับว่าการที่เขาเตะมู่เจียงตกเวทีในทีเดียวนั้นเป็นเรื่องปกติ
สีหน้าของมู่เจียงมีความรู้สึกเปลี่ยนแปลงไป ใบหน้าเต็มไปด้วยความมืดครึ้ม
นี่อัปยศเกินไปสำหรับเขา!
ถังเฉามองออกถึงความไม่ยินยอมจากบนสีหน้าของมู่เจียง
ถังเฉาไม่ถือสา เอ่ยต่ออย่างเย็นชาว่า “ในเมื่อไม่ยอมรับ ถ้าอย่างนั้นคุณก็ขึ้นมาอีกครั้งสิ สู้จนคุณยอมรับค่อยเลิก”
แซ่ด!
พอคำพูดนี้ดังออกมา ทั่วทั้งงานก็ตกตะลึงกันหมด
ไม่ว่าจะเป็นผู้แข็งแกร่งหรือผู้ชมก็ล้วนแต่ตกตะลึง
ความหมายของคำพูดนี้ก็คือ ให้เขาขึ้นเวทีประลองอีกครั้งหรือ?
มู่เจียงใจลอยแล้ว พอมีปฏิกิริยาตอบโต้สีหน้าของเขาก็เข้มครึ้ม
“แกกำลังทำทานให้ฉันหรือไง?”
ตามกฎของประชุมแดนเหนือ ยอมแพ้หรือหลุดออกนอกสนามล้วนแต่ถือว่าแพ้
เขาหลุดออกจากสนามแล้ว แต่ถังเฉากลับให้เขาขึ้นไปใหม่ นี่ทำให้เขารู้สึกได้รับการดูถูก
“ให้ทาน?”
ถังเฉาหัวเราะ “ผมบอกแล้วว่าจะสู้จนกว่าคุณจะยอมรับ ดังนั้นคุณมีโอกาสนับไม่ถ้วน”
บึ้ม!
พอคำนี้ลั่นออกมา ทุกคนก็ล้วนแต่เหม่อลอย
แม้แต่มู่เจียงก็ยังมองเขาอย่างไม่อยากจะเชื่อ
อวดดี
นอกจากจะอวดดีแล้วเขาก็ไม่รู้จะพูดอะไรอีก
คนอื่นเอาชัยชนะหนึ่งไปจากในมือของเขาได้ก็ถือเป็นความโชคดีในความโชคดีแล้ว
นึกไม่ถึงว่าเขาจะไม่ต้องการ?
หวางเฉียนกับซุนหงเจี๋ยเองก็ตะลึงอยู่บ้าง
เด๋อด๋าอยู่นาน ทั้งสองคนก็ปรากฏสีหน้าตื่นเต้นขึ้นมาพร้อม ๆ กัน
ถ้าหากว่าการแข่งขันจบลงอย่างนี้แล้ว เช่นนั้นความจริงที่พวกเขาขาดทุนนั้นก็เป็นเรื่องที่แก้ไขไม่ได้แล้ว
แต่ว่าถังเฉาให้มู่เจียงขึ้นเวทีไปอีก ทำให้เขามองเห็นความหวังอีกครั้ง
เมื่อครู่ฝ่าเท้าเดียวของถังเฉานั้นกะทันหันเกินไป เหมือนเป็นการลอบจู่โจมโดยสิ้นเชิง ถ้าหากให้โอกาสมู่เจียงอีกครั้ง พวกเขาเชื่อว่าคนที่จะชนะก็คือมู่เจียง!
แบบนั้นเงินที่พวกเขาทำพังไปเมื่อกี้ก็จะสามารถเอาทุนคืนมาได้
เรื่องทั้งหมดก็จะเปลี่ยนไป!
หวางเฉียนกับซุนหงเจี๋ยตื่นเต้นอย่างไม่มีที่สิ้นสุด หวังว่ามู่เจียงจะต้องตอบรับแน่
“เขากำลังทำอะไร?”
ทางด้านตระกูลเย่ เย่หรูอี้เบิกตากว้าง สีหน้าคล้ายจะพังทลาย
เธอจนปัญญาจะเข้าใจชัยชนะที่อยู่ในมือแล้ว ทำไมถึงจะให้เขาขึ้นเวทีอีก?
ด้านล่างของสนาม ดวงตาของมู่เจียงได้เปลี่ยนเป็นล้ำลึกแล้ว อีกทั้งความคิดที่จะสังหารก็ปรากฏขึ้นอย่างเลือนราง
“แกแน่ใจ?”
เสียงของมู่เจียงเย็นชาอย่างถึงที่สุด
“แน่นอน”
ถังเฉายิ้มน้อย ๆ หยักหน้า
ตู้ม!
พริบตาถัดมา มู่เจียงที่ก่อนหน้านี้ยังอยู่บนพื้นก็ขึ้นเวทีดังสะเทือนเลื่อนลั่น
พลังที่เหนือกว่าก่อนหน้านี้หมุนวนออกเหมือนกับพายุมรสุม พื้นผิวของเวทีประลองล้วนแต่แตกหักกันในระดับที่ต่างกัน
รองเท้าคอมแบทสีดำแบบที่ทหารใช้คู่นั้นดูเหมือนว่าจะแบกรับน้ำหนักของพลังที่มหึมา ค่อย ๆ ลุกลามปริขาดเหมือนกับใยแมงมุม
ทันใดนั้นทุกคนล้วนสูดลมหายใจเย็น ๆ เข้าไปหนึ่งเฮือก
ถึงแม้ว่าระยะห่างจะห่างกันมาก พวกเขาก็สามารถสัมผัสได้ถึงรังสีสังหารที่น่าสะพรึงกลัว
มองดูบนเวที สีหน้าของมู่ตงเฟิงก็เคร่งขรึม
ตอนนี้มู่เจียงขึ้นเวทีอีกครั้ง ถ้าหากไม่ชนะ เช่นนั้นหน้าของเขาก็คงแหกไปเยอะมาก
“ในเมื่อเป็นเช่นนี้ อย่างนั้นก็จัดให้ตามคำขอ!”
เสียงของมู่เจียงเย็นชา สายตาเต็มไปด้วยรังสีสังหาร
ถังเฉาแย้มยิ้ม แต่ไม่ได้พูดอะไร
“เอ่อ… คุณมู่เจียง…”
กรรมการที่อยู่ข้าง ๆ ใบหน้าปรากฏความลำบากใจ เอ่ยกับมู่เจียงว่า “งานประชุมมีกฎระเบียบ ตกจากเวทีก็ถือว่าแพ้ คุณขึ้นมาอีก ไม่สอดคล้องกับกฎระเบียบนะครับ….”
ไม่ได้รอให้พูดจนจบ ถังเฉาก็ตัดบทพูดของเขา
“กฎระเบียบคือสิ่งที่ตายแล้ว คนคือสิ่งที่ยังมีชีวิตอยู่ ก่อนที่จะตัดสินแพ้ชนะ ไม่ว่าเขาจะตกลงไปกี่ครั้ง ก็ให้เขาขึ้นเวทีมาเถอะ”