หลงเผยหยู่แทบจะวิ่งไปตรงหน้าของหลงงเฟยกั๋วเลย จากนั้นก็ไล่พวกยามที่ตั้งใจจะเอาตัวถังเฉาไป
พอหลงเฟยกั๋วได้ยินแบบนั้น ก็ถึงกับช็อกไปเลย สีหน้าไม่อยากจะเชื่อ
“ฟะ เฟยหยู่ ในที่สุดแกก็กลับมา? พวกเขาสอบสวนอะไรแกบ้าง?”
หลงเฟยกั๋วจับไหล่ทั้งสองข้างของหลงเฟยหยู่ด้วยความตื่นเต้น พร้อมกับถามไป
มันเป็นเรื่องที่ไม่น่าพูดถึง หลงเฟยหยู่นั้นทำหน้าหม่นหมอง แม้แต่อารมณ์ที่จะตอบยังไม่มี
สิ่งที่สำคัญที่สุดตอนนี้ก็คือ จะช่วยพระองค์ใหญ่องค์นี้ได้ยังไง
หลายเฟยหยู่นั้นเดินดุ่มๆ ไปหาถังเฉา “คุณถัง คุณไม่เป็นไรใช่มั้ยครับ? พวกเขาไม่ได้ทำร้ายคุณใช่มั้ยครับ?”
ถังเฉาโบกไม้โบกมือ “ไม่เป็นไร ผมแค่นึกไม่ถึงว่าคุณจะกลับมาได้เร็วขนาดนี้ ถ้ามาช้าอีกนิด ผมคงจะถูกโยนออกไปแล้ว”
พอได้ยินแบบนั้น หลงเฟยหยู่ก็ตกใจจนแทบไม่กล้าหายใจ ทำได้แค่ยืนอยู่ข้างๆ เท่านั้น
เขายืนก้มหน้าก้มตา สีหน้าตื่นตระหนก ทำเอาทุกคนต้องหันมาสบตากัน
“เฟยหยู่ นี่แกทำอะไรเนี่ย? เราจะไล่มันออกไป ทำไมถึงต้องมาขวางด้วย?”
หลงเฟยกั๋วตั้งสติได้ สีหน้าค่อนข้างโมโห
หลงเฟยหยู่กำลังจะอธิบายสิ่งที่เกิดขึ้นในสนามบินให้กระจ่าง ถังเฉาก็ส่งสายตาให้เขาเบาๆ
หลงเฟยหยู่จึงหุบปากไปทันที และพูดไปแค่ว่า “ยังไม่รีบสั่งให้คนของพี่ถอยไปอีก แล้วให้คุณถังเข้าไปได้แล้ว”
“เข้าไปอย่างนั้นเหรอ? นี่แกไม่พูดเข้าข้างมันตั้งแต่เมื่อไหร่เนี่ย? แม้แต่บัตรเชิญมันยังไม่มีเลยนะ!”
หลงเฟยหยู่ก็ขี้เกียจอธิบายแล้ว จึงได้พูดไปตรงๆ ว่า “ผมรับประกันด้วยศักดิ์ศรีของผม ว่าเขาไม่มีบัตรเชิญก็ได้ ยังดีที่พี่ยังไม่ได้ทำร้ายคุณถัง ไม่อย่างนั้นแม้แต่ตระกูลกุลคงช่วยพี่ไม่ได้!”
เมื่อคำพูดนี้ถูกพูดออกไป หลงเฟยกั๋วกับพวกยามที่อยู่ด้านหลังก็อึ้งไปตามๆ กัน
ถึงแม้ในตระกูลหลงหลงเฟยหยู่จะไม่ใช่คนที่เป็นศูนย์กลาง แต่ก็ไม่ใช่พวกปลายแถว ทำไมถึงต้องเคารพคนคนหนึ่งถึงขนาดนี้ด้วย?
ตอนนี้ถังเฉาก็ได้เดินเข้ามา พูดด้วยรอยยิ้มว่า “เขาพูดถึงขนาดนี้แล้ว คุณยังจะโยนผมออกไปอีกมั้ยครับ?”
“หรือว่า คุณยังมองสถานการณ์โดยรวมไม่ออกอีก?”
คำคำนี้ทำให้สีหน้าของหลงเฟยกั๋วเปลี่ยนไปทันที
แม้แต่หลงเฟยหยู่ลูกพี่ลูกน้องของเขา ยังทุ่มสุดตัวเพื่อปกป้องชายหนุ่มคนนี้ถึงขาดนี้ เขาเป็นแค่เขยแต่งเข้าบ้านธรรมดาของตระกูลหลินจริงๆ อย่างนั้นเหรอ?
“ก็ได้” หลังจากที่เงียบอยู่นาน หลงเฟยกั๋วก็จำต้องโบกๆ มือ สั่งให้ลูกน้องนั้นถอยออกไป
“คุณถังเชิญครับ!”
หลงเฟยหยู่นั้นเชิญถังเฉาด้วยความเคารพเป็นอย่างมาก
ถังเฉาพยักหน้าเบาๆ ผ่านหน้าของหลงเฟยกั๋ว เข้าไปยังคฤหาสน์ของตระกูลหลงแห่งตระกูลหลวง
หลงเฟยกั๋วยืนอยู่กับที่ มองไปยังพวกถังเฉา หลินชิงเสว่ที่เดินไปไกลด้วยสีหน้าเดี๋ยวแดงเดี๋ยวซีด
เขายังคงทำใจเชื่อไม่ค่อยลง เขยแต่งเข้าบ้านของตระกูลหลินที่ไม่มีตำแหน่งอะไร ในสถานการณ์ที่ไม่มีบัตรเชิญ แต่กลับสามารถเดินเข้าลานใหญ่ตระกูลหลงอย่างสง่าผ่าเผย
“ไอ้หมอนี่ มันเป็นใครกันแน่……”
หลังจากพูดกับตัวเองไปคำหนึ่ง หลงเฟยกั๋วก็ได้เดินตามเข้าไปในคฤหาสน์อย่างรวดเร็ว
ตอนนี้ งานเลี้ยงพิธีบรรลุนิติภาวะของเจ้าหญิงน้อยแห่งตระกูลหลงกำลังจะเริ่มขึ้นแล้ว บรรดาคุณชายคุณหนูของตระกูลใหญ่ต่างๆ พากันจับกลุ่มคุยกัน โดยยกแก้วให้กัน
ในตอนนั้นเอง ภายในงานก็เกิดเสียงวุ่นวายดังขึ้น
ทุกคนต่างพากันมองไป เห็นคนสี่คนกำลังเดินอยู่ตรงบันได
ภายใต้การนำทางของหลงเฟยหยู่ ถังเฉาก็ได้พาหลินชิงเสว่กับเจียงไป๋เสว่เดินเข้ามาในลานใหญ่ตระกูลหลง
ซ้ายมือเป็นหลินชิงเสว่ที่ใส่ชุดกระโปรงยาว ส่วนซ้ายมือก็คือเจียงไป๋เสว่ที่มาในชุดดำ สองสาวนั้นดูมีความมั่นใจที่สูงมาก ดูมีออร่า เดินอยู่สองข้างของชายหนุ่มคนหนึ่ง
นั่นก็ทำให้สายตาของคนหลายคนเลี่ยงไม่ได้ที่ต้องมองไปยังถังเฉาที่อยู่ตรงกลาง
ชุด Tailcoatที่เข้ารูป รองเท้าหนังที่เงางาม ใบหน้าที่หล่อเหลา ควงสามวงามมาด้วยสองคน
มองไปไกลๆ ราวกับราชาราชินีที่สง่างาม จนมันนั้นสั่นสะท้านไปถึงหัวใจ
“สามคนนี้เป็นใครเหรอ? หลงเฟยหยู่ของตระกูลหลงถึงกับต้องนำทางด้วยตนเองเลย?”
“โดยเฉพาะผู้หญิงสองคนนั้น ดูคุ้นมากเลย”
“นึกออกแล้ว นี่มันเจ้าหญิงองค์โตของตระกูลหลิน หลินชิงเสว่ไม่ใช่เหรอ?”
“แล้วผู้หญิงอีกคนก็คือเพื่อรักของเธอใช่มั้ย?”
“……”
เสียงกระซิบกระชากดังขึ้น ทุกคนที่อยู่ตรงนั้นต่างตื่นตกใจกับวิธีการปรากฏของถังเฉากับหลินชิงเสว่
หลงเฟยหยู่ที่อยู่ข้างๆ ก็เอาแต่ยิ้มน้อยยิ้มใหญ่ “คุณถังครับ ไม่ทราบว่าชุดที่ผมจัดให้มันใส่พอดีตัวมั้ยครับ?”
หลงเฟยกั๋วนั้นพูดถูก ในเมื่อถือโอกาสมาร่วมงานพิธีบรรลุนิติภาวะของเจ้าหญิงน้อยแห่งตระกูลหลงแล้ว ก็ต้องแต่งตัวให้เป็นทางการหน่อย
แต่พวกเขานั้นค่อนข้างเหนื่อยล้าแล้ว เพิ่งมาถึงเยี่ยนจิง จึงไม่มีเวลาให้เปลี่ยนชุดทางการเลย
แล้วจะให้ทำยังไงได้ล่ะ?
หลงเฟยหยู่จึงเสนอเสื้อผ้ากับ Tailcoatให้ เพื่อให้ถังเฉากับหลินชิงเสว่ได้สวมใส่
ถังเฉาพยักหน้า “ใช่ได้ พอดีตัวเลย”
หลงเฟยหยู่รู้สึกดีใจอยู่ข้างใน ลังเลไปแปบหนึ่ง สุดท้ายก็รวบรวมความกล้าแล้วพูดออกไป “คือคุณถังครับ เรื่องของผมกับลูกชาย……”
ถังเฉามองเขาแวบหนึ่ง “เรื่องลูกชายของคุณนั้นผมใช่ไม่ได้ รู้ว่าผิดแต่ก็ยังทำ แต่เรื่องของคุณนั้น แค่ติดร่างแหเท่านั้นถ้าทำตัวดีๆ ก็สามารถกลับไปรับตำแหน่งดังเดิมได้”
ผลลัพธ์แบบนี้ก็ทำให้หลงเฟยหยู่ดีใจอย่างถึงที่สุดแล้ว ขอแค่เขายังไม่พังทลาย ครอบครัวของเขาก็ยังสามารถโบยบินได้
“ขอบคุณครับคุณถัง ขอบคุณมากครับ!”
“ส่วนคุณหลินกับคุณเจียงก็พักผ่อนตรงนี้แปบหนึ่งนะครับ อีกเดี๋ยวงานเลี้ยงก็จะเริ่มแล้ว”
หลังจากที่กล่าวขอบคุณเสร็จ หลงเฟยหยู่ก็ไปทำงานของตัวเองต่อ
ถังเฉา หลินชิงเสว่ เจียงไป๋เสว่ทั้งสามคนก็ได้พักผ่อนที่ลานใหญ่
งานเลี้ยงฉลองวันเกิดของหลงเจียเจียนั้นจัดแบบเปิดโล่งที่ลานใหญ่ตระกูลหลง มีศาลาอยู่รอบๆ ภูเขากับสระน้ำจำลอง บรรยากาศนั้นเป็นเอกลักษณ์มาก
พวกเขานั้นไม่อยากทำตัวให้เป็นที่สนใจเลย แต่ด้วยการมีอยู่ของสองสาวอย่างหลินชิงเสว่กับเจียงไป๋เสว่นั้น มันก็เป็นเรื่องยากมากที่จะไม่เป็นที่สังเกต
บรรดาคุณหนูผู้สูงศักดิ์ภายในงานนั้นต่างก็มาจากตระกูลที่ใหญ่โตทั้งสิ้น ในงานเลี้ยงของตระกูลหลง พวกเธอต่างก็แต่งหน้ามาอย่างงดงาม แต่พอมาเทียบกับหลินชิงเสว่และเจียงไป๋เสว่แล้ว มันก็เทียบกันไม่ติดเลย
พวกเธอสองคนนั้นเป็นไข่มุกที่โดดเด่นที่สุดในงานเลี้ยงคืนนี้แล้ว โดยไม่มีใครสามารถเทียบเคียงได้เลย
“นี่รู้รึยัง? ที่ลานใหญ่ด้านนอกมีสาวงามที่สุดสองคนมาร่วมงานด้วย ไม่รู้ว่าจะมีโอกาสได้ทำความรู้จักกับพวกเธอสักหน่อยมั้ย……?”
ภายในคฤหาสน์ของตระกูลหลง เป็นห้องโถงสี่เหลี่ยมจัตุรัสขนาดใหญ่ ในนี้ก็ถูกตกแต่งไว้อย่างอลังการเหมือนกัน
วัยรุ่นหลายคนกำลังจับกลุ่มซุบซิบกันอยู่
หนึ่งในวัยรุ่นก็คือเจียงเฉา
เขารู้สึกไม่ค่อยเห็นด้วยเท่าไหร่ “สาวงามที่สุดอย่างนั้นเหรอ? ต่อให้สวยอีกเท่าไหร่ มันจะไปสู้เจ้าหญิงเจ้าของวันเกิดอย่างหลงเจียเจียได้เหรอ?”
ไม่นึกเลยว่าพวกเพื่อนนอกคอกของเขานั้นก็ได้พูดแววออกมาว่า “มันก็ไม่แน่นะ ฉันว่านะ ทั้งสามคนนั้นต่างก็มีจุดเด่นของตัวเองทั้งนั้นแหละ”
“ใช่ เมื่อกี้ฉันก็เพิ่งออกไปดูมา พวกเธอนั้นสวยมากจริงๆ แต่เหมือนจะยืนอยู่กับผู้ชายอีกคนนะ หน้าตาไม่คุ้นเลยเหมือนจะไม่เคยเห็นหน้าในวงการมาก่อนเลย”
วงการระดับสูงของเยี่ยนจิงนั้นอยู่ระดับท็อปของประเทศเลย ต่างก็มีทีมเล็กๆ เป็นของตัวเอง เจอหน้าคาดตากันเป็นประจำ
โดยเฉพาะตระกูลหลวงฝนเยี่ยนตู น้อยมากที่จะไม่รู้จักกัน
คำพูดนี้ทำให้เจียงเฉารู้สึกสนใจขึ้นมา
“งั้นก็ต้องไปด้วยให้เห็นกับตาหน่อยแล้ว”
แค่สวยได้ไม่น้อยกว่าหลงเจียเจีย ก็ถือว่าที่สุดแล้ว
ด้วยความรู้สึกที่ตื่นเต้น เจียงเฉากับพวกคุณชายก็พากันออกไปดูที่ลานใหญ่อย่างเร่งรีบ
พวกเขามาถึงที่ว่างที่ห่างจากหลินชิงเสว่และเจียงไป๋เสว่ไปถึงยี่สิบเมตร แล้วพูดด้วยรอยยิ้มว่า
“เป็นไง สวยมากเลยใช่มั้ย?”
สีหน้าของเจียงเฉานั้นเคร่งขรึมลงไปทันที
“ทำไมถึงเป็นพวกนี้?”