ฟึ่บ!
สิ้นเสียงเย่เซ่าเตี๋ย ถังเฉาก็มีสายตาเย็นเยียบ และหรี่ตาลงอย่างอันตราย
นัยน์ตาดำทมิฬนั่นมีแสงเย็นยะเยือกแว้บผ่านไป
“คุณว่าอะไรนะ?”
เสียงของถังเฉาเย็นยะเยือก อุณหภูมิทั้งห้องทำงานประหนึ่งลดลงถึงจุดแช่แข็ง
สบเข้ากับสายตาถังเฉา เย่เซ่าเตี๋ยตัวสั่น ใบหน้าสะสวยที่บรรจงแต่งหน้าอย่างพิถีพิถันนั้นเต็มไปด้วยความหวาดกลัว
“ฉันบอกว่า……”
เย่เซ่าเตี๋ยตั้งใจจะทวนอีกรอบด้วยสัญชาตญาณ แต่พออ้าปาก กลับเอ่ยคำพูดหลังจากนั้นออกมาไม่ได้อีก”
อย่างกับโดนอุดคอไว้
“หืม?”
จิตสังหารในแววตาถังเฉาเปล่งประกายมากขึ้นอีก
ถูกถังเฉาจ้องด้วยสายตาเย็นชา เย่เซ่าเตี๋ยหมดสิ้นความกล้าจะพูดต่อไป คนทั้งคนเหมือนอยู่ในภาพมายาที่ตัวเองโดนกระบี่หมื่นเล่มแทงทะลุหัวใจ
สายตาของถังเฉาน่ากลัวเกินไป เย่เซ่าเตี๋ยไม่สงสัยเลยสักนิดว่าถ้าตัวเองพูดต่อไป เขาต้องฆ่าตัวเองทิ้งโดยไม่ลังเลแน่
ฉะนั้น เย่เซ่าเตี๋ยหุบปากเงียบ จิตสังหารพลุ่งพล่านรอบตัวถังเฉาถึงได้สลายไป
อุณหภูมิของห้องทำงาน กลับสู่ระดับเดิมอีกครั้ง
“ฟู่วฟู่ว…..”
“ฟู่วฟู่ว…..”
เย่เซ่าเตี๋ยเหงื่อชุ่มราวกับเพิ่งขึ้นจากน้ำ มิหนำซ้ำทั้งแขนและขาแข็งทื่อซะจนขยับไม่ได้เลย
สีหน้าเต็มไปด้วยความหวาดกลัวที่เพิ่งรอดตายมา
เธอตระหนักได้แล้วว่า การหมายตาผู้ชายแบบนี้เป็นเรื่องที่อันตรายขนาดไหน
แม้แต่เย่หรูอี้ยังไม่ประสบความสำเร็จ อย่าว่าแต่เธอเลย
ถังเฉาก้าวไปข้างหน้าหนึ่งก้าวช้าๆ ดวงตาของเขาประหนึ่งดวงตาแห่งความตายที่จ้องเย่เซ่าเตี๋ยอย่างเย็นชา เธอเอ่ยขึ้น “คุณเย่ ผมคิดว่าคุณเป็นถึงคุณหนูตระกูลเย่แห่งตระกูลหลวงน่าจะรู้เรื่องหนึ่งดีนะครับ—-เรื่องที่ว่าปลาหมอตายเพราะปาก”
“สิ่งที่ควรพูด พูด สิ่งที่ไม่ควรพูด อย่าพูด ไม่อย่างนั้นจะถึงแก่ชีวิตได้”
“กรี๊ด!”
คำพูดของถังเฉาเป็นคำขู่อย่างไม่ต้องสงสัย เย่เซ่าเตี๋ยกลับกลัวจนกรี๊ดอกอมา และตกจากเก้าอี้จนข้อเท้าแพลง
“ประธานเย่ ประธานเย่ ท่านเป็นอะไรไป?”
พอได้ยินเสียง เจ้าหน้าที่ระดับสูงด้านนอกพากันร้องเรียกอย่างตกใจและพุ่งเข้ามา
ถังเฉามองหน้าเธอด้วยสีหน้าไร้อารมณ์ เย่เซ่าเตี๋ยเข้าใจทันที เธอรีบพูดขึ้น “ไม่เป็นไร ฉันไม่ทันระวังเลยล้ม ไม่ต้องเข้ามา!”
พนักงานของเธอรออยู่หน้าประตูด้วยความสงสัย แต่ก็ไม่กล้าเข้าไป รอกันอยู่พักหนึ่งก็จากไป
ถังเฉาถึงได้พยักหน้า และหันไปมองเย่เซ่าเตี๋ยอีกครั้ง
เย่เซ่าเตี๋ยในตอนนี้นั่งขดตัวล้มอยู่ที่พื้น หน้าตาฉายแววเจ็บปวด ขาสองข้างที่เต็มไม้เต็มมือหากแต่ไร้ซึ่งไขมันนั้นแนบชิดอยู่ด้วยกัน มือของเธอจับข้อเท้าตัวเองที่เคล็ดขัดยอกอยู่แน่น
ขบกัดริมฝีปากสีแดงระเรื่อ มองถังเฉาด้วยสายตาน่าสงสาร
เธอหวังว่าจะปลุกความสงสารเห็นใจและอยากปกป้องของถังเฉาด้วยวิธีนี้
ผู้ชายปกติโดยทั่วไปไม่ปฏิเสธผู้หญิงที่ข้อเท้าแพลงคนหนึ่งหรอก หรือบางคนที่เหี้ยมหน่อยอาจกดเธอลงบนโต๊ะแล้วจัดการไปเลยก็ได้
ทว่า อีกฝ่ายคือถังเฉา เย่เซ่าเตี๋ยถูกกำหนดไว้แล้วว่าต้องผิดหวัง
ถังเฉายังคงมีสีหน้าเย็นชา สายตาที่มองเย่เซ่าเตี๋ยราวกับมองคนตายคนหนึ่ง
“ผมแนะนำให้คุณเลิกเสแสร้งจะดีกว่า ภรรยาของผมถูกพนักงานของคุณเอาตัวไป ประธานบริษัทอย่างคุณก็ไม่รอดเหมือนกัน ถ้าคุณเสียชีวิตกระทันหันที่นี่ ผมว่าเย่หรูอี้น่าจะยินดีมากหลังได้รู้เรื่องนี้”
ถังเฉาเอ่ยด้วยความเย็นชา
ตู้ม!
ทันใดนั้น เย่เซ่าเตี๋ยผวาขึ้นมาในใจ ไม่กล้าเสแสร้งอีกต่อไป เธอลุกขึ้นทั้งที่ขากะเผลก สีหน้าหวาดกลัวถึงขีดสุด
“อย่า อย่าฆ่าฉัน……”
ในที่สุดเธอก็ตระหนักได้แล้วว่าอยากจะได้ถังเฉามาไว้ในกำมือ เป็นเรื่องที่ยากขนาดไหน
แทบจะเป็นไปไม่ได้!
อันดับแรก ถังเฉาหลงรักภรรยาของเขา หลินชิงเสว่มาก
อันดับสอง ตัวเองและถังเฉาเคยมีปัญหากันมาก่อน
สุดท้าย ดูเหมือนถังเฉาจะไม่ตกหลุมพรางตัวเองเลย และพฤติกรรมของตัวเองในสายตาเขาก็เป็นเหมือนคนโง่ที่ทำท่าทำทางอ่อยผู้ชาย
ขืนทำแบบนี้ต่อไป รังแต่จะกระตุ้นให้ถังเฉาอยากฆ่าตัวเองมากขึ้น
ถ้าเขาวู่วามลงมือฆ่าเธอไปจริงๆ เย่เซ่าเตี๋ยอยากร้องไห้ยังไม่มีที่จะไปร้องเลย
ต้องค่อยเป็นค่อยไป ใจร้อนกินเต้าหู้ร้อนไม่ได้
“ได้ ฉันจะช่วยคุณหา ฉันจะช่วยคุณหา”
เธอรีบกล่าว
ถังเฉานั่งลงบนเก้าอี้และออกคำสั่ง “โทรหาหลู่เหมิงเดี๋ยวนี้”
เย่เซ่าเตี๋ยไม่กล้าปฏิเสธ เธอรีบโทรออกหาหมายเลขของหลู่เหมิงทันที
ตู๊ดตู๊ดตู๊ด…..
โทรติดตลอด แต่ไม่มีใครรับสาย
สีหน้าของถังเฉาอึมครึมลงเรื่อยๆ เย่เซ่าเตี๋ยก็กลัวมากขึ้นเรื่อยๆ และความโกรธก่อตัวมากขึ้นในใจ
หลู่เหมิงคนนี้นี่ไม่รู้ผิดชอบชั่วดีจริงๆ เธอต้องพลอยลำบากไปด้วย!
แต่แล้ว ในตอนที่พวกเขาคิดว่าหลู่เหมิงคงไม่รับสายแล้ว วินาทีสุดท้ายกลับมีคนรับ
เสียงของหลู่เหมิงเป็นปกติมาก “ฮัลโหล ประธานเย่ เกิดอะไรขึ้นหรอคะ?”
“แก—-”
เย่เซ่าเตี๋ยกำลังจะด่ายกใหญ่ ถังเฉาถลึงตาใส่เธอ และส่ายหัวให้เธอ
ความหมายก็คือ พูดด้วยน้ำเสียงปกติเหมือนหัวหน้าพูดกับลูกน้อง
เย่เซ่าเตี๋ยรับทราบ และเปลี่ยนนำ้เสียงอย่างเป็นธรรมชาติ “ตอนนี้เธออยู่ที่ไหน มีการประชุมด่วน ขาดแค่เธอคนเดียว”
“ขอโทษด้วยค่ะประธานเย่ วันนี้ฉันไม่ค่อยสบาย เมื่อวานนี้น่าจะแจ้งลาแล้ว ใบแจ้งลาอยู่ที่ฝ่ายการเงิน”
หลู่เหมิงเอ่ยอย่างลำบากใจ
เย่เซ่าเตี๋ยไตร่ตรองอยู่สักพัก ก่อนจะหัวเราะ “หัวหน้าหลู่ ทุกคนเป็นห่วงเธอมาก เอาอย่างนี้ ฉันเลี้ยงเอง ประชุมเสร็จเมื่อไหร่ฉันไปเยี่ยมเธอที่บ้าน”
“อะไรนะคะ?”
หลู่เหมิงที่อยู่อีกด้านของโทรศัพท์ตื่นตระหนกขึ้นมาอย่างเห็นได้ชัด น้ำเสียงเธอเริ่มลนลาน “ไม่เป็นไรค่ะประธานเย่ ฉันแค่เป็นหวัดนิดหน่อย ไม่เป็นอะไรมากค่ะ”
เย่เซ่าเตี๋ยกลับพูดโดยไม่อิดออด “ตามนั้นแหละ อีกหนึ่งชั่วโมงฉันจะถึงบ้านเธอ”
“ไม่เป็นไรค่ะ ประธานเย่ เดี๋ยวก่อนค่ะ—-”
ตู๊ดตู๊ดตู๊ด!
เย่เซ่าเตี๋ยวางสาย
ก่อนจะยิ้มให้ถังเฉา “เป็นยังไงล่ะ?”
ใบหน้าของเย่เซ่าเตี๋ยฉายแววภาคภูมิใจ เห็นได้ชัดว่าเธอกำลังถามว่าการที่เธอพลิกจากฝ่ายรับเป็นรุกเป็นยังไงบ้าง?
สีหน้าถังเฉาอ่อนลงจริงๆ แม้ว่ายังคงเย็นชาอยู่มาก แต่แม้แต่เขาเองยังต้องยอมรับว่าผู้หญิงที่เทียบเคียงได้กับเย่หรูอี้ ไม่ธรรมดา
แค่เรื่องพลิกจากฝ่ายรับเป็นรุกนี้ แก้สถานการณ์ในพริบตา ก็จัดการหลู่เหมิงได้อยู่หมัด
“ใช้ได้!”
เขาให้การยอมรับ
ในเวลานั้น เสียงของเถี่ยเมี่ยนดังมาจากหูฟังบลูทูธของถังเฉา
“คุณถังครับ รถของหลู่เหมิงจู่ๆก็เปลี่ยนทิศทาง กลับไปทางเมือง!”
มุมปากของถังเฉา เผยรอยยิ้มเหี้ยมเกรียม
ดูท่า หลู่เหมิงให้ความสำคัญกับตำแหน่งที่หย่วนหยางกรุ๊ป บวกกับค่านายหน้าที่ต้มตุ๋นเขามา ปีนี้เธอหาเงินได้เยอะมาก
ที่จริงเรื่องนี้อธิบายได้ง่ายนิดเดียว อยู่ที่หย่วนหยางกรุ๊ปเธอนับว่าเป็นเจ้าหน้าที่ระดับกลาง และหย่วนหยางกรุ๊ปเป็นธุรกิจสายตรงภายใต้ตระกูลเย่แห่งตระกูลหลวง ต่อให้เป็นที่เยี่ยนจิงก็มีชื่อเสียงมาก
เธออยากเป็นนายหน้า จำต้องมีตำแหน่งเจ้าหน้าที่ระดับกลางของหย่วนหยางกรุ๊ปไว้ หากต้องออกจากหย่วนหยางกรุ๊ป อาชีพเสริมนายหน้าของเธอก็ทำต่อไปไม่ได้
ทั้งสองอาชีพนี้เชื่อมโยงกันสนิท
“ไปเถอะ พาผมไปบ้านเธอ”
ถังเฉาลุกขึ้นอย่างเย็นชา เย่เซ่าเตี๋ยตามหลังถ้งเฉา ออกจากหย่วนหยางกรุ๊ปไปด้วยกัน
ด้วยความรอบคอบ ถังเฉาขึ้นรถของเย่เซ่าเตี๋ย
ทว่า รถมาเซราติสีขาวคันหนึ่งที่เพิ่งขับออกมาจากลานจอดรถเหมือนกันเห็นภาพนี้พอดี
เย่หรูอี้ที่นั่งอยู่ในรถขมวดคิ้วเป็นปม สีหน้าย่ำแย่ถึงขีดสุด