ถังเฉาและเจียงไป๋เสว่สองคนทำลายสถิติของกองทัพปราณมังกร
สมาชิกกองทัพปราณมังกรที่อายุน้อยที่สุด และยังเป็นครูผู้ฝึกในกองทัพปราณมังกรที่อายุน้อยที่สุดอีกด้วย
ไม่สิ ถังเฉาทำลายสถิติถึงสามอย่าง
เจ้ามังกรที่อายุน้อยที่สุด
หลังจากได้เป็นครูผู้ฝึก พวกเขาก็ไม่เรียกชื่อของกันและกันแล้ว แต่เรียกเป็นครูผู้ฝึกถังและครูผู้ฝึกเจียงแทน
ถังเฉาฝึกเด็กใหม่ เจียงไป๋เสว่ฝึกแพทย์ทหาร
แต่การที่ฝึกแพทย์ทหาร หมายความว่าอ่อนแอกว่าหรอ?
ไม่หรอก
ตรงกันข้าม คนที่ศึกษาการแพทย์คุ้นเคยกับโครงสร้างมนุษย์ดียิ่งกว่า
เวลาจะฆ่าใครก็ว่องไวกว่า แค่ไม่ลงมือเท่านั้น หากลงมือรับรองว่าถึงชีวิตในคราเดียว
เจียงไป๋เสว่เป็นผู้บุกเบิกการสังหารวิถีนี้
เธอไม่เหมือนทหาร
เธอเหมือนนักฆ่ามากกว่า ดั่งเช่นเฟิ่งหวง
ถังเฉาไม่เห็นเจียงไป๋เสว่ลงมือนานแล้ว พอดีกับที่เธอเกิดขีดจำกัดกับพลังตัวเอง ถังเฉาจึงช่วยเธอทะลุขีดจำกัด
วิธีทะลุขีดจำกัดที่ดีที่สุดก็คือต่อสู้
ต่อสู้อย่างไร้ขีดจำกัด
ศึกประกาศศักดาของถังเฉา ก็คือการที่เขาคนเดียวปลิดชีพกองทัพพันคนแห่งหว่างเหลียง
รวมถึงการที่เขาคนเดียว สกัดแปดผู้ยอดฝีมือที่สุดแห่งโลกได้ ณ เขาโยวเหิง
คืนนี้ ถังเฉาไม่คิดจะลงมือ ปล่อยให้เจียงไป๋เสว่จัดการทุกคนจากสมาคมการต่อสู้
รวมถึงกู่ชิง
เมื่อเห็นภาพนี้ ทุกคนเผยสีหน้าประหลาดใจ
กู่ชิงก็เช่นกัน เขามองถังเฉาและคิดอะไรบางอย่าง ทว่าไม่ได้พูดอะไร
“ฮ่าฮ่าฮ่า……”
เจียงเทียนโหย่วหัวเราะอย่างโอหัง “ไหนบอกว่าเขาคืออันดับหนึ่งแห่งแดนเหนือไม่ใช่หรอ เจ้ามังกรไม่ใช่หรอ ทำไมแค่ลงมือยังไม่กล้าล่ะ? มิหนำซ้ำให้ผู้หญิงเป็นคนลงมืออีก? แกไม่กลัวว่าเธอจะโดนฆ่าตายรึ?”
เจียงหลงเจ๋อก็คิดเช่นกันว่าไร้สาระสิ้นดี ถังเฉา ถึงกับไปหลบหลังเจียงไป๋เสว่
เจียงหนานซานสายตาอึมครึม เขามองเจียงไป๋เสว่และต่อว่า “ไป๋เสว่ ฉันบีบคั้นจนอาเหยาตายไปคนหนึ่งแล้ว ไม่อยากลงมือกับแกอีก รีบกลับมาที่ตระกูลเจียงซะ แบบนี้พวกเขาจะได้ไม่ต้องลงมือกับแก”
เจียงหนานซานไม่อยากฆ่าเจียงไป๋เสว่จริงๆ
เจียงไป๋เสว่มีความสามารถเก่งกล้า แถมยังเป็นอาจารย์ด้านการแพทย์ของถังเฉา มีเธออยู่ กำลังของตระกูลเจียงต้องสูงขึ้นไปอีกขั้นแน่ๆ
ที่สำคัญกว่านั้น เธอกลับมาที่ตระกูลเจียงแล้วไม่จำเป็นต้องดำรงตำแหน่งสูงมาก สำหรับตระกูลเจียง ช่างเป็นเรื่องที่มีแต่ได้ไม่มีเสีย
ทว่า เจียงไป๋เสว่เหลือบมองเขาด้วยสายตาเย็นเยียบ เธอไม่พูดจา เพียงแต่ก้าวไปข้างหน้าหนึ่งก้าว ประจันหน้ากับผู้แข็งแกร่งจากสมาคมการต่อสู้
สายลมพัดพาเส้นผมสวยงามของเธอให้พลิ้วไสว และเผยนัยน์ตาหนาวเหน็บไร้ที่สิ้นสุดของเธอ
“นังผู้หญิง หลีกไปให้พ้น รอให้ฉันจัดการชายคนนี้ได้เมื่อไหร่ค่อยตาแก”
ผู้แข็งแกร่งที่มีพลังน้อยที่สุดตะคอกเสียงเย็น
ถึงแม้ลูกเตะจากเจียงไป๋เสว่เมื่อกี้ทำเขายังใจสั่นมาจนถึงบัดนี้ แต่ก็แค่ลอบโจมตีเท่านั้น เขาไม่เก็บมาใส่ใจหรอก
ทว่า เจียงไป๋เสว่ไม่พูดตอบโต้ใดๆ พุ่งตรงไปหาเขา
“อยากตายใช่มั้ย!”
ผู้แข็งแกร่งคนนั้นบันดาลโทสะ ตอนแรกเขาคิดจะจัดการถังเฉาก่อนแล้วค่อยลงมือกับเจียงไป๋เสว่
แต่คิดไม่ถึงว่าเธอจะเป็นฝ่ายบุกเข้ามาเสียเอง
แต่นาทีต่อมา เขาก็ต้องอึ้งไป
เขาปล่อยหมัดหนักออกไปอย่างแรง เจียงไป๋เสว่ตรงหน้ากลับอันตรธานหายไป
ทันใดนั้นเขาก็รู้สึกว่าท่อนแขนหนักเป็นทวีคูณ พอเพ่งสายตามองไป ก็เห็นว่าเจียงไป๋เสว่กระโจนกลางอากาศ และเหยียบอยู่บนแขนของเขา
และยืมแรงจากแขนกระโดดขึ้นไปบนไหล่ของเขา
ขาทั้งสองข้างหนีบลำคอเขาไว้ประหนึ่งกรรไกร
ออกแรงเบาๆ ผู้แข็งแกร่งจากสมาคมการต่อสู้คนนั้นก็ล้มลงไปโดยไม่ส่งเสียงสักแอะ
เจียงไป๋เสว่กลับเหมือนคนไม่เป็นอะไร เธอหันไปมองสมาชิกคนอื่นๆจากสมาคมการต่อสู้ พร้อมกระดิกนิ้ว แสดงให้เห็นว่าพวกแกเข้ามาพร้อมกันได้เลย
บูม!
ทันใดนั้น ทุกคนราวกับถูกฟ้าผ่าใส่ หน้าตาเหลือเชื่อ
ผู้แข็งแกร่งที่นำโดยกู่ชิงก็ทำนิ่งต่อไปไม่ไหวแล้ว พวกเขายืนขึ้นด้วยสีหน้าสะเทือนขวัญ
เจียงไป๋เสว่ ล้มผู้แข็งแกร่งของพวกเขาได้ในยกเดียว!
แม้ว่าจะเป็นคนที่อ่อนแอที่สุดในบรรดาพวกเขา แต่ความแข็งแกร่งนั้นก็ไม่ใช่สิ่งที่ผู้แข็งแกร่งทั่วไปเทียบเคียงได้
คนที่เข้ามาอยู่ในสมาคมการต่อสู้แห่งเยี่ยนจิงได้ ไม่มีใครอ่อนแอ!
กลับโดนเจียงไป๋เสว่จัดการได้ในยกเดียว?
ไม่มีใครรับได้
ถังเฉามองทุกอย่างที่เกิดขึ้นด้วยสีหน้าเรียบเฉย ทันใดนั้นก็ส่ายหัว พึมพำกับตัวเอง “ยังไม่พอ”
เจียงไป๋เสว่ได้ยินแล้ว ผงะไปแป๊ปนึง จากนั้น สายตาแน่วแน่ยิ่งกว่าเดิม
ถังเฉาจะบอกว่า การปลิดชีพในเสี้ยววินาทีไม่นับเป็นการฝึกฝน ไม่ทำให้ก้าวหน้าเลยสักนิด
ถังเฉามองบรรดาคนจากสมาคมการต่อสู้ และเอ่ยถาม “พวกคุณ น่าจะพกอาวุธมากันหมดใช่มั้ย”
“พกมา แล้วยังไง?”
กู่ชิงสีหน้านิ่งเฉย
“เอาออกมา ทุ่มพลังทั้งหมดที่มี แล้วฆ่าเธอ”
ถังเฉาชี้เจียงไป๋เสว่พลางกล่าว
ฟึ่บ!
เมื่อคำพูดนี้ถูกเอื้อนเอ่ยออกไป ทุกคนตะลึงกันหมด พากันมองถังเฉาอย่างไม่อยากจะเชื่อ
มีคนสงสัยด้วยว่า พวกเขา เป็นพรรคพวกเดียวกันไม่ใช่หรอ?
มีที่ไหนบอกให้คนอื่นฆ่าพรรคพวกของตัวเอง!
กู่ชิงกลับฟังความหมายในคำพูดของถังเฉาออก สีหน้าของเขาอึมครึมลงไป จิตสังหารระบายอยู่เต็มใบหน้า “ไอ้หนุ่ม แกอยากตายหรอ!”
บอกให้พวกเขาเอาอาวุธออกมา แล้วทุ่มพลังทั้งหมดเพื่อฆ่าเจียงไป๋เสว่คือต้องการฆ่าเธอจริงๆหรอ?
แน่นอนว่าไม่ใช่
เขาต้องการสร้างสถานการณ์ที่ฆ่าฟันกันโดยหมายจะเอาชีวิตจริงๆ
มีแต่การอยู่ในนาทีชีวิตเท่านั้น ถึงจะกระตุ้นศักยภาพของมนุษย์ออกมาได้ และก้าวขึ้นไปอีกขั้น
นี่เห็นพวกเขาเป็นคู่ซ้อมในการทะลุขีดจำกัดหรอ?!
ให้อภัยไม่ได้แล้ว!
เขากำลังจะสั่งห้ามไม่ให้ลูกน้องเอาอาวุธออกมาด้วยสัญชาตญาณ ถังเฉามองมาอีกครั้ง
“พวกคุณจะมาฆ่าพวกเราไม่ใช่หรอ ถ้าอย่างนั้น จะฆ่าพวกเราด้วยวิธีไหนก็ไม่เห็นจะเกี่ยวกันนี่”
ถังเฉาเอ่ยเรียบๆ “เอาอาวุธออกมา พวกคุณจะใช้อาวุธอะไรก็ได้ทั้งนั้น มีดดาบก็ดี ระเบิดดินปืนก็ดี ตราบเท่าที่เป็นอาวุธก็ได้ทั้งนั้น”
พรืด!
พอเขาพูดแบบนี้ คนตระกูลเจียงที่ฟังอยู่อึ้งกันหมด
ปืนยังเอาออกมาได้ นี่โกรธแค้นกันขนาดไหนเนี่ย?
ทว่าตั้งแต่เริ่มแรกจวบจนบัดนี้ เจียงไป๋เสว่ไม่มีปฏิกิริยาใดๆ ทุกอย่างที่ถังเฉาพูดมา เธอยอมรับไว้เงียบๆ
ยกระดับความสามารถ ศึกแห่งชีวิต เป็นบททดสอบที่ต้องผ่านไปให้ได้
และหลายปีมานี้ ประสบการณ์นาทีชีวิตของเธอถือว่าน้อยหรอ?
“ไอ้หนุ่ม แกอยากตายนักใช่มั้ย!”
สีหน้ากู่ชิงอึมครึมถึงขีดสุด เขาจ้องถังเฉาด้วยสายตาโหดเหี้ยม
เขาประเมินเด็กหนุ่มคนนี้ต่ำเกินไป คนๆนี้จัดการยากกว่าที่เขาคิด
เหนือการคาดหมาย ถังเฉายอมรับซะอย่างนั้น
“ใช่แล้ว พวกเราอยากตาย”
“พวกคุณรีบมาฆ่าพวกเราสิ เลิกพูดไร้สาระกันได้แล้ว เอาอาวุธออกมาแล้วเข้ามาพร้อมกันเลย!”
“…….”
“นี่มัน……”
คนจากสมาคมการต่อสู้ลำบากใจอยู่หน่อยๆ พวกเขามองกู่ชิงอย่างอึกอัก รอให้กู่ชิงออกคำสั่ง
อย่าว่าแต่เอาอาวุธออกมาเลย แค่เข้าไปด้วยกันพวกเขาก็รู้สึกอับอายแล้ว
พวกเขาคือนักบู๊นะ มีที่ไหนนักบู๊รุมคนอื่น? นั่นยังถือว่าเป็นนักบู๊อยู่หรอ?
นั่นมันนักเลงที่ไร้คุณธรรมแห่งการต่อสู้ชัดๆ
จิตสังหารในใจกู่ชิงทวีคูณขึ้นเรื่อยๆ เขาพูดด้วยสายตาเหี้ยมโหด “ในเมื่อพวกแกดื้อด้านอยากรนหาที่ งั้นก็ตามที่แกปรารถนาเลย!”
“ทุกคน เอาอาวุธของแต่ละคนออกมา”
กู่ชิงตวาดลั่น ต่อให้ไม่อยากรุมเข้าไปเพียงไหน ก็ได้แต่ควักอาวุธออกมา
ทันใดนั้น มีด ปืน ท่อนไม้ กระบอง…..อาวุธมากมายละลานตาปรากฏสู่สายตาทุกคน
คนตระกูลเจียงตะลึงงัน นี่เอาอาวุธออกมากันจริงๆหรอ
สีหน้าเจียงหนานซานอึมครึมลงมากเช่นกัน
เขาคิดไม่ถึงเลยว่า คนยอดฝีมือจากสมาคมการต่อสู้ที่เขาเรียกมานอกจากจะไม่ทำให้อีกฝ่ายเกรงกลัวแล้ว กลับเห็นคนเหล่านั้นเป็นเสมือนหินลับมีด ให้พวกตัวเองได้ก้าวขึ้นไปอีกขั้น
มิหนำซ้ำถังเฉายังทำตัวเป็นครูผู้ฝึกขึ้นมา ไม่เห็นพวกเขาอยู่ในสายตาชัดๆ!
“ปรมาจารย์กู่ครับ ลงมือกันได้ตามสะดวกเลย ไม่ต้องกังวลใดๆ ไม่ว่าผลลัพธ์จะเป็นยังไง ตระกูลเจียงของเราจะรับผิดชอบเอง!”
ทันใดนั้นเจียงหนานซานก็พูดกับกู่ชิง “สิ่งที่พวกคุณต้องทำมีเพียงอย่างเดียวคือกำจัดสองคนนี้เสีย”
ทีแรกยังรู้สึกเสียดายเจียงไป๋เสว่อยู่บ้าง บัดนี้ ในใจเขาเหลือเพียงจิตสังหารอันแรงกล้า
ขนาดท่านผู้นำแห่งตระกูลเจียงยังพูดแบบนี้ กู่ชิงไม่ลังเลอีกต่อไป เขาตวาดลั่น “ลุยเข้าไปด้วยกันทั้งหมดเลย!”
ตู้ม!
ทันใดนั้น ผู้แข็งแกร่งทั้งหมดของสมาคมรุมกันเข้าไป ราวกับกำลังเผชิญกับผู้แข็งแกร่งที่ไม่อาจเอาชนะได้ ตามเข้าไปกันติดๆ
มีดยืมพลังจากคนถือ คนถือก็ยืมพลังจากมีดเช่นกัน
การมีอาวุธถนัดมือ ช่วยให้ผู้แข็งแรงทรงพลังยิ่งขึ้นไปอีก
คนที่ยืนอยู่ที่นี่ ล้วนเป็นผู้แข็งแกร่งจากสมาคมที่ฝึกฝนจนชำนาญ ทรงพลังเป็นทุนเดิมอยู่แล้ว ตอนนี้มีอาวุธเพิ่มมาอีก ยิ่งประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้นประหนึ่งพยัคฆ์มีปีก แต่ละคนแสดงพลังยิ่งใหญ่ จู่โจมใส่เจียงไป๋เสว่ในระดับที่ทำลายฟ้าดินได้
ชั่วขณะนั้น เฉพาะลมปราณอันน่ากลัวก็เพียงพอจะทำให้คนตระกูลเจียงรู้สึกหวาดกลัวได้
ผู้แข็งแกร่งที่ตระกูลเจียงทำการฝึกลับๆกลัวจนหน้าซีดเผือดกันหมด
นี่คือพลังของสมาคมการต่อสู้แห่งเยี่ยนจิง ส่วนพวกเขาบังอาจคิดการจะลงมือกับถังเฉาและเจียงไป๋เสว่ รนหาที่ชัดๆ!
คนติดอาวุธสิบกว่าคนรุมทำร้ายผู้หญิงคนเดียว เจียงไป๋เสว่ถูกล้อมไว้ตรงกลาง เธอรวบรวมจิตสงบใจ นาทีต่อมา ร่างของเธอพลันหายไปจากที่เดิม
เคร้ง!
อาวุธของทุกคนพลาดกันหมดในพริบตา
เจียงไป๋เสว่ว่องไวดั่งกระต่าย พุ่งเข้าไปในสนามรบอีกครั้ง
นอกจากตระกูลเจียง ถังเฉาและกู่ชิงก็ให้ความสนใจกับสถานการณ์ตรงนี้
กู่ชิงยิ่งมองหน้ายิ่งเป็นสีเขียว หลอดเลือดปูดอยู่บนหน้าผาก
กลยุทธ์หินลับมีดของถังเฉา บล็อกทางถอยของพวกเขาจนสิ้น
ผู้แข็งแกร่งสิบกว่าคนโจมตีผู้หญิงคนเดียว หากชนะก็เป็นเรื่องที่สมควร หากแพ้จะกลายเป็นที่น่าอดสู—-สถานการณ์การรบเช่นนี้ จะให้เขาดีใจได้ยังไง
ทางไหนก็เสียหน้าทั้งนั้น!
“เวรเอ๊ย!”
กู่ชิงจ้องถังเฉาอย่างเอาเป็นเอาตาย จิตสังหารพลุ่งพล่านอยู่ในแววตา
ถังเฉามองอยู่ครู่หนึ่ง ส่ายหัวเหมือนเดิม พลางกล่าว “ยังไม่พอ”
กู่ชิงชะงักงัน เขารู้ดีว่า’ยังไม่พอ’ที่ถังเฉาพูดถึงคืออะไร
เขาหันไปจ้องสถานการณ์การรบอย่างเอาเป็นเอาตายอีกครั้ง ขณะนี้เป็นการต่อสู้แบบตะลุมบอน ยังไม่อาจรู้ผลแพ้ชนะ
หรือว่า เขาเห็นผลแพ้ชนะก่อนตัวเองหรือ?
เวลาผ่านไปนานมาก จนเลยสี่ทุ่มไป
กู่ชิงถึงเริ่มเห็นความผิดปกติบางอย่าง
ทันใดนั้น นัยน์ตาเขาหรี่ลง
เขาพบว่า คนของเขาเริ่มสู้ไม่ไหวแล้ว!
มือถือดาบและปืน กลับโจมตีไม่โดนเจียงไป๋เสว่เลยสักนิด
นอกจากเจียงไป๋เสว่จะขยับตัวได้ปราดเปรียวแล้ว ร่างเธอประหนึ่งปลาไหลที่ทำท่าทางเหลือเชื่อได้เรื่อยๆ
การท้าทายขีดจำกัดของมนุษย์นั้น สำหรับเธอง่ายเหมือนเรื่องเล็กนิดเดียว
“ยิวยิตสู! ผู้หญิงคนนี้เป็นวิชายิวยิตสู!”
สีหน้ากู่ชิงเขียวปี๋
เสียงดังฟึ่บฟั่บ!
เจียงไป๋เสว่ถอดเสื้อนวมฝ้ายหนักอึ้งบนตัว
ที่น่าประหลาดใจคือเธอสวมเพียงเสื้อคลุมสีขาวเรียบง่ายไว้ข้างใน
แขนเสื้อกว้างกระพือ เส้นผมยาวพลิ้วไหว งดงามราวกับเป็นผู้หญิงในภาพวาด
ฟู่วฟู่วฟู่ว!
เจียงไป๋เสว่สายตาเย็นเยียบ สองแขนสะบัดออกไป
วินาทีต่อมา ภายในแขนเสื้อกว้างสีขาวมีผ้าไหมสีขาวสองผืนพวยพุ่งออกมา ประหนึ่งงูขาวออกจากถ้ำ ถาโถมไปหาเหล่าสมาชิกสมาคมการต่อสู้อย่างรุนแรง
เหล่าผู้แข็งแกร่งล้วนตะลึงกับผ้าขาวผืนใหญ่ ไม่ทันรู้ตัวก็โดนผ้าขาวห่อไว้
ปัง!
ทุกคนกระเด็นออกไป ประหนึ่งโดนรถบรรทุกคันใหญ่ชนเข้าให้
ผ้าขาวยังคงเหินไปรอบๆโดยไม่หยุดหย่อน ชนเข้ากับหลังคาของซื่อเหอย่วนตระกูลเจียงแห่งตระกูลหลวง
ตู้ม!
ผ้าที่แลดูเบาหวิว หากแต่หนักมากกว่าหมื่นโล ชั่วขณะที่ชนเข้าไป ราวกับเกิดแผ่นดินไหวครั้งใหญ่ที่ร้อยปีจะพบสักครั้ง