เจียงไป๋เสว่พูดประโยคนี้ออกมาอย่างแฝงไปด้วยความเดือดดาล แต่สิ่งที่เธอคิดไม่ถึงก็คือ มันจะปลุกปั่นความเดือดดาลของทุกคนในตระกูลเจียงเช่นเดียวกัน
ทั้งซื่อเหอย่วนตกอยู่ในความโกลาหล
“เธอมีฐานะอะไร กล้าให้คนรุ่นปู่ทั้งรุ่นออกมา?”
“ฉันจะบอกเธอให้นะ เรื่องแม่ของเธอเมื่อยี่สิบปีก่อน พวกผู้อาวุโสพวกเขาไม่มีความผิด! ถ้าหากรู้แต่แรกว่าคนไร้คุณธรรมแบบเธอจะออกมาตอบโต้ตระกูลคงจะไล่เธอออกไปด้วย!”
เจียงหลงเจ๋อก็ยิ่งโบกไม้โบกมือไปตรง ๆ “คนรุ่นปู่ของเธอจะไม่มาหรอก สำหรับคนอย่างเธอ พวกเราจัดการเธอก็เพียงพอแล้ว ยังไม่ถึงตาพวกเขาออกโรง”
ยังมีเรื่องสำคัญอีกเรื่องหนึ่ง เหล่าบรรดาผู้คนที่บีบบังคับให้เจียงเหยาต้องไปตายและขับไล่เจียงไป๋เสว่ออกไป พวกเขาแก่กันหมดแล้ว ที่อายุน้อยที่สุดก็ยังอายุหกสิบปีแล้ว จะสามารถทนความสะเทือนใจมากมายขนาดนั้นได้อย่างไร?
“ไม่ถึงตาอย่างนั้นหรือ? ถ้าหากรวมผมเข้าไปด้วยล่ะ เป็นอย่างไร?”
เสียงหัวเราะเยียบเย็นเสียงหนึ่ง ถังเฉาเดินมาอยู่ข้างกายของเจียงไป๋เสว่อย่างช้า ๆ บนใบหน้ามีรอยยิ้มเหยียดหยาม ไม่เห็นพวกเขาอยู่ในสายตาเลยสักนิด
“แกเป็นใคร?”
เจียงหลงเจ๋อมองถังเฉาอย่างเย็นชา เอ่ยถามขึ้น
“คุณลุงใหญ่ เขาก็คือถังเฉา ผู้ช่วยที่เจียงไป๋เสว่ไปหามาจากข้างนอกครับ สามีของหลินชิงเสว่จากตระกูลหลิน”
ผู้อ่อนอาวุโสคนหนึ่งรีบเอ่ยกับเจียงหลงเจ๋อทันที
ตอนที่ถังเฉามองพวกเขา สายตามีรังสีสังหารที่น่าสะพรึงกลัววาบผ่าน
เขาก็คือเจียงเฉาที่รับช่วงต่อความแค้นที่ลานใหญ่ตระกูลหลง
เจียงหลงเจ๋อใบหน้าเต็มไปด้วยความจองหอง “คิดว่าฉันเป็นใครล่ะ นึกไม่ถึงว่าจะเป็นลูกเขยแต่งเข้าบ้านตระกูลหลิน มีวิชาการต่อสู้แค่งู ๆ ปลา ๆ ก็เลยคิดเอาเองว่าจะสามารถมายั่วยุตระกูลเจียงของฉันได้อย่างนั้นหรือ?”
“ไม่รู้จักประมาณตนเสียจริง!”
บนใบหน้าของคนอื่น ๆ ก็เต็มไปด้วยเจตนาร้ายเช่นเดียวกัน
เจียงเทียนโหย่วยิ้มเย็นแล้วเอ่ยกับเจียงไป๋เสว่ว่า “ฉันขอถอนคำพูดที่เคยดูถูกพวกเธอก่อนหน้านี้ พวกเธอเก่งมากจริง ๆ แต่ว่าถ้าคิดจะท้าประลองกับทั้งตระกูลเจียง ไร้เดียงสาเกินไปจริง ๆ!”
ผู้อ่อนอาวุโสของตระกูลเจียงรวมกันแล้วอาจจะไม่ใช่คู่ต่อสู้ของถังเฉากับเจียงไป๋เสว่ก็จริง แต่ว่าตอนนี้เสาเอกของตระกูลเจียงมาแล้ว
พวกเขาไม่มีทางชนะเด็ดขาด
ถังเฉาส่ายศีรษะ เอ่ยอย่างเยือกเย็นว่า “ขอแนะนำพวกคุณด้วยความจริงใจสักหน่อยนะ เชื่อฟังคำพูดของไป๋เสว่อย่างว่าง่ายจะดีกว่า ไปเซ่นไหว้บูชา โขกหัวสักที ยอมรับความผิดสักหน่อยต่อหน้าสุสานแม่ของเธอก่อนเที่ยงคืนก็จะไม่มีเรื่องอะไรแล้ว อย่าสร้างความอับอายด้วยตัวเองเลย”
เจียงหลงเจ๋อเดือดดาลถึงขีดสุดจนหัวเราะออกมา “ฉันว่าคนที่สร้างความอับอายให้ตัวเองก็คือแกมากกว่ามั้ง? ถ้าหากพวกเราไปกันจริง ๆ นั่นถึงจะเป็นการเสียหน้าอย่างถึงที่สุด! ตระกูลเจียงแห่งตระกูลหลวงของฉันหวาดกลัวผู้หญิงที่โดนขับไล่ออกไปคนหนึ่งขนาดนั้นตั้งแต่เมื่อไหร่กัน?”
“ตัวอย่างโชกเลือดแสดงอยู่ตรงหน้า ยังไม่เชื่ออีกหรือ?”
ถังเฉายิ้มออกมา “ตระกูลเย่ขับไล่เย่หรูอี้ไป พอมองเห็นการเติบโตของเย่หรูอี้ก็หวาดกลัว จึงเชิญเธอกลับไป ตระกูลหลินก็เช่นกัน ภรรยาของผมสมัครใจจากไปเอง แต่ก็ไม่เป็นอุปสรรคต่อการกลับเข้าตระกูลอีกครั้งในอนาคตของเธอ”
“ตระกูลเจียงของพวกคุณเองก็อยากจะเดินตามรอยเท้าเหรอ?”
เพิ่งจะสิ้นเสียง สีหน้าของถังเฉาก็เข้มครึ้ม รอยยิ้มบนใบหน้าหายไปจนสิ้นในทันที
ทันใดนั้น ทุกคนล้วนรู้สึกเหมือนเป็นภาพมายา บรรยากาศของซื่อเหอย่วนเปลี่ยนเป็นแข็งทื่อในทันที
พลังของถังเฉาเพียงคนเดียวก็เหนือกว่าทุกคนแล้ว!
“พ่อครับ ตอนนี้ทำยังไงดีครับ…”
สัมผัสได้ถึงพลังที่เหมือนจะมีเหมือนจะไม่มีของถังเฉา ใบหน้าของเจียงเทียนโหย่วมีความหวาดกลัวขึ้นมา กลืนน้ำลายลงคออึกใหญ่ เอ่ยถามขึ้น
เจียงหลงเจ๋อเองก็สัมผัสได้ถึงแรงกดดันกลุ่มหนึ่ง ดวงตามีประกายความหวาดกลัววาบผ่าน
ตระกูลเจียงก็เหมือนกับตระกูลฉิน ล้วนแต่มีความสามารถที่ตกทอดมาจากบรรพบุรุษ
หนึ่งวิชาแพทย์ อีกหนึ่งวิชาการต่อสู้ และต้นกำเนิดของการแพทย์และการต่อสู้ก็เป็นสิ่งที่เชื่อมโยงกัน
ดังนั้นเจียงหลงเจ๋อสามารถสัมผัสได้ถึงลมปราณที่แข็งแกร่งของถังเฉา เขายังไม่ได้ใช้แรงออกมาทั้งหมด ถึงขั้นที่ยังไม่ได้ปลดปล่อยพลังออกมาอย่างสุดความสามารถ เพียงแค่อาศัยสถานการณ์เดิมก็ทำให้เขาสัมผัสได้ถึงความหวาดกลัวได้แล้ว
นี่ต้องเป็นผู้แข็งแกร่งผู้หนึ่งอย่างแน่นอน!
“จริงสิ พ่อครับ ลืมบอกพ่อไปเลย เขาเองก็เป็นวิชาเข็ม หนึ่งเข็มจมครึ่งเสาไม้!”
เจียงเทียนโหย่วนึกถึงเรื่องนี้ขึ้นมาได้ทันที พูดออกมาด้วยสีหน้าหวาดกลัว
พูดเรื่องนี้ขึ้นมาอีกครั้ง เขายังคงรู้สึกไม่อยากจะเชื่อ
“อะไรนะ?!”
เจียงหลงเจ๋อช็อกอย่างถึงที่สุด หันกลับไปมองตาม เห็นเข็มเงินที่ยังอยู่บนเสาไม้จริง ๆ ด้วย
เข็มเงินจมเข้าไปมากกว่าครึ่งหนึ่งเต็ม ๆ ก็ว่าเยอะแล้ว ทั้งยังไม่ใช่จากผลของการกระทำที่ต่อเนื่อง แต่เป็นครั้งเดียวก็เป็นเช่นนั้นแล้ว
นี่แสดงให้เห็นถึงอะไร?
แสดงให้เห็นว่าระดับพลังที่ใช้ส่งเข็มของเขาบรรลุถึงขั้นสุดยอดแล้ว!
“พ่อครับ พ่อเป็นอะไร?”
เจียงเทียนโหย่วเบิกตากว้าง เอ่ยถามขึ้น
เจียงหลงเจ๋อไม่พูดไม่จา เพียงแค่จ้องมองเข็มเงินที่ฝังเข้าไปในเสาไม้ครึ่งฟุตเขม็ง ครึ่งนาทีเต็ม ๆ เขาถึงเรียกสติคืนมาได้ มองไปยังถังเฉา สายตาเข้มงวดเป็นอย่างมาก
“แก ฉันถามแก เข็มนี้ เป็นเข็มที่แกซัดเข้าไปใช่ไหม?”
เจียงหลงเจ๋อเอ่ยถาม
“ทำไปงั้น ๆ”
ถังเฉายิ้มจาง ๆ
กลางลานซื่อเหอย่วนของตระกูลเจียงมีต้นไหซู่เก่าแก่ต้นหนึ่งพอดี
ใกล้จะเข้าฤดูหนาวแล้ว ใบไม้บนต้นไหซู่เหลืองและแห้งเฉา เมื่อลมพัดก็ร่วงโรยลงมา
ใบไม้เหลืองแห้งเสื่อมโทรมหนึ่งใบในนั้นร่วงลงมาบนบ่าของถังเฉาโดยตรง
ถังเฉาคีบขึ้นมาโดยไม่คิด พลิกเล่นอยู่ในมือทันที
ทันใดนั้นถังเฉาก็สะบัดทิ้งไปตามใจ สะบัดใบไม้เหลืองแห้งนั้นทิ้งออกไป
ในเวลาเดียวกันกับที่ถังเฉาสะบัดใบไม้ทิ้งไปนั้นเอง เจียงหลงเจ๋อก็ดูเหมือนจะรับรู้ถึงความอันตรายที่กำลังคืบคลานเข้ามาได้ล่วงหน้า ร่างทั้งร่างขึงตึงในชั่วพริบตา
ฟึ่บ!
นาทีต่อมาเขาก็หลบไปข้าง ๆ ด้วยปฏิกิริยาตอบสนอง
ด้านหลังมีโอ่งน้ำเก่าแก่วางราบอยู่ใบหนึ่ง ใบไม้สีเหลืองแห้งกลายเป็นเงาสีเหลืองลำหนึ่งแฉลบไปทางนั้นอย่างรวดเร็ว
ถึงขั้นที่ไม่มีใครสามารถมองเห็นได้อย่างชัดเจนว่าเกิดเรื่องอะไรขึ้น เห็นเพียงว่าเงาสีเหลืองซีดลำหนึ่งแฉลบผ่านตาเนื้อของพวกเขาไป
เพล้ง!
อั่ก ๆ ๆ!
นาทีต่อมา โอ่งน้ำแตกออกมา ปรากฏเป็นรูใหญ่ ๆ รูหนึ่ง
น้ำในโอ่งทะลักกันออกมาทั้งหมดอย่างแรง
และใบไม้ใบนั้น ฉับพลันที่แทงโอ่งน้ำจนแตกก็สูญเสียความคมไป ยับยู่ยี่เป็นอย่างยิ่ง เหมือนเรือลำเล็กที่ลอยอยู่บนสายน้ำที่กำลังรินไหล
กริบ!
เงียบราวกับตาย!
อากาศราวกับถูกแช่แข็ง ลำคอของทุกคนราวกับถูกมือข้างหนึ่งที่มองไม่เห็นบีบรัดเอาไว้ พูดไม่ได้
พวกเขามองสายตาของถังเฉาเหมือนกับมองเห็นผี ใบหน้าเต็มไปด้วยความไม่อยากจะเชื่อ
เจียงหลงเจ๋อคู่กรณีก็ยิ่งเบิกตาโต หัวใจเต้นตึกตักดูเหมือนจะเต้นแรงจนแทบจะทะลุออกมา
“ขว้างดอกไม้เด็ดใบไม้ คาดไม่ถึงว่าจะเป็นขว้างดอกไม้เด็ดใบไม้…” (*ขว้างดอกไม้เด็ดใบไม้ หมายถึงผู้ที่มีวรยุทธ์ขั้นสูง แม้แต่การขว้างดอกไม้หรือดีดใบไม้ออกไปก็สามารถทำร้ายเป้าหมายได้)
ดวงตาของเขาฝ้าฟาง พูดพึมพำอย่างขวัญหนีดีฝ่อ
ฉากนี้ยิ่งสั่นสะเทือนไปถึงเจียงเฉาและเจียงเทียนโหย่ว
เจียงเค่อเอ๋อร์ถึงขั้นมองเหม่อ ร่างทั้งร่างสั่นสะท้าน… ตื่นเต้น
การแพทย์และการต่อสู้เกี่ยวข้องกัน คนที่แรงภายในแข็งแกร่ง ใช้เข็มก็ต้องลงเข็มได้อย่างยอดเยี่ยมอย่างแน่นอน
สิ่งที่ตระกูลเจียงขาดอยู่ ไม่ใช่คนแบบนี้หรอกหรือ?
มีเพียงเจียงไป๋เสว่เท่านั้นที่มีสีหน้าเหมือนปกติ ขว้างดอกไม้เด็ดใบไม้ ใช้กระดาษเหมือนเป็นมีด นี่เป็นการกระทำพื้นฐานของในยุทธภพ
ทันใดนั้น เธอก็สังเกตเห็นว่าสายตาที่เจียงเค่อเอ๋อร์และบรรดาผู้อ่อนอาวุโสเหล่านั้นมองตนเองไม่เหมือนเดิมแล้ว
ไม่มีความจองหองเหมือนดังก่อนหน้านี้ ยิ่งไปกว่านั้นก็คือความเคารพยำเกรงอย่างลึกซึ้งและความหวาดกลัว
ยิ่งในดวงตาของเจียงเค่อเอ๋อร์ก็ยิ่งมีความเลื่อมใสศรัทธาอย่างลึกซึ้ง
“พี่ไป๋เสว่ ขอร้องล่ะ รับพวกเราเป็นศิษย์เถอะ!”
เจียงเค่อเอ๋อร์ตื่นเต้นจนใบหน้าแดงระเรื่อ เอ่ยขึ้น
“?”
เจียงไป๋เสว่มึนงงไปหมด คนที่ลงมือก็คือถังเฉา เกี่ยวอะไรกันกับเธอ?
ตั้งแต่ต้นจนจบเธอไม่ได้ลงมือเลยสักนิดนะ
ด้วยความรวดเร็ว เธอก็เข้าใจความหมาย
ชมเธอเพื่อให้เธอหายโกรธ
เพื่อสร้างอิทธิพลให้กับเจียงไป๋เสว่ ตอนที่เข็มเงินแทงเข้าไปในเสาก่อนหน้านี้ ถังเฉาได้พูดไว้ว่าเขาเป็นลูกศิษย์ที่เจียงไป๋เสว่พามาด้วย… ถึงแม้ว่าในด้านวิชาแพทย์นั้นเขาเป็นลูกศิษย์ที่เธอพามาด้วยจริง ๆ แต่สิ่งที่เธอมีเหนือกว่าอีกฝ่ายก็มีเพียงด้านนี้เท่านั้น ในด้านอื่น ๆ เธอล้วนแต่ด้อยกว่าถังเฉา จะมีหน้าไปเป็นอาจารย์ของเขาได้อย่างไร?
ในเมื่อเป็นเช่นนี้ ขอเพียงถังเฉาลงมือ เธอเพียงจำเป็นต้องไปยืนอยู่ตรงนั้นก็จะสามารถใช้อานุภาพนั้นสยบคนอื่นได้
เพราะว่าเธอคืออาจารย์ของถังเฉา!
ลูกศิษย์ยังเก่งกาจขนาดนี้แล้ว ยิ่งไม่ต้องพูดถึงเธอที่เป็นอาจารย์เลย
“ตอนนี้ผมจะถามหนึ่งครั้ง ยังมีใครที่ไม่ยอมอีกไหม?”
บนใบหน้าของถังเฉามีรอยยิ้มไม่ใส่ใจตั้งแต่ต้นจนจบ สายตามองไปรอบ ๆ ลานบ้านพลางเอ่ยถามขึ้น
กริบ…
ไม่มีใครตอบแม้แต่คนเดียว!
สายตาของทุก ๆ คนล้วนแต่มองถังเฉาอย่างแข็งทื่อ ในดวงตาทั้งคู่มีความหวาดกลัว
ถึงขั้นที่มีเสียงคนกลืนน้ำลายเสียงดัง
หลักฐานแน่นหนา!
ถังเฉาเป็นผู้แข็งแกร่งคนหนึ่ง!
เพียงแค่โบกมือ ใบไม้ที่เดิมทีแห้งเหี่ยวก็กลายเป็นใบมีดที่ไม่มีตรงไหนไม่คม ใบเดียวพังโอ่งทั้งใบ!
วิธีการเช่นนี้ใครจะสามารถเทียบเทียมได้?
ต่อหน้าศักยภาพที่เด็ดขาดสมบูรณ์ ต่อให้เป็นตระกูลหลวงแห่งเยี่ยนตูก็ต้องยอมศิโรราบ!
ยกตัวอย่างเช่นอู่ตงหยางคนบ้าบู๊ เขาเพียงคนเดียวก็สามารถกวาดเรียบทั้งตระกูลหลวงในเยี่ยนตูได้!
มองไปทั้งต้าเซี่ย คนที่สามารถเป็นคู่แข่งเขาอย่างสมน้ำสมเนื้อได้มีไม่ถึงยี่สิบห้าคน!
และความรู้สึกกดขี่ที่ถังเฉามีอยู่ นึกไม่ถึงว่าจะทำให้ทุกคนรู้สึกได้ถึงความหวาดกลัว!
กลัวอย่างไม่มีเงื่อนไข!
มีเพียงตอนที่มดบนพื้นเผชิญหน้ากับมังกรบนสวรรค์ตัวจริงเท่านั้นแหละ ที่จะสามารถหวาดกลัวมาจากก้นบึ้งของหัวใจอย่างไร้เงื่อนไข!
ก๊อก! ก๊อก! ก๊อก!
ในตอนนี้บุหรี่ในมือของเจียงไป๋เสว่ก็มอดจนหมดแล้ว ย่ำรองเท้าบู๊ทเดินเข้ามา
ส้นรองเท้าที่แหลมคมนั้นเจาะเข้าไปในหัวใจของทุกคนอย่างรุนแรงเหมือนกับสว่าน
โดยเฉพาะเจียงเทียนโหย่วกับเจียงหลงเจ๋อที่ยิ่งมีใบหน้าไม่น่ามองยิ่งกว่าเดิม
ต่อให้พวกเขาจะไม่ยินดีที่จะยอมรับมากไปกว่านี้ แต่ถังเฉารวมกับเจียงไป๋เสว่สองคนก็สามารถทำลายทั้งตระกูลเจียงของพวกเขาได้!
แต่ว่าถึงแม้จะเป็นเช่นนี้พวกเขาก็ยังคงไม่ยินยอมศิโรราบตั้งแต่ตอนนี้ไป!
“อย่าได้ใจไปเลย ถ้าหากพวกเธอจินตนาการตระกูลเจียงเอาไว้ว่าทุกคนจะเป็นลูกไก่ในกำมือ จะบีบก็ตายจะคลายก็รอดแล้วละก็ พวกเธอเข้าใจผิดอย่างมหันต์!”
เจียงหลงเจ๋อจ้องถังเฉากับเจียงไป๋เสว่ด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยความหนาวยะเยือกที่น่าสะพรึงกลัว เอ่ยด้วยน้ำเสียงเยือกเย็นว่า “ทางที่ดีที่สุดพวกเธอรีบไปซะให้เร็วที่สุด ก่อนที่เรื่องราวจะดำเนินไปถึงขั้นที่ร้ายแรงที่สุดจะดีกว่า! ไม่อย่างนั้นถ้าหากพวกเราเชิญผู้นำมาอะไร ๆ ก็จะสายเกินไปแล้ว”
พอคำนี้ลั่นออกมา นึกไม่ถึงว่าจะเป็นครั้งแรกที่บรรดาผู้อ่อนอาวุโสที่อยู่ด้านหลังจะไม่ได้ขานรับ และใบหน้าก็ยิ่งประหวั่นพรั่นพรึงมากยิ่งขึ้น
พวกเขาไม่ใช่คนโง่ พวกเขาได้ยินเจียงหลงเจ๋อสร้างความเดือดร้อนให้พวกเขาได้อย่างชัดเจน กลายเป็นทำให้พวกเขารีบหนีไป!
นี่หมายความว่าอย่างไร?
หมายความว่าตระกูลเจียงก็รู้จักหวาดกลัวกันแล้ว และเลือกที่จะยอมอ่อนข้อเพื่อให้เรื่องสงบ!
ไหนเลยจะรู้ว่าถังเฉาจะแสยะยิ้มเหมือนกับได้ยินเรื่องน่าขำขันอย่างไรอย่างนั้น คาดไม่ถึงว่าเขาจะพาตัวเจียงไป๋เสว่เดินเข้าไปด้านในซื่อเหอย่วนอย่างไม่เห็นผู้อื่นอยู่ในสายตา
ทางที่พวกเขาเดินผ่านไม่มีใครกล้าขวางเอาไว้ พากันหลีกทางให้พวกเขา
สุดท้ายถังเฉาก็นั่งลงบนเก้าอี้ที่เจียงเทียนโหย่วและบรรดาผู้อ่อนอาวุโสเหล่านั้นจัดงานเลี้ยง จุดบุหรี่มวนหนึ่งขึ้นมาสูบ
“ตอนนี้เป็นเวลาหนึ่งทุ่ม ยังห่างจากเที่ยงคืนอีกห้าชั่วโมง… ไม่เป็นไร ผมยังมีเวลาเล่นเป็นเพื่อนพวกคุณ”
ถังเฉาแสยะปากยิ้มพลางเอ่ยว่า “แต่ทางที่ดีพวกคุณรักษาเวลาเอาไว้จะดีที่สุด เพราะว่าพวกคุณมีเวลาแค่ห้าชั่วโมงในการไปนั่งสารภาพผิดต่อหน้าสุสาน ที่ผมพูดหมายถึงทั้งตระกูล ทุก ๆ คน ชาย หญิง เด็ก คนชรา หนีไม่พ้นแม้แต่คนเดียว”
เฮือก…
พอถังเฉาพูดคำนี้จบ ทุก ๆ คนก็สัมผัสได้อย่างชัดเจนว่าบรรยากาศได้เปลี่ยนเป็นเหี่ยวเฉาไปแล้ว!