ค่ำคืนเงียบสงัด
จริงๆแล้วค่ำคืนนี้ไม่แตกต่างอะไรจากคืนปกติ ทว่าในเวลาที่ห่างจากเที่ยงคืนห้าสิบนาทีนั้น ซื่อเหอย่วนอันเป็นที่ตั้งของตระกูลเจียงส่งเสียงกระหึ่มสะท้านหู
ดึงดูดความสนใจจากหลายตระกูลมาได้
ทั้งตระกูลเจียงออกเดินทางตอนนี้ ต้องไม่ใช่เรื่องเล็กแน่ๆ
บรื๋นบรื๋นบรื๋น……
เห็นได้ว่าถนนที่โล่งในทีแรกบัดนี้เต็มไปด้วยเสียงเครื่องยนต์
รถเหล่านี้มุ่งหน้าไปในทิศทางเดียวกัน
สุสานภูเขาเป่า
ระยะทางสี่สิบนาทีจากตอนแรกถูกเร่งจนถึงในครึ่งชั่วโมงภายใต้การเร่งเร้าอย่างเอาเป็นเอาตายจากเจียงหนานซาน
สุสานภูเขาเป่าในตอนกลางคืนดูมืดมนทมิฬ และสุดจะวังเวง
ถังเฉา เจียงไป๋เสว่ และเจียงสือเหนียนมาถึงสุสานภูเขาเป่าก่อน มองพวกเขาเดินเข้ามาด้วยสายตาเย็นเยียบ
“สุสานของแม่แกอยู่ที่ไหน?”
เจียงหลงเจ๋อเดินมาอยู่ตรงหน้าเจียงไป๋เสว่และถาม
เจียงไป๋เสว่กำลังจะบอก ถังเฉากลับชิงพูดขึ้นมาก่อน “หาเองสิครับ ถ้าพวกเราบอกพวกคุณ จะถือว่าจริงใจได้ยังไงกัน”
เจียงหลงเจ๋อชะงัก ก่อนจะหันไปมองสุสานอันกว้างใหญ่
สุสานใหญ่โตขนาดนี้ ให้พวกเขาไปหาเอง?
จะให้หาไปถึงชาติไหนกัน?
เจียงหลงเจ๋อมองนาฬิกาบนข้อมือ อีกสิบห้านาทีจะถึงเที่ยงคืน
เหงื่อพลันไหลลงมาดั่งหยาดฝน เขารีบบอกเรื่องนี้กับเจียงหนานซาน
เจียงหนานซานยืนค้ำไม้เท้า หน้าเขียวปี๋ ไม่พูดอะไร
“รีบไปหา!”
เขาออกคำสั่ง ทันใดนั้นทุกคนในตระกูลเจียงเคลื่อนไหวกันหมด พากันหาไม่หยุด
เจียงหนานซานโมโหคำสั่งของถังเฉามาก
ตัวเองบอกให้เรามากราบไหว้ กลับไม่บอกแม้กระทั่งว่าหลุมศพอยู่ที่ไหน ตอนนี้มืดสนิทขนาดนี้ จะหาให้เจอไม่ต่างอะไรกับงมเข็มในมหาสมุทร
แต่เจียงหนานซาน ไม่กล้าที่จะคัดค้าน ถังเฉาพูดจริงทำจริง หากเลยเวลาที่กำหนดแม้แต่นิดเดียว ตระกูลเจียงมีแนวโน้มสูงมากที่จะเหลือเพียงประวัติศาสตร์
“ท่านผู้นำ พบแล้วครับ!”
ยังดีที่คนในตระกูลเจียงมีกันเยอะ ออกตามหากันคนละแถว ไม่นานนักก็เจอหลุมศพของแม่เจียงไป๋เสว่
ตั้งอยู่ในมุมหลืบ พวกเจียงหลงเจ๋อรีบกรูกันเข้าไปอย่างรวดเร็ว
มีอยู่สองคนพยุงเจียงหนานซานไปด้วย
คนกลุ่มใหญ่รวมตัวกันอยู่หน้าหลุมศพของเจียงเหยา แต่ละคนมีสายตาซับซ้อน
คนส่วนใหญ่ผ่านเรื่องราวที่เกิดขึ้นเมื่อยี่สิบปีก่อนมาแล้ว แต่สำหรับคนรุ่นใหม่บางคนค่อนข้างเป็นเรื่องที่ห่างไกล จึงมีสายตามึนงง
เจียงหนานซาน ยืนอยู่หน้าสุด เขาเงียบไปนาน สุดท้ายก็ตัดสินใจได้และคำรามลั่น
“คุกเข่า!”
พูดจบเขาก็คุกเข่าลง โขกศีรษะที่หน้าหลุมศพอย่างแรง
เมื่อเห็นว่าท่านผู้นำยังคุกเข่าลงแล้ว เจียงหลงเจ๋อ เจียงเทียนโหย่ว และคนอื่นๆถอนหายใจแรง และคุกเข่าลงตาม
คนนับหลายสิบผู้คุกเข่าอยู่ด้านหน้าหลุมศพ ช่างเป็นภาพที่ยิ่งใหญ่เหลือเกิน ระยะห่างระหว่างหลุมศพนั้นแคบ ไม่พอให้ผู้คนมากมายขนาดนี้คุกเข่าคำนับ พวกเขาจึงแบ่งออกเป็นสองกลุ่ม คุกเข่าอยู่ด้านข้าง
พอเห็นภาพนี้ ถังเฉาสูดลมหายใจเข้าลึก และกล่าวเสียงกึกก้อง “ทุกคนจงคุกเข่า อยู่หน้าหลุมศพจนฟ้าสว่าง”
เขาหันมองเจียงสือเหนียน “คุณคอยเฝ้าพวกเขาไว้ ขืนใครกล้าลุกขึ้น ตีให้ขาหักไปข้างหนึ่งได้เลย”
ซี้ด!
ถังเฉาพูดจบ ผู้คนในตระกูลเจียงสูดลมหายใจเข้าลึก
ความคิดที่ตั้งใจจะอู้เป็นอันต้องเลิกคิด
เจียงสือเหนียนพยักหน้ารับด้วยความเต็มใจ ใบหน้าของเขาเปื้อนยิ้มจางๆมาแต่แรกจนถึงบัดนี้
เจียงหลงเจ๋อมองเจียงสือเหนียนพลางเอ่ยขึ้น “สือเหนียน ยังไงแกก็เป็นคนตระกูลเจียงนะ ทนดูท่านปู่ที่อายุมากแล้วต้องมาตากลมหนาวแบบนี้ได้ยังไง? รีบปล่อยพวกเราไปซะ”
“ใช่ พวกเรามาคุกเข่าให้ก็น่าจะจบแล้ว จะให้เราคุกเข่าจนฟ้าสว่างจริงๆรึไง?”
“ต้องคุกเข่าอีกตั้งสี่ห้าชั่วโมง!”
คนตระกูลเจียงมีสีหน้าโกรธเคือง ต่างคนต่างพูดใส่เจียงสือเหนียน
“หุบปากให้หมด!!”
เสียงของเจียงสือเหนียนดังขึ้นอีกแปดเท่า เขาตวาดลั่น
เสียงตวาดลั่นอย่างเกรี้ยวกราดของเขาก้องไปทั่วทั้งสุสานภูเขาเป่า กระทั่งกลายเป็นเสียงสะท้อน ดังอยู่เนิ่นนาน
เมื่อเป็นเช่นนั้น ผู้คนคนที่ตะโกนว่าเหนื่อยว่าปวดปิดปากเงียบกันหมด ตาโตมองเขาและอ้าปากค้าง
เจียงสือเหนียนหัวเราะเย็นๆ “พวกคุณคิดว่าการที่ผมเคยอยู่ในตระกูลเจียงจะเป็นผลให้ผมใจดีและปล่อยพวกคุณไปหรอครับ?”
“ฝันไปเถอะ!”
เจียงสือเหนียนเปลี่ยนน้ำเสียงฉับพลัน และคำรามลั่น “นั่นแม่ของผม แม่ของผมต้องตายไปก็เพราะพวกคุณ น้องสาวของผมถูกพวกคุณขับไล่ออกจากตระกูล ต้องเร่ร่อนไปทั่ว แล้วพวกคุณยังหวังว่าผมจะช่วยพวกคุณอีกรึ?”
“ถ้าผมอยากให้ตระกูลเจียงของพวกคุณล่มสลายจริงๆ ตอนนั้นผมคงไม่ห้ามไป๋เสว่ แต่ปล่อยให้เธอลงมือกับกู่ชิง พวกคุณเป็นคนเชิญหัวหน้าของสมาคมการต่อสู้มา หนี้แค้นครั้งนี้ต้องลงกับพวกคุณแน่ๆ ต่อให้ตระกูลเจียงจะแข็งแกร่งแค่ไหน แต่จะรับเพลิงแห่งโทสะของ สมาคมการต่อสู้ได้หรอ?”
ต่อหน้าหลุมศพของแม่ เจียงสือเหนียนยับยั้งอารมณ์ตัวเองไม่อยู่ เขาคำรามลั่นด้วยดวงตาแดงก่ำ
ด้านตระกูลเจียงเงียบกริบ ถึงแม้จะตกอยู่ในความตะลึง ทว่าเริ่มใจสั่นขึ้นมา
โดยเฉพาะอย่างยิ่งพวกเจียงหลงเจ๋อ ที่ตระหนักได้ถึงความรุนแรงของปัญหา
จริงอยู่ หากเจียงไป๋เสว่โกรธจนฆ่ากู่ชิงจริงๆ ตัวการที่ทำให้สมาคมการต่อสู้ต้องสูญเสียกำลังสำคัญไปหนึ่งก็คือพวกเขาตระกูลเจียง
เจียงไป๋เสว่สามารถเอาตัวรอด ไปอยู่ในที่ห่างไกลได้ สมาคมการต่อสู้ทำอะไรเธอไม่ได้เลยสักนิด
แต่ตระกูลเจียงทำแบบนั้นไม่ได้
สมาคมการต่อสู้ต้องมาลงกับตระกูลเจียงอย่างแน่นอน ถึงตอนนั้นพวกเขาจะต้านเพลิงแห่งโทสะจากสมาคมการต่อสู้ยังไงไหว?
เพราะฉะนั้น ไม่ต้องให้ถังเฉาและเจียงไป๋เสว่ลงมือ ตระกูลเจียงจะล่มจมด้วยตัวเอง
โชคดีที่เจียงสือเหนียนห้ามเอาไว้ เรื่องราวถึงไม่ดำเนินไปถึงจุดที่เลวร้ายจนไม่อาจแก้ไขได้
“ผมทำดีกับพวกคุณจนถึงที่สุดแล้ว”
เจียงสือเหนียนมองทุกคนในตระกูลเจียงด้วยสายตาเย็นเยียบ พร้อมกล่าวเสียงเย็นชา
เมื่อเป็นเช่นนั้น เจียงหนานซาน เจียงหลงเจ๋อและคนอื่นๆตกอยู่ในความเงียบสงัด
นัยของประโยคนี้ก็คือ ความอดทนของเขาที่มีต่อตระกูลเจียงหมดแล้ว
หากตระกูลเจียงยังไม่รู้จักผิดชอบชั่วดี แม้แต่ผ้าคลุมผืนสุดท้ายระหว่างกันและกันยังจะกระชากออกไป งั้นทั้งสองฝ่ายคงต้องตายกันไปข้างหนึ่ง
ประโยคนี้เป็นดั่งท่อนปิดตลอดกาล ไม่มีใครพูดอะไรอีก
รวมทั้งเจียงหนานซานด้วย เขาก็คุกเข่าโดยไม่ตุกติกอะไรอีก
……
ถังเฉาและเจียงไป๋เสว่เดินออกมาจากสุสานภูเขาเป่า
ทั้งสองคนเดินเคียงคู่กันไป ไม่มีใครพูดอะไร แต่ทั้งสองต่างเหมือนมีบางอย่างติดอยู่ในคอ ไม่สามารถพูดอะไรออกมาได้
ถังเฉาเป็นฝ่ายทำลายความเงียบก่อน “ผู้บ้าการแพทย์—-พี่ชายของเธอน่ะ เรารู้จักกันระหว่างทาง เขาซึมกะทือไร้เป้าหมาย ฉันให้พื้นที่เขาในการแสดงความสามารถ เขาจึงเรียกฉันว่าท่านอาจารย์ เรื่องมันก็มีแค่นี้แหละ”
การสร้างเจ็ดผู้บ้า ที่จริงเป็นเรื่องที่ง่ายมาก
แต่ก็เป็นเรื่องที่ยากมากเช่นกัน
ง่ายๆคือตราบใดที่มีเงิน ก็สามารถทำให้สำเร็จได้
ยากก็ยากตรงโชคชะตานี่แหละ ต้องมีโชคมากพอที่จะพบทั้งเจ็ดคนที่ยอดเยี่ยมเช่นนี้
“อืม”
ดูเหมือนเจียงไป๋เสว่จะไม่สนใจเรื่องพวกนี้นัก เธอเพียงต่อบอกปัด
สายลมยามค่ำคืนพัดมา ทั้งสองรู้สึกถึงความหนาวเย็น
เจียงไป๋เสว่หันกลับไปมอง ยิ่งสูงก็ยิ่งหนาว จากที่นี่มองเห็นภาพที่คนตระกูลเจียงคุกเข่าได้อย่างชัดเจน
ภาพคนเหลือขนาดนิดเดียว
หลุมศพก็เหลือขนาดนิดเดียว
“ไป๋เสว่—-”
คอของถังเฉาขยับขึ้นลง ผู้หญิงคนนี้เพิ่งจะแก้แค้นให้กับแม่ของเธอ ทำให้ศัตรูทั้งหมดต้องไปกราบไหว้หน้าหลุมศพเธอเพื่อขอขมา—-แม่ของเธอคงจะมีความสุขมากในอีกภพหนึ่ง
แต่ ตัวเธอเองมีความสุขจริงๆหรือ?
หรือว่าแท้จริงแล้ว เธอเศร้าสลด?
โดดเดี่ยว?
เคว้งคว้าง?
ตอนที่เขากำลังจะพูดอะไรบางอย่าง เจียงไป๋เสว่ปิดปากเขาเบาๆและส่ายหัว “ไม่ต้องพูดอะไรแล้ว ถังเฉา เลี้ยงเหล้าฉันด้วย”