ภายในโถงจัดงานแต่งงานครั้งนี้แขกเหรื่อที่ชุมนุมกันอยู่มีจำนวนประมาณหนึ่งในสี่ที่เป็นกลุ่มในเครือตระกูลเมืองซื่อจิ๋ว
ผู้ที่เห็นกับตากับเหตุการณ์ที่หวังเชาถูกเฟิ่งหวงเตะกระเด็นไปนั้น น่าจะอยู่ที่หนึ่งในสิบของบรรดาแขกเหรื่อทั้งหมด
นั่นหมายถึงว่า ผู้ที่รู้เรื่องฐานะของถังเฉา มีไม่มาก
เวลานี้เย่จงซือได้เปิดเผยถึงฐานะของถังเฉา จึงพาเอาคนที่อยู่นั้นขวัญสะเทือน
เจ้ามังกรในงานประชุมแดนเหนือ ก็เป็นเป้าหมายที่กลุ่มอิทธิพลของเมืองซื่อจิ๋วหวังแย่งดึงตัวมาเข้าพวก แต่ว่าเจ้าตัวนั้นเหมือนมังกรเทพ เห็นหัวไม่เห็นหาง ไม่มีทางจะไปตามหาตัวได้เลย
ไม่คิดว่าจะได้มาปรากฏตัวในที่นี้
อีกทั้งพอปรากฏตัว ก็ปะทะเข้ากับตระกูลหลวงตระกูลเย่เข้าให้
ในขณะเดียวกัน ผู้ที่ตั้งใจฟังละเอียดให้ดี ยังได้ยินแว่ว ๆ ที่เย่จงซือกล่าวพาดพิงถึงตระกูลหลวงตระกูลฉู่ด้วย
หรือจะเป็นได้ไหมว่า เจ้ามังกรได้รับเชิญมาจากฉู่หยังแห่งตระกูลหลวงตระกูลฉู่?
คิดมาดังนี้ ทุกคนต่างให้รู้สึกผวางง ฉู่หยังอยู่ในตระกูลหลวงตระกูลฉู่ ไม่ได้อยู่ในระดับแกนนำ กระทั่งแม้แต่ก่อนหน้านี้ยังไปโดนหลงเจียเจียซึ่งเป็นธิดาสาวตระกูลหลงเล่นงานเป็นที่อับอายต่อหน้าสาธารณะชน
คนประเภทนี้ ยังจะสามารถผูกสัมพันธ์กับคนระดับยิ่งใหญ่นี้ได้หรือ?
แต่ก็มีอีกจำนวนคนไม่น้อยมองฉู่หยังในระดับสูง ถึงขนาดเล่าขานกันว่า ฉู่หยังไม่ใช่คนเกะกะอย่างที่ร่ำลือกัน
“ฮัดเช้ย!”
ในเวลาเดียวกันนั้นเอง ฉู่หยังซึ่งกำลังเริงสราญอยู่ในสโมสรแห่งหนึ่งจามออกมาอย่างแรง
ขยี้ ๆ จมูกที่ออกอาการคัด สบถกระปอดกระแปด “แม่งเอ๊ย ใครนินทาข้าอยู่ลับหลังวะ!”
……
โดนสายตาทุกคู่ของคนทั้งงานจ้องใส่ ถังเฉาก็ยังไม่รู้สึกตื่นตระหนก กลับพูดด้วยเสียงหัวเราะเบา ๆ “เกินไป?ถ้าคุณเรียกแบบนี้ว่า ‘เกินไป’ ถ้างั้นสิ่งที่ผมจะพูดคือ เรื่องที่จะเกิดขึ้นต่อจากนี้ไป คุณจะต้องรู้สึกว่ายิ่งไปกว่าเกินไป”
“……”
เย่จงซือสีหน้าขรึมลง
โอหัง
ใจกล้าซ่าระห่ำ
ไม่เห็นตระกูลเย่อยู่ในสายตา!
แต่ทว่า ตัวเขาเองก็มีความรู้สึกไม่เห็นตระกูลเย่อยู่ในสายตาเป็นทุนเดิมเหมือนกัน
ถ้าหากว่าเขาไม่เตรียมเชิญเอานักบู๊ระดับหัวหน้าจากศูนย์กลางสมาคมการต่อสู้สิบกว่าคนนี้มา ลำพังอาศัยนักบู๊ของคนตระกูลเย่ น่ากลัวคงจะต้องปล่อยให้เขาข่มเหงตามอารมณ์ใจ สมรรถนะกำลังของสองฝ่ายเห็นชัดว่าต่างชั้นกันคนละระดับ
“มันจะมากไปแล้ว!”
เย่หยวนซันแห่งตระกูลเย่ตบโต๊ะอย่างแรง เดือดแค้นเต็มสุด
ในสภาวะปกติ เย่หยวนซันจะไม่ยอมโกรธกริ้วเด็ดขาด แต่คำพูดของถังเฉา ขุดถึงก้นบึ้งแล้วก็เห็นได้ชัดว่าไม่เห็นตระกูลเย่อยู่ในสายตาเลย เขาจึงถูกกระตุ้นให้โกรธขึ้นมา
“ไอ้เด็กโอหัง ไม่รู้จักที่สูงที่ต่ำ คิดแล้วหรือว่าตัวเองนั้นไร้เทียมทานไปทั้งโลก?”
“ท่านปู่พูดถูก ให้มันเชิดหน้าในนามเจ้ามังกร ก็ไม่มีระดับพอที่จะมองข้ามพวกเราตระกูลเย่”
เย่จงซือได้ทีพูดเสริม สายตาเย็นเยือก “ไอ้เด็กน้อยคนนี้คิดชิงเจ้าสาวหนีไม่น้อยกว่าหนึ่งครั้ง มันก็สร้างให้ทุกคนเจ็บแค้นแล้ว บอกเหตุผลที่จะไม่ให้พวกเราฆ่ามันหน่อยซิ”
สายตาของถังเฉาก็มองตามไปที่เย่เทียนหลง แต่ไม่ได้มองอยู่นาน ย้อนกลับไปที่เย่จงซือ
พูดเสียงชืด ๆ “เขาเป็นเพื่อนเก่าที่ผมรู้จัก นี่คือเหตุผล พอไหม?”
“ไร้สาระ!ไร้สาระที่สุด!”
เย่จงซือโกรธจนหัวเราะ “คงเพราะเป็นเพื่อนเก่าของคุณนี่แหละ พวกเราจะฆ่ามันทิ้งเสีย คุณจะหน้าใหญ่พอมารับไหม?”
ถังเฉาก็ไม่ได้ออกโกรธ เพียงแต่ส่ายหน้า “ความอดกลั้นของผม ก็มีขีดจำกัดนะ ขอเตือนให้คุณมีเมตตา”
ส้วบ!
คำพูดเพียงจบ เฟิ่งหวงที่อยู่ข้างหลังซัดมีดบินเข้าใส่อย่างไม่รอฟังเสียง
เย่จงซือสีหน้าออกไม่เห็นเป็นเรื่อง เอียงหลบไปนิด อย่างเฉียดฉิวมาก ๆ หลบการจู่โจมของมีดนั้น
แต่ทว่า เขารู้สึกในความเจ็บแปลบ เลือดแดงสดไหลเยิ้มตามร่องแก้ม
ฉับพลันนั้น ผู้คนที่อยู่ข้างล่างเวที ต่างตกใจผวา ไม่ใช่เพราะการจู่โจมของเฟิ่งหวง แต่เป็นเย่จงซือ—-แท้ที่จริงก็เป็นระดับฝีมือ
เย่จงซือหน้าเครียด “แกกล้าแอบจู่โจม?”
เฟิ่งหวงพูดเย้ย “ไม่ได้ยินที่ฉันพูดเมื่อกี้นี้หรือ ใครกล้าใช้วาจาเสียมารยาท ฉันจะตัดลิ้นมันทิ้ง”
และแล้ว แววตาเย่จงซือเยือกเหี้ยมสุด ๆ
มองจากแววตาเฟิ่งหวง เขามองเห็นจิตวิญญาณเรื่องฆ่าจริง ๆ
ก็คือ เฟิ่งหวงพร้อมที่จะทำเช่นนั้นจริง ๆ
“ถ้าจะเป็นอย่างนั้น ก็อย่ามาว่าตระกูลเย่เราไม่ให้เกียรติแล้วละนะ!”
เย่จงซือพูดเสียงเยือก
ถังเฉายังคงพูดอย่างดูสุภาพว่า “ผมก็อยากจะขอรับชม วิธีที่คุณไม่ให้เกียรติกับผมว่าเป็นอย่างไง”
“ใช่แล้ว ผมเกิดนึกเปลี่ยนใจขึ้นมาละ”
ในชั่ววินาทีเดียวนั้นเอง ถังเฉาหัวเราะกวน ๆ พูดว่า “ผมไม่เพียงแต่จะเอาเย่เทียนหลงไปเท่านั้น เจ้าสาวที่แต่งงานวันนี้ ก็จะขอเอาไปด้วย”
บรูม!
ว่ากันอย่างเอาแบบไม่ตายไม่เลิก
พอคำนี้พูดออกไป คนทั่วทั้งบริเวณงานเสียววูบเข้าไปในตา ใจผวาสุดเครียด
นี่จะเอากับตระกูลเย่ขนาดไม่ตายไม่เลิกเลยหรือ?
คนในตระกูลเย่ทั้งหมด สีหน้าเยือกเหี้ยมลงสุด ๆ
โดยเฉพาะเย่จงซือ แววตาที่จ้องไปยังถังเฉานำพาไปด้วยใจมุ่งจะฆ่าเต็มที่
แต่ทว่า ก็มีคนที่ทำเป็นไม่รู้ร้อนรู้หนาว นั้นก็คือเย่เซ่าเตี๋ย
หล่อนทำหัวเราะคิกคัก ก็ไม่กลัวว่าเย่จงซือจะได้ยิน ยิ้มกรุ้มกริ่มพูดไปว่า “ดูท่า แผนของใครบางคนจะผิดพลาดซะแล้ว นี่ถ้าเกิดเป็นว่า น้องสาวลูกพี่ลูกน้องคนนี้ของเราได้แต่งงานกับสามีดี ๆ คนแรกที่จะถูกเช็คบิล คงเป็นคุณแน่”
“แกเงียบไปเลยนะ!”
เย่จงซือคำรามอย่างโกรธเกรี้ยว
มาในรูปการณ์ขนาดนี้แล้ว เขาไม่สนใจที่ต้องวางบุคลิกอยู่ในความเป็นพิธีกรงานแล้ว ในใจคิดแต่ว่าไว้ให้จัดการเย่หรูอี้เสร็จ คนต่อไปก็คือเย่เซ่าเตี๋ย
เย่หรูอี้ได้แต่ยืนมองตรงที่เงาหลังของถังเฉา ในใจมีแต่ความคิดที่ว้าวุ่น
ในห้วงความคิดของหล่อน ก็ย้อนกลับไปยังงานแต่งงานของพวกเขาที่ลงท้ายก็ไม่จบเมื่อห้าปีก่อนนี้
หากแม้นได้ถูกเขาชิงพาตัวพ้นจากงานแต่งงานนี้ไปได้ ถึงจะต้องตายก็ไม่มีอะไรต้องเสียดาย
ถังหลินก็เกิดอาการร้อนรนขึ้นมา รีบมองไปที่เย่จงซือ “พี่เย่ หัวเด็ดตีนขาดยังไงก็จะปล่อยให้ไอ้คนนี้แย่งชิงเอาเจ้าสาวไปไม่ได้นะ!”
ท่าทางร้อนรนขนาดนี้ พลอยทำให้เย่จงซือไม่พอใจอยู่ แต่ก็คงยังผงกหัวอย่างอึดอัด “วางใจได้ คืนนี้คนพวกนี้ต้องตาย!”
“คุณเจ้ามังกร พวกเรานับถือในความเป็นยอดนักบู๊ของคุณ แต่ไม่ได้หมายถึงว่าพวกเราต้องกลัวคุณนะ อย่าตีขลุมเป็นเรื่องเดียวกัน”
ขณะนั้นเอง เย่หยวนซานค่อย ๆ ปริปาก ส่งเสียงหนุนเย่จงซือ
ในเสียงที่แก่ห้าวของเขา แฝงด้วยกลิ่นอายของการฆ่า
แต่ทว่า ถังเฉาไม่ได้ใส่ลงไว้ในใจ แต่กลับแค่นหัวเราะชืด ๆ “ไอ้เฒ่า คุณนี่ปากก็พูดอยู่ว่าหัวหน้าตระกูลคนต่อไปให้จัดการเลือกกันเอาเอง แต่แท้ที่จริง กลับมองเตรียมไว้ให้เย่จงซือรับช่วงเป็นหัวหน้าตระกูลแล้วไม่ใช่หรือ?”
“แกว่าอะไรนะ?”
พอพูดคำนั้นออกไป เย่หยวนซันสะดุ้งเฮือก โกรธจนตาเบิ่งกลมแทบถลน
เยหรูอี้กับเย่เซ่าเตี๋ย ก็ต่างหันมองไปที่เย่หยวนซันโดยสัญชาตญาณ ในดวงตาให้เห็นความตะลึงงง
บรรดาแขกเหรื่อทั้งหลายก็มองไปที่ถังเฉาด้วยสายตางงฉงน
ตั้งแต่เริ่มต้นมา เขาคงยังนั่งอยู่กับที่ ไม่เคยได้ลุกยืน แต่ด้วยอานุภาพแฝง ดูเหมือนยิ่งขยายขึ้น จนแม้กระทั่งคนในตระกูลเย่ก็ไม่กล้าชนซึ่งหน้า
อีกทั้งยังมีเป็นที่น่าสังเกตของอีกมากหลายคน พิธีคืนนี้เป็นงานแต่งงานของตระกูลเย่กับตระกูลถัง แต่ว่าทำไม ตั้งแต่เริ่มต้นมามีแต่เสียงทางฝ่ายตระกูลเย่ คนของตระกูลถังหละ?
พวกเขาสอดส่องสายตาไปที่กลุ่มคนตระกูลถัง แต่ที่เห็นคือ ถังเหนียนหู่ที่นั่งขรึมนิ่ง กับหัวหน้าตระกูลคนปัจจุบัน ถังฮันเจี๋ย
ความเงียบขรึมของคนตระกูลถัง จะให้ในใจคนที่มาคิดไม่คิดว่า สถานการณ์คืนนี้ยังจะมีการพลิกผัน
“ผมจำได้ว่าก่อนหน้านี้ได้เตือนคุณไว้ การมาร่วมงานแต่งงานของพวกเรา ตระกูลเย่ของเรายินดีต้อนรับ แต่ถ้าจะมาก่อกวนหาเรื่อง ตระกูลเย่ของเราก็จะไม่ปล่อยคุณ”
เย่จงซือมองถังเฉาด้วยสายตาแข็งกร้าว น้ำเสียงเย็นเยือก
ถังเฉาไม่พูดโต้ตอบ แต่กลับมองเขาอย่างยียวน รอจะให้เขาพูดต่อ
เฟิ่งหวงก็อยากรู้อยู่เหมือนกันว่าตระกูลเย่จะใช้อะไรมาสู้กับรองหัวหน้าชองเขา?
แม้ขนาดตระกูลถังซึ่งเป็นหนึ่งในเก้าตระกูลหลวง ก็ยังสยบกับเขาแล้ว ตระกูลเย่จะแกร่งกว่าตระกูลถังเท่าไหร่หรือ?
“ก็รู้ว่าคุณเก่งเรื่องบู๊ แต่ให้เก่งยังไง ดูว่าจะต้านรับคนจำนวนมากไหวไหม?”
เย่จงซือยิ้มเหี้ยมเกรียมหลังจากพูดจบ ตามด้วยการปรบมือเบา ๆ “ท่านนักบู๊จากศูนย์กลางสมาคมการต่อสู้ทุกท่าน ถึงเวลาลงมือได้แล้ว”
ชว๊าป!
พูดเพียงขาดคำ คนในบริเวณทั้งหมดถึงกับหน้าถอดสี
โดยเฉพาะคำว่าศูนย์กลางสมาคมการต่อสู้ ยิ่งทำให้แววตาฉายเอาความหวาดผวาออกมา
แม้แต่เย่เซ่าเตี๋ยกับเย่หรูอี้ก็มีสีหน้าเปลี่ยนไปอย่างเห็นชัด
ไม่คิดว่าเย่จงซือจะจัดหนักด้วยเงินก้อนโต เชิญเอาระดับยอดฝีมือของศูนย์กลางสมาคมการต่อสู้มา
หลินชิงเสว่ที่หลบอยู่มุมในงานเกิดอาการห่วงใยออกนอกหน้า
ยอดฝีมือศูนย์กลางสมาคมการต่อสู้ หล่อนก็เคยได้ยินมา เห็นว่าแต่ละคนนั้นคัดมาจากหนึ่งในร้อย จัดอยู่ในอันดับหนึ่งอันดับสองทั้งนั้น
หล่อนอดไม่ได้ที่จะห่วงกังวลกับถังเฉา ในใจทั้งร้อนรุ่มทั้งเคืองโกรธ
ว่าตามข้อเท็จจริง หล่อนก็ผู้หญิงคนหนึ่ง ก็เห็นแก่ตัวเป็นธรรมดา เห็นผู้ชายของตัวเองไปลุยอันตรายเพื่อผู้หญิงอีกคนหนึ่ง นอกจากโกรธเคืองลึก ๆ ในใจก็คงยังห่วงใย
“ศูนย์สมาคมนักบู๊……”
พอได้ยินดังนั้น ถังเฉาแวบประกายวาบขึ้นในดวงตา เฟิ่งหวงก็ให้รู้สึกตื่นใจเต็มหน้า
ดูท่า เย่จงซือคนนี้ก็มีที่ไม่ธรรมดาอยู่บ้าง รู้จักการวางแผนล่วงหน้า
เคว้ง!เคว้ง!เคว้ง!
ขณะนั้นเอง ประตูใหญ่ทางเข้าของงานเปิดออก เงาร่างสูงใหญ่คนสิบกว่าตนเดินเข้ามา
แต่ละตัวตนดูราวภูผาปีศาจ เพียงแค่เห็น ก็เกิดเป็นแรงกดดันมหึมา
สายตาพวกเขาแต่ละคนเฉียบคม กวาดมองไปรอบ ๆ ทำเอาทั้งบริเวณเงียบเสียงกริบอย่างฉับพลัน
ภาพลักษณ์ของสิบคนที่เข้ามา สร้างอานุภาพสยบบรรยากาศทั้งบริเวณ
ถังเฉาหรี่ตามองไป สภาพการณ์แบบนี้ คงต้องใช้ความตั้งใจมากขึ้นสักนิด
เฟิ่งหวงเริ่มรู้สึกเหมือนได้เจอข้าศึกที่น่ากลัว มองพวกคนเหล่านี้ ล้วนให้เห็นถึงแววนักฆ่า และกระหายจะทำศึกอย่างรุนแรง
โดยเฉพาะสิบคนที่เดินอยู่หน้าสุด แต่ละคนดูใหญ่โตแข็งแกร่ง แม้แต่เฟิ่งหวง ก็ให้รู้สึกมีความกดดัน
แต่ว่า เพียงถ้าพวกมันกล้าลงมือกับท่านรองหัวหน้า เฟิ่งหวงจะต้องลุยขึ้นหน้าอย่างเด็ดขาด
“เย่จงซือ ดูแล้วคุณไม่ได้หลอกพวกเราเลยนะ มีคนก่อกวนจริง ๆ คน ๆ นี้ถูกปากสำหรับพวกเรามาก”
สิบระดับหัวหน้าชิงกันพูด น้ำเสียงแต่ละคนโอหัง
“ฮา ๆ ๆ ข้าจะไปหลอกพวกท่านได้ยังไง?”
เย่จงซือหัวเราะปากกว้าง แล้วชี้ไปที่ถังเฉา “ไอ้คน ๆ นี้แหละที่มาก่อกวนงานแต่งงาน และยังเป็นม้ามืดในงานประชุมแดนเหนือ ต้องขอไหว้วานพวกท่านหัวหน้าทั้งสิบแล้วแหละ”
ฉัวะ ๆ ๆ!
ในทันทีนั้น สายตาทุกคู่ของสิบระดับหัวหน้ารวมศูนย์ไปที่ตัวถังเฉา
ถ้าให้เป็นคนอื่น ป่านนี้คงช็อคเป็นลมไปแล้ว แต่ถังเฉายังคงปักแน่นอย่างภูเขาไท่ซาน
สิบระดับหัวหน้าหัวเราะคิก “ประชุมแดนเหนือกระจอก ๆ ทำให้แกทำก๋าได้ขนาดนี้ ได้กันกี่คะแนนยังไม่รู้เลย”
“ใช่เลย ลองถ้าพวกเราไป คิดหรือว่าจะมีโอกาส?”
พวกเขามองถังเฉาด้วยสายตาหมิ่นแคลน
“……”
แววตาเฟิ่งหวงเยือกวูบ สะกดกลั้นอารมณ์ไม่อยู่ ตัดสินใจจะลงมือ
ถังเฉายื่นมือออกขวางไว้อย่างทันด่วน
“รอเดี๋ยว”
ถังเฉาอ้าปากหัวเราะ เขาบังเอิญเห็นคนที่หน้าตาคุ้นเคยมากเข้าคนหนึ่ง
ในสิบระดับหัวหน้านั้น มีอยู่คนหนึ่ง กลับเป็นคนที่ถังเฉาเคยเจออยู่ครั้งหนึ่ง
นั่นก็คือกู่ชิงในศูนย์สมาคมการต่อสู้
ก่อนหน้านี้ที่ตระกูลเจียงแห่งตระกูลหลวง เคยถูกถังเฉาจัดให้ไปเป็นหินลับมีดให้แก่เจียงไป๋เสว่
กู่ชิงให้รู้สึกเหมือนมีอะไรสะกิดใจ สายตาประสานเข้าด้วยกันในพริบเดียวนั้นเอง สีหน้าเปลี่ยนไปอย่างกะทันหัน ก้าวถอยหลังไปอย่างไม่ตั้งใจ
“เป็นเขา……”