แม้ว่าในใจถังยวนจะโกรธมาก แต่เมื่อนึกถึงฐานะของถังเฉาก่อนหน้านี้ ความหน่วงในใจก็คลายลงชั่วคราว
อย่างไรเสียฐานะของถังเฉาในตอนนี้ยังคงเป็นคนมีความผิด หากคิดดูดีๆ คนมีความผิดเช่นนี้จะมาชิงตำแหน่งผู้นำกับตัวเอง เห็นได้ชัดว่าไม่มีทางเป็นจริง
ตระกูลถังไม่มีทางให้คนมีความผิดปกครองตระกูลของตัวเอง ดังนั้น หลังจากท่านจางแห่งราชวงศ์ตระกูลถังเห็นถังเฉาแล้ว แม้ว่าคงไม่ลงมือเพราะเห็นแก่พระอริยามารดรใหญ่และพระอริยามารดรที่สอง แต่ก็คงเขม่นกันด้วยความเป็นศัตรู
ถังยวนยิ้มอย่างสบายใจ เขามองถังเฉาตรงหน้า และพูดด้วยท่าทางใจกว้าง “ไปกันเถอะ เราสองพี่น้องไม่ได้อยู่พร้อมหน้ากันนานแล้ว คราวนี้ต้องดื่มกันให้หนำใจ และเล่าทุกเรื่องที่เกิดขึ้นในช่วงนี้ให้ฉันฟัง”
ถังเฉาฟังคำพูดที่แสร้งทำเป็นดูดีแบบนี้แล้ว รู้สึกสะอิดสะเอียนสุดๆ
หากไม่ใช่เพราะเห็นแก่พระอริยามารดรใหญ่และพระอริยามารดรที่สาม ถังยวนคงลงมือกับตัวเองไปนานแล้ว
พระอริยามารดรใหญ่และพระอริยามารดรที่สองเห็นว่าถังยวนไม่กล้าทำตัวโอหัง จึงตามไปที่ตระกูลถังด้วย
ถังยวนชวนคุยทั้งทางราวกับสนิทสนมกันมาก แต่ในความเป็นจริงในใจเขานั้นเต็มไปด้วยกลอุบายเพื่อหลอกล่อถังเฉา ถังเฉารู้อยู่แก่ใจ แต่ไม่ได้พูดออกมา
“รอนายกลับถึงบ้านก่อนเถอะ จะให้นายได้รู้เลยว่ารนหาที่ตายเป็นยังไง”
ถึงถังยวนไม่ได้เอ่ยออกมา แต่ภายในราชวงศ์ตระกูลถังมีหน่วยงานที่ตั้งขึ้นเพื่อจับถังเฉามาโดยตลอด
ก่อนหน้านี้ถังยวนก็ถูกส่งตัวไปที่หน่วยงานการจับกุมถังเฉา
เพียงแต่ไม่เป็นผลดีนัก เพิ่งจะหาตัวถังเฉาเจอ วันถัดมาก็ทำเขาหายไปอีกครั้ง
ขณะที่คุยกันอยู่ ทุกคนก็มาอยู่ที่หน้าประตูราชวงศ์ตระกูลถัง
มาถึงหน้าประตูปุ๊บก็เห็นชายชราคนหนึ่งเดินออกมา
ฐานะของชายชราคนนี้เป็นที่รู้ดีของทุกคนว่าตอนนี้เขาเป็นหัวหน้าอันดับสองของราชวงศ์ตระกูลถัง ถังเย่
ถังเย่เห็นหน้าถังเฉาปราดเดียวก็จำเขาได้ สายตานั้นเต็มไปด้วยความตะลึง
แล้วมาดูถังยวนอีกด้าน ถังยวนส่งสายตาให้ถังเย่ปุ๊บ ถังเย่ก็เข้าใจความหมายทันที และหันไปมองพระอริยามารดรใหญ่รวมถึงพระอริยามารดรที่สอง
“นี่คือถังเฉาไม่ใช่หรอ ทำไมหลายปีมานี้ถึงไม่เคยกลับมาที่ราชวงศ์ตระกูลถังเลยล่ะ?”
“เชิญเข้ามาเถอะ ในเมื่อแกเป็นคนของพวกเราราชวงศ์ตระกูลถัง ประตูบานใหญ่นี้ก็จะเปิดไว้สำหรับแกเสมอ”
คำพูดตามมารยาทแบบนี้ พระอริยามารดรใหญ่และพระอริยามารดรที่สองรู้ดีอยู่แก่ใจ
เห็นว่าถังเฉาไม่กล้าผลีผลามทำอะไร พระอริยามารดรใหญ่จึงพาตัวถังเฉาเดินเข้าไป
เข้ามาในราชวงศ์ตระกูลถังปุ๊บ ถังเย่ก็ส่งสายตาให้ลูกน้องตัวเอง
ลูกน้องที่ยืนอยู่ใต้ต้นไม้เห็นสายตาของถังเย่แล้วก็เข้าใจความหมายของถังเย่ในทันที
สำหรับคนที่ติดตามราชวงศ์ตระกูลถังมาหลายปี ไม่มีใครในราชวงศ์ตระกูลถังไม่รู้ว่าถังเฉาคือใคร
แน่นอนว่าถังเฉาก็ไม่ใช่คนธรรมดา ในตอนที่ถังเย่ส่งข้อมูลออกไป ถังเฉาก็รู้ตัวทันที
“เฮอะ อยากลองฝีมือฉันหรอ? ฉันไม่ให้โอกาสแกหรอก?”
ถังเฉารู้ดีว่าถ้าลงมือตอนนี้ต้องตกที่นั่งเนรคุณทำลายบรรพชนอย่างแน่นอน ไม่ว่ายังไงก็ต้องเสียเปรียบ จึงไม่คิดจะลงมือ แต่จะใช้วิธีอื่นในการแก้ปัญหานี้
พูดไป ลูกน้องคนนั้นก็ถือกริชด้านหลังมาไว้ในมือเงียบๆ
ถังเฉาจับตาดูการกระทำของคนคนนี้มาตลอด ในขณะที่ถังเฉาก้าวไปข้างหน้า จู่ๆลูกน้องคนนี้ก็ยกกริชขึ้นมา
ถังเฉาหันไปทันที เหลือเพียงสายตาที่จ้องนักฆ่าคนนั้นเขม็ง
ชั่วขณะนั้นจิตสังหารพลุ่งพล่าน ไม่เพียงแต่นักฆ่าคนนี้ ทุกคนที่อยู่ในราชวงศ์ตระกูลถังต่างรู้สึกได้ถึงจิตสังหารแกร่งกล้านี้ ทั้งหมดกลัวจนไม่กล้าขยับเขยื้อน
สายตาของถังเฉาราวกับมีเวทมนตร์ สยบทุกคนในที่นี้ได้
จนกระทั่งถังเฉาสงบจิตสังหารลงคนเหล่านั้นถึงขยับตัวได้
แต่ภาพอันน่าสยองขวัญเมื่อกี้ได้จารึกลงไปในหัวของทุกคนในราชวงศ์ตระกูลถัง
คนที่อึ้งที่สุดเห็นจะเป็นถังเย่ เขาคิดว่าถังเฉาออกจากราชวงศ์ตระกูลไปตั้งหลายปีแล้ว ฝีมือควรจะอ่อนมาก แต่คิดไม่ถึงว่าถังเฉาจะสยบยอดฝีมือในที่นี้ทั้งหมดด้วยเพียงแค่สายตาเดียว
คราวนี้ถังเย่รู้แล้วว่าเขาไม่สามารถผลีผลามทำอะไร มิฉะนั้นหากถังเฉาลงมือกับตัวเองแล้วจะเกิดอะไรขึ้นนั้น ไม่แน่นอนเลยจริงๆ
“ทำไมทุกท่านถึงยืนอยู่ที่เดิมไม่ขยับกันเลยล่ะ หรือนี่ไม่ต้อนรับถังเฉากันหรอ?” พระอริยามารดรใหญ่มองทุกคนรอบๆและเอ่ยเสียงเย็น
ทว่า ถังเฉาจะไม่รู้ได้ยังไงว่าเมื่อกี้ถังเย่ส่งสัญญาณอะไรให้พวกเขา คนส่วนใหญ่ในราชวงศ์ตระกูลถังต่างตกอยู่ในความหวาดกลัวไม่อาจตั้งสติได้ มีเพียงไม่กี่คนที่พอมีฝีมือถึงพอตั้งสติได้เล็กน้อย
และถังเย่ก็เป็นหนึ่งในยอดฝีมือพวกนั้น
หลังจากได้ยินที่พระอริยามารดรใหญ่พูดแล้ว ถังเย่โบกมือด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม “จะเป็นไปได้ยังไงกันล่ะครับ พระอริยามารดรใหญ่ ผมเพียงแต่สงสัยว่าทำไมพระอริยามารดรใหญ่ถึงมากับคนของราชวงศ์ตระกูลถังของเราได้”
“คนราชวงศ์ตระกูลถังอย่างเราอับอายเสียจริงครับ”
เห็นว่าฐานะพระอริยามารดรใหญ่นั้นสูงส่งถึงเพียงนี้แล้ว ถังเฉาไม่ชินเลยจริงๆ
แต่ดูท่าทางฐานะพระอริยามารดรของเธอมีประโยชน์มากที่นี่
ทันใดนั้น เด็กผู้หญิงคนหนึ่งวิ่งเข้ามา เธอมองถังเย่ข้างกายด้วยสายตาสงสัย ราวกับมีบางอย่างที่ต้องการถาม
แต่พอเห็นถังเฉา เด็กผู้หญิงคนนี้ก็ปิดปากเงียบ เพราะเธอคุ้นเคยกับคนตรงหน้ามาก แทบจะเห็นหน้าเขาทุกวันบนกระดานแปะรูปเลยล่ะ
“พ่อคะ เกิดอะไรขึ้น มีแขกมาหาที่บ้านหรอคะ?”
ถังเย่ควรจะดีใจที่ลูกสาวของตัวเองเป็นเด็กสาวฉลาดเฉลียว ไม่อย่างนั้นคงเผยไต๋แล้วแน่ๆ พระอริยามารดรใหญ่อยู่ที่นี่ด้วย เรื่องนี้คงบานปลายไปใหญ่
เมื่อได้ยินที่ลูกสาวพูด ถังเย่รีบรับคำ
“ใช่แล้ว และเขามาแล้วด้วย ดูสิ ชายคนนั้นก็คือพี่ชายที่เป็นลูกพี่ลูกน้องของลูก ถังเฉา รีบไปทักทายเขาสิ”
ถังเฉารู้ว่าตัวเองเป็นพี่ชายของเด็กสาวคนนี้แล้วตะลึงนิดหน่อย
คนในราชวงศ์ตระกูลถังมีนิสัยยังไง เมื่อกี้ถังเฉาพอจะรู้แล้วล่ะ แต่เห็นใบหน้าไร้เดียงสาและฉลาดเฉลียวของเด็กผู้หญิงคนนี้แล้ว ถังเฉาไม่อยากเชื่อเลยว่าเด็กผู้หญิงคนนี้จะมีส่วนร่วมในเรื่องชั่วๆของพวกเขา
“ถังเฉา คนคนนี้ก็คือน้องสาวของแก ถังเชียนเชียน พวกแกไม่เคยเจอหน้ากัน ช่วงนี้ต้องทำความรู้จักกันเข้าไว้นะ อีกอย่าง ในเมื่อแกกลับมาแล้วก็ไม่ต้องไปไหนอีก อยู่ที่บ้านตัวเองนี่แหละ ใช่ว่าที่บ้านไม่เหลือที่ให้อยู่ซะเมื่อไหร่”
คำพูดที่ดูเหมือนตามมารยาท ทว่าแฝงไว้ด้วยความนัยในทุกคำที่เอื้อนเอ่ย
ถังเย่พูดแบบนี้ก็เป็นการบอกถังเฉาว่า เขาเป็นเพียงแขกสำหรับราชวงศ์ตระกูลถัง
ถังเฉาได้ยินแล้วก็ไม่ได้โกรธ กลับตอบด้วยท่าทีสบายๆ “คุณลุงถังครับ คุณลุงล้อเล่นหรือเปล่า ยังไงซะผมก็เป็นคนของราชวงศ์ตระกูลถัง ไม่ไปไหนอยู่แล้วครับ ถึงยังไงคนที่ได้รับมรดกของราชวงศ์ตระกูลถังนี่ผมก็มีส่วน ไม่ใช่หรอครับ?”