“คราวนี้ฉันจะดูว่าไอ้หน้าไหนยังจะกล้ามากล่าวหาว่าสายพระจันทร์ไม่ได้เรื่องอีก ”
เมื่อถังเฉาเห็นว่าถังเชียนเชียนส่งเสริมตัวเองขนาดนี้ เขาก็รู้สึกอบอุ่นใจเล็กน้อย
และในขณะนี้ก็มีคนที่อยู่ข้างหลังของถังเฉากล่าวถึงชื่อที่คุ้นเคย และชื่อดังกล่าวก็คือถังเยว่หวา
“พวกคุณจำคนที่ชื่อถังเยว่หวาได้ไหมว่า? เธอเป็นคนของสายพระจันทร์ แต่ตอนนี้เธอถูกจับตัวไปแล้ว และวันนี้ฉันก็ได้รู้แล้วว่าคนของสายพระจันทร์ทุกคนถนัดแต่ใช้วิธีการที่ต่ำช้าแบบนี้เท่านั้น”
คนส่วนใหญ่ในตระกูลถังไม่ทราบว่าถังเชียวก็คือถังเฉา พวกเขาคิดว่าถังเฉายังคงหลบหนีอยู่ พวกเขาจึงพูดถึงเรื่องนี้อย่างไม่มีความเกรงใจใดๆ และถังเฉาก็บังเอิญได้ยินเข้าพอดี
แม้ว่าถังเฉาจะโกรธมาก แต่เขารู้ดีว่าหากตัวตนที่แท้จริงของเขาถูกเปิดเผยตอนนี้ เรื่องก็จะบานปลายและซับซ้อนมากขึ้น ดังนั้นเขาเลยต้องฝืนใจยับยั้งความโกรธและระงับไฟร้อนในใจไว้
ตอนนี้สมาชิกทั้งหมดในตระกูลถังมีเพียงสี่คนเท่านั้นที่รู้ตัวตนที่แท้จริงของเขา ดังนั้นการที่ถังเฉาจะรับรู้เรื่องที่ก่อนหน้านี้เขาถูกเข้าใจผิดได้อย่างไรจากปากของพวกเขาจึงไม่ได้เป็นเรื่องยากสำหรับเขา
เมื่อสักครู่นี้ถังเชียนเชียนก็ได้ยินคนที่อยู่ข้างหลังเธอพูดถึงน้าถังเยว่หวาในทางไม่ดีเช่นกัน และคาดเดาว่าถังเฉาจะต้องรู้สึกเสียใจแน่ๆ
และอย่างที่เธอคิดไม่มีผิด พวกเขาเพิ่งจะเดินออกมาได้ไม่นาน ถังเฉาก็ถามถังเชียนเชียนใยทันที
ตอนแรกเขาคิดว่าถังเชียนเชียนจะปกปิดอะไรบางอย่าง แต่ไม่คาดคิดว่าประโยคต่อไปนี้จะทำให้ถังเฉาพูดอะไรไม่ออก
“ต้องขอโทษจริงๆ พี่ถังเฉา จริงๆ แล้วฉันเคยได้ยินเรื่องเกี่ยวกับคุณมาบ้างแล้ว”
“แต่ฉันเคยมีบุณได้พบกับน้าถังเยว่เหมยก่อนหน้านี้แล้ว น้าถังเยว่เหมยเล่าให้ฉันฟังว่าน้าถังเยว่หวาไม่ใช่คนร้ายอย่างที่คนอื่นกล่าวหาเธอแน่นอน ดังนั้นฉันจึงเชื่อใจน้าถังเยว่เหมยและเชื่อใจพี่ถังเฉาด้วย
“มิฉะนั้นฉันจะไม่สนใจความคิดเห็นของทุกคน และเข้าร่วมสายพระจันทร์อย่างเฉียบขาดเช่นนี้ได้อย่างไร?”
ถังเฉาไม่ได้พูดอะไร ถังเชียนเชียนจึงเล่าเรื่องเกี่ยวกับชื่อเสียงที่อยู่ในสายตาของทุกคนในตระกูลถังของถังเฉาให้เขาฟังต่อ
ต่อมาถังเฉาจึงตระหนักได้ว่าสถานการณ์ที่อยู่ในตระกูลถังของเขาเป็นอันตรายอย่างมาก
โชคดีที่ถังซานฉ่ายเห็นประโยชน์ใช้งานในตัวถังเฉา จึงยังไม่ได้ลงมือกับถังเฉา มิฉะนั้นถังเฉาต้องเผชิญกับทุกคนในตระกูลถังเพียงลำพัง พูดตามตรงมันไม่ใช่เรื่องง่ายสำหรับเขาเลย
“เอาล่ะถังเชียนเชียนฉันเข้าใจแล้ว ขอบใจสำหรับคำสารภาพของคุณมากนะ และฉันรู้ว่าสิ่งที่คุณเล่ามาเป็นความจริงทั้งหมด แต่ไม่ต้องกังวลหลังจากที่ฉันกลับมาโครงสร้างของตระกูลถังได้เริ่มมีการเปลี่ยนแปลงแล้ว”
ไม่ใช่ว่าถังเชียนเชียนไม่รู้ว่า ถังเฉาเพิ่งจะกลับมาได้ไม่กี่วันก็สามารถทำให้ทั้งในและนอกของตระกูลถังเกิดความวุ่นวายได้ไม่น้อยเลยทีเดียว
และตอนนี้ทุกคนภายนอกยังไม่ทราบว่าถังเชียวกับถังเฉาเป็นคนคนเดียวกัน
ในกรณีที่วันหนึ่งเหตุการณ์นี้แพร่กระจายออกไป ไม่ใช่แค่ทุกคนทั้งภายในและภายนอกของตระกูลถังเท่านั้น แม้แต่ราชวงศ์ต้าเซี่ยก็จะรู้สึกช็อคไปด้วย
หลังจากถังเชียนเชียนเห็นว่าถังเฉายอมรับในตัวเธอ ในใจเธอก็เต็มไปด้วยความสุข เพียงแต่ถังเฉาให้ถังเชียนเชียนกลับไปด้วยประโยคง่ายๆ เพียงไม่กี่คำ
ในขณะเดียวกัน อีกฝั่งที่ไม่ไกลจากนี่นัก ครอบครัวที่ต่างสกุลของตระกูลถังซึ่งก็คือครอบครัวหวางกำลังหารือเกี่ยวกับเรื่องหนึ่งอยู่
ผู้อาวุโสของครอบครัวหวางหลายคนนั่งอยู่ในห้องประชุม มองหน้ากันอย่างเศร้าโศก
“เกิดอะไรขึ้นกันแน่? เหตุใดจู่ๆ ปีนี้ถึงได้มีคนสู้รบเพื่อสายพระจันทร์ได้ สถานการณ์ปัจจุบันของสายพระจันทร์เป็นอย่างไรบ้าง ไอ้เด็กนั่นไม่ทราบหรือไง? ”
หวางหวู่ส่ายหัว
“เป็นไปไม่ได้ว่าเขาจะไม่รู้ ผมดูออกว่าไอ้หมอนี้ไม่ได้ไร้เดียงสาอย่างที่เราคิดหรอก เขาลึกลับกว่าที่เราคิดแน่นอน”
ในฐานะที่หวางหวู่เป็นผู้แข็งแกร่งที่สุดในรุ่นเยาวชนย่อมมีสิทธิ์ที่จะเข้าร่วมการประชุมในครั้งนี้อยู่แล้ว เพราะเขามีความเกี่ยวข้องกับตัวเอกของการประชุมในครั้งนี้
“แสดงว่าไอ้หมอนี้ไม่ใช่ไม่รู้เรื่องเกี่ยวกับสายพระจันทร์ แต่เขาจงใจท้าทายเรากับอีกสามสายที่เหลืองั้นหรือ? ”
หลังจากที่คำพูดดังกล่าวถูกพูดออกมา หวางหวู่ก็หัวเราะเสียงดังขึ้นมา จากนั้นก็พูดเสียงดังโดยไม่เกรงใจผู้อาวุโสที่อยู่รอบๆ เขา
“ อาจเป็นอย่างที่คุณพูดก็ได้ วันนี้ผมถือว่าได้รู้จักถังเชียวคนนี้อย่างจริงๆ จังๆ แล้ว ไม่มีอะไรบนโลกนี้สามารถทำให้เขาหวาดกลัวได้ แต่มันจะทำให้เขากล้าหาญมากขึ้นเรื่อยๆ
“นอกจากนี้เราไม่ควรประมาทความแข็งแกร่งของเขาเด็ดขาด เขาสามารถปะทะสู้รบกับกลุ่มอาวุโสอย่างพวกคุณด้วยซ้ำนับประสาอะไรกับผมล่ะ
ผู้อาวุโสที่อยู่ในเหตุการณ์ทุกคนจะไม่ทราบได้อย่างไรว่าความแข็งแกร่งของถังเฉานั้นประมาทได้ เพราะแม้ว่าหวางหวู่จะพูดอย่างอ่อนน้อมถ่อมตัว แต่เหล่าผู้อาวุโสรู้อยู่แก่ใจว่าความสามารถของหวางหวู่นั้นแข็งแกร่งกว่าคนส่วนใหญ่ในนี้ด้วยซ้ำ
“เราทุกคนเข้าใจดี ดังนั้นเราจึงพยายามในการรับเขามาเป็นลูกศิษย์ให้มากที่สุดเท่าที่เป็นไปได้ แบบนี้ก็จะสามารถหลีกเลี่ยงการเผชิญหน้าที่ไม่จำเป็นได้ ”
“นอกจากนี้แล้ว หากเรานำเรื่องนี้มาใช้กับสายพระจันทร์ ไม่แน่มันอาจจะได้ผลกับเรื่องนี้ก็ได้”
“เขาเป็นคนของสายพระจันทร์ เขาก็ต้องมีความรู้เกี่ยวกับสายพระจันทร์ไม่มากก็น้อยเป็นธรรมดา ถังเยว่เหมยที่อยู่บนภูเขาคนนั้นเป็นปัญหาใหญ่ของเรามาโดยตลอด หากเราสามารถค้นพบเคล็ดลับวิชาการต่อสู้ของสายพระจันทร์ได้ ถึงตอนนั้นการกำจัดเขาทิ้งจะเป็นแค่เรื่องง่ายนิดเดียวเท่านั้น ”
พูดถึงจุดนี้ใบหน้าของทุกคนก็ยิ้มแย้มแจ่มใสขึ้นมาทันที
“สิ่งที่คุณพูดมานั้นสมเหตุสมผลดี หากเราสามารถจัดการกับถังเยว่เหมยได้ แล้วเรายังต้องเครียดกับเรื่องของถังเยว่หวาอีกหรือ? ”
พูดจบกลุ่มคนในตระกูลหวางเหล่านี้ก็หัวเราะเสียงดังด้วยความสะใจ เพราะมีความคิดชั่วร้ายบางอย่างอยู่ในใจของพวกเขา
“ฉันว่าเรื่องนี้ไม่จำเป็นต้องเร่งรีบนักหรอก เพียงแต่การแข่งขันเบื้องต้นจะเริ่มขึ้นในวันพรุ่งนี้แล้ว พอถึงเวลานั้นหวางหวู่นายจะต้องแสดงฝีมืออย่างเต็มที่เพื่อสร้างชื่อเสียงให้กับตระกูลหวางนะ
เมื่อได้ยินเช่นนี้ หวางหวู่ก็หัวเราะเสียงดังและกล่าวว่า
“ คุณลุงครับ คุณกำลังดูถูกผมเหรอครับ? ตั้งแต่ผมมาถึงภายในของตระกูลถัง ยังไม่เห็นมีคนภายในของตระกูลถังคนไหนกล้าที่จะปะทะสู้รบกับผมเลยสักคน ตอนนี้ผมเพียงแค่เล่นกับเด็กไม่กี่คน คุณก็กังวลว่าผมไม่ใช่คู่แข่งของพวกเขาแล้วหรือครับ? ”
หวางหวู่มองหน้าชายชราที่อยู่ตรงหน้าเขาด้วยท่าทางที่ดูถูกเหยียดหยาม ส่วนชายชราเพียงแค่ยิ้มอย่างขี้เล่น
“แต่ท้ายที่สุดนายก็พ่ายแพ้ให้กับคนที่อายุรุ่นราวคราวเดียวกับนายไม่ใช่หรือ ถ้าไอ้หมอนั้นเข้าร่วมการแข่งขันมันจะเป็นผลกระทบต่อนายนะ ”
หลังจากที่ชายชราพูดจบ หวางหวู่ก็พูดออกมาดังๆ ว่า
“ คุณลุงครับ คุณลืมไปแล้วหรือ? คุณแน่ใจว่าความแข็งแรงของผมมีเพียงเล็กน้อยแค่นั้นหรือ ? ”
ในขณะที่พูดนั้น หวางหวู่ก็ชี้นิ้วไปที่ผ้าพันแผลในชีพจรของเขา
เห็นได้ชัดว่าผ้าพันแผลนี้จะต้องมีความหมายพิเศษบางอย่างแน่นอน หลังจากที่ผู้อาวุโสของตระกูลหวางเห็นผ้าพันแผลนี้แล้ว พวกเขาก็ยิ้มอย่างมั่นอกมั่นใจทันที
“ ฉันก็แค่ล้อเล่นกับนายเท่านั้น นายจะจริงจังขนาดนี้ทำไม? ฉันรู้ว่านายสามารถฆ่าพวกเขาได้ในไม่กี่วินาทีหลังจากที่นายปลดผ้าพันแผลนี้ออก ฉันก็แค่เตือนนายว่าอย่างหวาดหวั่นเฉยๆ ”
ทีนี้ความแข็งแรงหวางหวู่ได้รับการยอมรับแล้ว พวกเขาจึงมีความสุขชั่วคราว
หลังจากจบการประชุมแล้ว สมาชิกคนหนึ่งของตระกูลหวางก็มาดึงตัวหวางหวู่ไว้
หวางหวู่หันกลับไปมองอย่างหงุดหงิด แต่วินาทีที่เขาเห็นเขาคนนี้ เขาก็เริ่มมีกิริยาหลบสายตาของคนดังกล่าวทันที
เห็นได้ชัดว่าหวางหวู่หวาดกลัวชายชราคนนี้ “ลูกรักของพ่อ นายอย่ากราดเกรี้ยวนักเลย นายอาจไม่ใช่คู่แข่งของเขาจริงๆ ฉันจะปอกให้รู้ว่าคนของสายพระจันทร์นั้นไม่ธรรมดาจริงๆ ”