เย่ไป๋หัวเราะดังลั่นหลังจากได้ยินคำพูดที่จองหองเช่นนั้น
“ผมไม่เคยเห็นใครที่หยิ่งยโสเท่าคุณมาก่อนจริง ๆ เรื่องที่คุณแพ้พี่ถังเฉานั้นมันไม่ใช่เรื่องบังเอิญ แต่นั่นเป็นเพราะคุณไม่ใช่คู่ต่อสู้ของเขาจริง ๆ และถ้าคุณต้องการที่จะท้าทายผม มันเป็นเรื่องที่เป็นไปไม่ได้”
“ถ้ากล่าวว่าคราวที่แล้วคุณถูกเขาบดขยี้ด้วยไอคิว ส่วนผมอาจจะเป็นคนที่บดขยี้คุณด้วยความแข็งแกร่ง และมันจะทำให้คุณตายทันที”
“แต่ตอนนี้คุณอย่ามาพูดจาไร้สาระผม เพราะคราวหน้าคุณอาจจะต้องตาย และคุณยังต้องออมแรงไว้เพื่อที่จะดื่มด่ำกับชีวิต”
เย่ไป๋ไม่ได้พูดล้อเล่น แต่สิ่งที่เขาพูดคือสิ่งที่เขาคิดอยู่ในใจ เขาไม่รู้สึกกดดันใด ๆ สำหรับการฆ่าโจวหลี่
คนของตระกูลโจวไม่กล้าพูดอะไร พวกเขาแค่ช่วยพยุงโจวหลี่ออกจากที่เกิดเหตุ
เนื่องจากถังเฉาได้จัดการโจวหลี่จนพ่ายแพ้ยับเยิน จึงทำให้เขาได้รับความเคารพชื่นชมจากศิษย์น้องทั้งหมดของตระกูลถัง
“ศิษย์พี่ทรงพลังมาก ผมไม่เคยคิดเลยว่า วันหนึ่งตระกูลถังของพวกเราจะอยู่เหนือตระกูลโจว สามารถทุบตีและเหยียบคนของตระกูลโจวอยู่บนพื้นได้”
“ใช่ เรื่องแบบนี้ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน ตั้งแต่ศิษย์พี่ใหญ่หลับมา ทำให้ตระกูลถังของพวกเรารู้สึกภูมิใจมาก”
ศิษย์น้องตระกูลถังต่างประจบถังเฉา เมื่อมีคนดีใจแล้วก็ย่อมจะมีคนที่เศร้าเสียใจ ดังนั้นคนที่เศร้าเสียใจคนนั้นจะต้องเป็นถังยวนแน่นอน
ถึงแม้ว่าปกติถังยวนมักจะชอบเที่ยวผู้หญิง และไม่ได้ฝึกอย่างจริงจัง แต่เขาก็ยังหวังว่าจะได้รับการยอมรับจากศิษย์น้องของตนเอง ตอนนี้เขาได้ยินว่าถังเฉาได้รับความเคารพชื่นชมจากศิษย์น้องมากมาย และพวกเขาก็ลืมตนเองไปหมดสิ้น ความรู้สึกประเดประดังเข้ามาพร้อมกันอยู่ในใจเขา
“ถังยวนเอ๊ยถังยวน คุณไม่ใช่คนที่ไม่มีความสามารถ เพียงแต่ต้องดูว่าคุณมีความพยายามไหม คุณและผมต่างก็รู้ว่า ถังเชียวก็คือถังเฉา และตอนนี้เขาอยู่ในช่วงรุ่งโรจน์ แต่คุณก็ไม่ได้เปิดโปงเขา แสดงว่าคุณยังมีจิตสำนึกรู้จักผิดชอบชั่วดี”
“ถังเฉาเป็นคนระดับไหน แล้วแม่ของเขาเป็นคนระดับไหน? เขาจะสนใจสถานะที่ไม่โดดเด่นของพวกเราได้อย่างไร?”
“คุณควรพยายามอีกนิด อย่ารอให้ถึงเวลาที่คนอื่นต้องการจะสละตำแหน่งให้คุณ แต่คุณกลับไม่มีความสามารถที่จะรับตำแหน่งนั้น”
อย่างไรเสียถังยวนก็เป็นลูกศิษย์ของโตของถังเย่ ไม่ใช่เพราะความลำเอียง แต่ถังเย่มักจะรู้สึกว่าถังเฉาไม่อยู่ในตระกูลถังตลอดไป และสุดท้าย ตอนที่คัดเลือกผู้นำตระกูลถังก็ยังมีถังยวนอยู่อีกคนหนึ่ง
หลังจากผ่านการทดสอบในช่วงเวลาที่ผ่านมา ถังเย่รู้ว่าถ้าผู้นำตระกูลถังเป็นไร้ประโยชน์ มันจะทำให้เขารู้สึกอึดอัดทรมานมาก เพราะเขาได้ลิ้มรสความหวานของตระกูลถังที่นำโดยถังเฉา ความรู้สึกนี้มันทำให้คนรู้สึกสบายใจ
ถังยวนอารมณ์เดือดพล่านกับสิ่งที่ถังเย่กล่าว เขาก็พยักหน้าและกล่าวเสียงดัง
“วางใจเถอะ อาจารย์ วันหนึ่งผมจะทำให้คุณภูมิใจ แต่อาจต้องใช้เวลาสักระยะ ตอนนี้ผมต้องยอมรับแล้วว่า เด็กคนนี้มีความสามารถกว่าผมจริง ๆ”
ในที่สุดถังยวนก็ยอมรับความจริงนี้ แต่ยังดีที่สุดท้ายเขาก็รู้สึกถึงแรงกดดันจากตำแหน่งของผู้นำตระกูลถัง และไม่คิดว่าตำแหน่งนี้เป็นสิ่งที่เขาจะได้รับตามความประสงค์อีกต่อไป
ลั่วเย่นหัวได้ยินเรื่องถังเฉาอาละวาดในการแข่งขันสมาคมบูโด แม้จะรู้ว่านี่เป็นสิ่งที่ไม่ดี แต่เมื่อรู้ว่าลูกเขยของตนเองมีหน้ามีตาในราชวงศ์ต้าเซี่ย เธอก็รู้สึกมีความสุขมาก
ดังนั้นลั่วเย่นหัวจึงโทรศัพท์เรียกถังเฉามาทันที
หลังจากที่ถังเฉาได้รับคำสั่งจากแม่ยายของตนเองแล้ว เขาก็รีบไปที่ตระกูลลั่วโดยเร็วที่สุด
“คุณเก่งมาก ไม่คิดว่าคุณจะสามารถเอาชนะคนคนนั้นได้ เขาคือโจวหลี่ผู้โด่งดังเชียวนะ!”
จนถึงตอนนี้ลั่วเย่นหัวก็ยังรู้สึกประหลาดใจ แม้ว่าเธอจะรู้ว่าถังเฉามีความสามารถเล็กน้อย แต่เธอไม่เคยรู้เลยว่าที่แท้แล้วถังเฉานั้นทรงพลังมาก
แต่มันก็เป็นความจริง ที่ถ้าไม่ใช่เพราะหนังสือล้ำค่าเล่มนั้น ถังเฉาอยากจะเอาชนะโจวหลี่ก็คงไม่ใช่เรื่องง่าย
“เปล่าครับแม่ยาย ผมแค่โชคดีเท่านั้น อีกอย่างไอ้หมอนั้นเป็นคนอ่อนแออยู่แล้ว”
ขณะที่ถังเฉากล่าวประโยคนี้ สมาชิกทุกคนของตระกูลลั่วต่างมองมาที่เขา เพราะคำพูดเช่นนี้มันหยิ่งยโสมากจนคนส่วนใหญ่พูดไม่ออก
ต้องรู้ว่าโจวหลี่เป็นคนที่มีความสามารถโดดเด่นในราชวงศ์ต้าเซี่ย ถ้าคนเช่นนี้ยังถือว่าอ่อนแอแล้ว ในราชวงศ์ต้าเซี่ยก็ไม่มีคนแข็งแกร่งอีกแล้ว?
ลั่วเย่นหัวรู้ว่าคนรอบข้างกำลังมองถังเฉา จึงรู้สึกโกรธเล็กน้อย และตะโกนใส่คนที่อยู่ด้านข้างด้วยน้ำเสียงที่ดุดัน
“ทำไมพวกคุณถึงได้ใช้น้ำเสียงเช่นนี้ ดูถูกเขาเหรอ? งั้นพวกคุณก็ไปปราบโจวหลี่เอง! เขาสามารถเอาชนะโจวหลี่ได้จริง ๆ พวกคุณแสดงท่าทางเช่นนี้หมายความว่ายังไง?”
หลังจากได้ยินคำพูดของลั่วเย่นหัว ถังเฉามีความรู้สึกอบอุ่นอยู่ในใจ ถึงแม้ว่าเธอจะเป็นแม่ยายของตนเอง แต่เขารู้สึกได้ถึงความรักของแม่ในคนคนนี้
ตามที่คาดการณ์ไว้ หลังจากที่ลั่วเย่นหัวโกรธ ไม่มีใครกล้ามองถังเฉาด้วยท่าทางเช่นนั้นอีก แต่พวกเขาก็ยังไม่อยากเชื่อว่าถังเฉาที่เป็นคนรูปร่างเล็ก จะสามารถเอาชนะโจวหลี่ผู้พลังที่สุดในราชวงศ์ต้าเซี่ยได้
“อย่าฟังพวกเขาคุยโอ้อวด แค่ได้ยินก็รู้แล้วว่าเป็นเรื่องเท็จ”
“คุณคิดว่าตระกูลลั่วของพวกเราไม่ทรงพลังหรือ? คุณเคยเห็นคนของตระกูลลั่วไปหาเรื่องที่ตระกูลโจวไหม? พวกคุณไม่รู้หรือว่าทำไมมันถึงเป็นเช่นนี้?”
“ใช่ ใช่ เขาคือโจวหลี่ยึดครองตำแหน่งอันดับหนึ่งในการต่อสู้มาเป็นเวลานานแล้ว จะบอกว่าแพ้ก็แพ้ได้อย่างไร? คิดว่าน่าจะเพื่อโหนกระแสเล่นเท่านั้น”
ถังเฉาคาดเดาเรื่องแบบนี้ไว้แล้ว เมื่อกล่าวออกมาแล้วมันจะทำให้เกิดข่าวลือซุบซิบทันที นอกจากนี้เขายังรู้ด้วยว่าลั่วเย่นหัวจะโกรธเมื่อได้ยินเรื่องนี้ ดังนั้นเขาจึงไม่ได้พูดอะไร ทำราวกับว่าไม่ได้ยิน
“โอดะไอไม่อยู่ที่นี่เหรอ? ตอนนี้เธออยู่ที่ไหน?”
เมื่อกล่าวถึงเรื่องนี้ ลั่วเย่นหัวเพิ่งนึกขึ้นได้ว่าวันนี้ทั้งวันโอดะไอไม่ได้มาหาตนเอง
“ฉันไม่รู้ เห็นเธอไปทำธุระบางอย่างอยู่ แต่ฉันไม่รู้ว่าเธอไปที่ไหน วันนี้ฉันก็ไม่ได้เจอเธอทั้งวัน ปกติแล้วเธอจะมาคุยกับฉัน”
ในช่วงหลายวันที่ผ่านมา โอดะไอได้พักอยู่ที่ตระกูลลั่วตลอด อย่างไรก็ตามราชวงศ์ต้าเซี่ยก็ไม่มีทางปล่อยให้คนอื่นเข้ามาได้
ขณะถังเฉาพยักหน้า และคิดจะเปลี่ยนไปเยี่ยมโอดะไอวันหลัง แต่โอดะไอก็กลับมาในเวลานี้
“ถังเฉาคุณมาได้อย่างไร? พวกเราไม่ได้เจอกันตั้งนานแล้ว”
เห็นได้ว่าหลังจากที่โอดะไอได้พบกับถังเฉาแล้ว เธอมีความสุขเล็กน้อย และสิ่งที่ถังเฉาให้ความสำคัญนั้นไม่ใช่ตัวโอดะไอ แต่เป็นความลับที่โอดะไอรู้
“คุณโอดะไอ ช่วงหลายวันที่ผ่านมา คุณนึกเบาะแสอะไรออกอีกไหม? ถ้าคุณนึกขึ้นมาได้ รบกวนช่วยบอกผมด้วย”
สีหน้ายิ้มแย้มของโอดะไอเปลี่ยนไปทันที กลายเป็นความรู้สึกละอายเป็นอย่างมาก ในขณะมองไปที่ถังเฉา