“ถังซานฉ่าย ฉันไม่ได้ถือสาที่จะกลับมาเป็นพระอริยมารดรใหญ่ แต่ฉันหวังว่าลูกชายของฉันจะได้เป็นผู้นำตระกูล ฉันเชื่อว่าตอนนี้นายก็รู้ถึงสถานภาพที่แท้จริงของเขาแล้ว ฉันไม่จำเป็นต้องปิดบังซ่อนเร้นนายอีกแล้ว”
ถังเยว่หวาพูดขึ้นอย่างนิ่งๆ
การที่ให้ถังเฉามารับผิดชอบผู้นำตระกูลของตระกูลถัง เป็นเจตนาของถังซานฉ่ายมาโดยตลอด พอได้ยินคำพูดนี้ของพระอริยมารดรใหญ่แล้ว ถังซานฉ่ายก็สีหน้าเต็มไปด้วยความปิติยินดี
“แบบนี้ก็ดีเลยน่ะสิ พลังของถังเฉาเด็กคนนี้แข็งแกร่งมาก ผมหวังว่าเขาจะมาเป็นผู้นำตระกูลตั้งนานแล้ว แต่ก่อนหน้านี้ เขาปฏิเสธผม ตอนนี้คุณพูดขนาดนี้แล้ว เขาก็น่าจะไม่บ่นอะไรแล้วสินะ”
หลังจากที่ถังเฉาได้ฟังประโยคนี้แล้ว ก็ยิ้มอย่างอึดอัด ประสานมือพูดกับถังซานฉ่ายตรงๆ
“คุณลุงถังในเมื่อพูดแบบนี้แล้ว ถ้าอย่างนั้นผมก็ไม่ขอปฏิเสธ ในเมื่อคุณก็หวังว่าผมจะได้เป็นผู้นำตระกูลของตระกูลถังเหมือนกัน ถ้าอย่างนั้นผมก็จะทำตามความคาดหวังของทุกคนก็แล้วกัน”
การที่คนอายุเท่านี้เป็นผู้นำตระกูลถือว่าเป็นครั้งแรกของราชวงศ์ต้าเซี่ย จะต้องได้รับข้อครหาจากผู้คนมากมายแน่นอน แต่ถังซานฉ่ายไม่ได้สนใจ ถึงยังไงสิ่งจำเป็นสำหรับผู้นำตระกูลที่แท้จริงก็คือพลัง
แล้วถังเฉาก็มีพลังแบบนี้ ไม่เพียงแต่แค่อยู่ที่กำปั้นทางด้านการต่อสู้เท่านั้น แต่ไม่ว่าด้านไหนๆ ล้วนแต่แข็งแกร่งกว่าถังซานฉ่ายในทุกๆด้าน
จุดๆนี้ถังซานฉ่ายจำเป็นต้องยอมรับ
“เป็นแบบนี้ ทุกคนก็ล้วนแต่มีความสุขดีใจ ถ้าอย่างนั้นวันนี้พวกเรามาจัดงานรวมกลุ่มกันเถอะ ถึงยังไงทุกคนก็ไม่ได้ดีใจมีความสุขกันมานานมากแล้ว ตอนนี้ความขัดแย้งถูกขจัดคลี่คลายลงแล้ว พวกเราก็ไม่มีความจำเป็นต้องไปคับข้องใจกับเรื่องในอดีตแล้ว”
ถังซานฉ่ายปีนี้อายุมากแล้ว รู้ถึงปัญหาที่เกิดจากความอิจฉาริษยาเมื่อในตอนนั้นแล้ว ทั้งหมดก็เป็นเพราะว่าตัวเองหน่อมแน้มเกินไป ตอนนี้ เขาแค่คิดที่จะชดใช้ให้กับพี่สาวและพี่เขยเท่าที่จะเป็นไปได้
พวกคนรุ่นหลังของตระกูลถังแม้ว่าไม่รู้ว่าสองคนที่อยู่ตรงหน้านี้กลับมาที่ตระกูลถังได้ยังไงกันแน่ แต่ถึงยังไงก็เป็นผู้อาวุโสของตัวเอง พอเห็นถังซานฉ่ายเคารพนับถือทั้งสองคนขนาดนี้ ก็ไม่ได้พูดอะไร กลับกันก็เคารพนับถือทั้งสองคนเช่นเดียวกัน
ตลอดทั้งคืน คนของตระกูลถังร้องรำทำเพลง ดื่มด่ำไปกับความปิติยินดี จนฉุดตัวเองเอาไว้ไม่อยู่
ในตอนนี้ ตรงมุมเล็กๆมุมหนึ่งที่ทุกคนต่างไม่รู้ไม่สนใจ มีหนึ่งคนกำลังมองสอดส่องทุกสิ่งทุกอย่างที่เกิดขึ้น
“พวกแกตระกูลถังกำลังมีความสุขดีใจ พวกแกทำลูกขายของฉันจนสภาพน่าอนาถขนาดนี้ ฉันจะต้องแก้แค้นให้ได้”
คนคนนี้ก็คือโจวฉังเต๋อนั่นเอง
ตั้งแต่ที่โจวหลี่ตายเมื่อครั้งที่แล้ว โจวฉังเต๋อก็ไม่กล้าออกข้างนอกมาโดยตลอด
หนึ่งคือลูกชายของตัวเองฆ่าคนมากมายขนาดนั้น เขากลัวว่าออกไปจะถูกผู้คนมากมายจะพากันชี้หน้าด่าตัวเอง
สองคือแม้ว่าโจวหลี่จะฆ่าคนมากมายขนาดนั้น แต่ไม่ว่ายังไงก็เป็นลูกชายของตัวเอง เขาไม่รู้เลยว่า จริงๆแล้วโจวหลี่ถูกนายพลเฉินฆ่า แล้วเอาความโกรธแค้นไปไว้ที่ตัวของถังเฉา
ตระกูลโจวล่มสลาย แต่ถังเฉากลับมารวมตัวกันกับคนในครอบครัวอย่างมีความสุขแบบนี้ ความโกรธในใจของโจวฉังเต๋อก็จุดประกายขึ้นมาอีกครั้ง
ในเวลานี้ โจวฉังเต๋อกำลังอยู่บนหลังคาจากที่ไกลๆ มองดูตระกูลถังที่อยู่พร้อมหน้าพร้อมตากัน กัดฟันกรอดๆครุ่นคิดถึงแผนการต่อไปของตัวเอง
“นายท่านโจว เรื่องนี้อาจจะไม่ได้สำเร็จอย่างง่ายดายขนาดนั้นหรอกนะครับ ผมว่า สู้ไปพาพวกกองกำลังของญี่ปุ่นกลับมาก่อนดีกว่า ถึงตอนนั้นพวกเราค่อยสู้กับพวกมันก็ยังไม่สายนะครับ”
ใกล้ๆ มีชายแก่คนหนึ่งกำลังพูดกระซิบอยู่ข้างๆโจวฉังเต๋อ
ส่วนตัวของโจวฉังเต๋อเองก็รู้ดี ว่าการที่จะแสวงหารวบรวมกองกำลังผู้มีความสามารถในราชวงศ์ต้าเซี่ยเป็นเรื่องที่เป็นไปไม่ได้
ถ้าอยากจะทำแบบนี้ มีแค่ต้องไปขอยืมมือจากญี่ปุ่นเท่านั้น
แต่หลังจากที่โจวฉังเต๋อได้ฟังคำพูดนี้แล้ว ก็ตบโต๊ะอย่างแรงหนึ่งที สีหน้าเผยให้เห็นถึงอารมณ์โกรธ
“นายพูดมาแบบนี้ ฉันก็นึกขึ้นมาได้ ว่าองค์ชายทั้งสองของญี่ปุ่นนั่นก็ตบๆก้นแล้วก็จากไปแบบนี้ ไม่สนอะไรทั้งนั้น ฉันจะให้พวกมันหนีไปแบบนี้ไม่ได้ ฉันจะต้องเอาคืน”
ตั้งแต่ที่องค์ชายทั้งสองถูกถังเฉาจัดการ ก็คิดที่จะมาหาโจวหลี่เพื่อที่จะช่วยตัวเองล้างแค้น แต่กลับคิดไม่ถึงว่าโจวหลี่จะตายบนถนนอย่างน่าอนาถเนื่องจากถูกกระบี่ภูตกัดกิน ตอนนี้พวกเขาราชวงศ์ต้าเซี่ยก็ไม่มีกองกำลังเหลือแล้ว ก็เลยคิดที่จะกลับไปที่ญี่ปุ่น
พอโจวฉังเต๋อพูดถึงตรงนี้ จู่ๆสีหน้าก็เผยให้เห็นถึงรอยยิ้มชั่วร้าย
“ตระกูลโจวของฉันจะให้องค์ชายแบบพวกแกทั้งสองคนมายุแหย่ด้วยได้อย่างนั้นเหรอ ต่อให้พวกแกมายุแหย่ฉัน ก็ไม่มีทางให้พวกแกหนีไปได้ง่ายๆแบบนี้แน่นอน”
“พ่อบ้าน วันนี้นายไปบริการอาหารเครื่องดื่มให้อย่างดีเลยนะ นายน่าจะเข้าใจความหมายของฉันใช่ไหม”
จากนั้นโจวฉังเต๋อก็หยิบยาขวดหนึ่งออกมาจากแขนเสื้อของตัวเอง ยื่นให้กับพ่อบ้านที่อยู่ข้างๆ
หลังจากที่พ่อบ้านเห็นยาขวดนี้แล้ว สีหน้าก็เผยให้เห็นถึงรอยยิ้มร้ายกาจเจ้าเล่ห์ ดูเหมือนว่าจะเข้าใจความหมายของโจวฉังเต๋อแล้ว
“ความเศร้าโศกเสียใจจนแทบขาดใจตาย ฉันจะดูซิว่าพวกแกกินสิ่งนี้เข้าไปแล้ว ยังจะสามารถมาแหกปากร้องตะโกนอะไรกับฉันได้อีก”
ตอนที่ถึงช่วงเวลากลางคืน โจวฉังเต๋อก็เชิญองค์ชายทั้งสองที่หลบซ่อนอยู่ภายในห้องใต้ดินขึ้นมาทานข้าว องค์ชายทั้งสองไม่ได้กินอาหารที่มากมายขนาดนี้มาหลายวันแล้ว พอเห็นอาหารบนโต๊ะ ก็อ้าปากกินคำใหญ่คำโตทันที
“เป็นยังไงบ้าง โจวฉังเต๋อ ปัญหาครั้งนี้ผ่านไปแล้วยัง น่าจะไม่มีอุปสรรคใหญ่อะไรแล้วสินะ?”
โจวฉังเต๋อหัวเราะเหอะๆมององค์ชายทั้งสอง ก่อนจะพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงประจบประแจง
“ไม่เป็นไรแล้วล่ะ ดีที่องค์ชายทั้งสองให้คำแนะนำ ไม่อย่างนั้นถ้าผมไปก่อเรื่องที่ราชวงศ์ต้าเซี่ย พวกตระกูลโจวอาจจะถูกราชวงศ์จัดการไปแล้วก็ได้”
ตอนนั้นโจวฉังเต๋อคิดอยากที่จะไปยังราชวงศ์แยกแยะผิดถูกสักหน่อย แต่กลับถูกองค์ชายทั้งสองห้ามเอาไว้ก่อน ไม่ว่ายังไงถ้าเรื่องพวกนี้พังทลายขึ้นมา องค์ชายทั้งสองก็จะเดือดร้อนไปด้วย ก็เลยห้ามโจวฉังเต๋อไว้
เนื่องจากฝีมือขององค์ชายทั้งสองเก่งกาจมาก ทั้งตระกูลโจวก็เลยไม่มีใครกล้าไปเทียบได้ โจวฉังเต๋อก็ทำได้แค่ฟังรับพวกเขา ไม่ไปที่ราชวงศ์
แม้ว่าตอนหลังจะรู้ว่าสิ่งที่องค์ชายทั้งสองพูดจะมีเหตุมีผล แต่โจวฉังเต๋อรู้ถึงการตายของลูกชายตัวเองเป็นอย่างดี ก็เพราะว่าการยั่วยุขององค์ชายทั้งสอง ดังนั้นก่อนที่ถังเฉาจะแก้แค้น เขาจะต้องให้องค์ชายทั้งสองชดใช้ให้ได้
พูดจบองค์ชายทั้งสองก็ไม่ได้สนใจโจวฉังเต๋ออีก ก้มหน้ากินอาหารบนโต๊ะไปจนหมดเกลี้ยง
ขณะที่กินอยู่ จู่ๆมูโตะที่อยู่ข้างๆก็กุมท้องของตัวเอง
“เสด็จพี่ รู้สึกไหมว่าร่างกายเริ่มไม่ค่อยสบาย?”
อาจจะเป็นเพราะว่าร่างกายของมิยาโมโตะค่อนข้างแข็งแรง ก็เลยไม่ได้ตอบสนองกลับมาเร็วขนาดนั้น มองมูโตะด้วยสีหน้าไม่เข้าใจ
“จะรู้สึกไม่สบายได้ยังไง? ไม่บ่อยนักที่จะได้กินอาหารที่ดีขนาดนี้ เพราะว่าไม่ได้กินเนื้อมานาน ร่างกายก็เลยปรับตัวไม่ค่อยได้มากกว่ามั้ง”
พูดจบมิยาโมโตะก็ไม่ลืมที่จะพูดแซวมูโตะที่อยู่ข้างๆ แต่จากนั้นเขาก็รู้สึกเช่นเดียวกัน ว่าในท้องเกิดความปั่นป่วน
“ดูเหมือนร่างกายจะรู้สึกไม่สบายนิดหน่อย”
หลังจากที่มิยาโมโตะพูดประโยคนี้ออกมา จู่ๆองค์ชายทั้งสองก็ตระหนักได้ถึงอะไรบางอย่าง มองไปยังโจวฉังเต๋อพร้อมกันโดยไม่ได้นัดหมาย