“เอาละ พวกคุณว่ากันไปเองนะ ผมจะไปเดิน ๆ ดูหน่อย”
เฉินเหมิ่งมองดูตาเฒ่าสองคนนั้นอย่างเหยียด ๆ ไม่มีอารมณ์จะคุยด้วยต่อไป
เดินออกจากไปอย่างรวดเร็ว และห้ามลูกน้องทั้งหมดไม่ให้ติดตามไปด้วย
องครักษ์หลายคนนั้นชะงักก้าว นึกลังเลว่าจะตามไปหรือไม่
ตาเฒ่าน้อยหัวเราะเยือก ๆ “เอาละ เขารู้สถานะพวกคุณแล้ว พวกคุณตามเขาไป ก็ไม่มีความหมายอะไร แต่ถ้าเกิดเขาบันดาลโทสะขึ้นมา เขาอาจจะฆ่าพวกคุณทิ้งได้”
พวกองครักษ์เหล่านั้นดูไม่เหมือนจะใช่คนของนายพลเฉิน น่าจะเป็นคนที่ตาเฒ่าน้อยวางไว้เป็นหูเป็นตามากกว่า
“พวกคุณคิดว่าเขาโง่จริง ๆ หรือ ถึงขนาดจะไม่รู้เรื่องอะไรเลย?”
ตาเฒ่าน้อยพูดกับพวกองครักษ์พวกนั้นเสร็จ หมุนตัวกลับจากออกไป
……
เวลานี้ที่บ้านตระกูลถัง
กำลังเตรียมการงานประลองยุทธในวันพรุ่งนี้ ถังเยว่หวาและถังเหยียนทั้งสองคนดูเหมือนจะมีความเห็นต่างกันอยู่ในเรื่องนี้
“จัดคนซุ่มไว้ให้คอยระวังป้องกันถังเฉา มิฉะนั้นแล้ว หากเกิดมีใครดักโจมตีทำร้ายถังเฉาโดยกะทันหัน จะเกิดเรื่องไปกันใหญ่”
ณ ขณะนี้ ทุกคนในราชวงศ์ต้าเซี่ย โดยทั่วไปล้วนแล้วแต่จะรู้ถึงฐานะที่แท้จริงของถังเฉาแล้ว
เพียงแต่ทุกคนต่างเก็บงำไว้ไม่พูดถึง เกี่ยวกับครั้งที่แล้วที่คนกลุ่มนั้นจะมาจัดการกับถังเฉา ถังเหยียนก็ยังจำได้อยู่อย่างละเอียด
ถังเฉายิ้ม ๆ “คุณพ่อคุณแม่ พวกคุณวางใจได้เลย พวกเขาไม่มีปัญญาทำอะไรผมได้หรอก ขอเพียงพวกมันกล้าลงมือ ผมก็จะให้พวกมันรู้จักคำว่าเสียใจ”
ถังเฉาก่อนหน้านี้ ก็มีความมั่นใจอยู่มากแล้ว ยิ่งมาตอนนี้ก้าวขึ้นไปอีกขั้นแล้ว ความมั่นใจยิ่งมากขึ้นไปอีก
ผมงฝ่ายถังเยว่หวากับถังเหยียนยังไม่รู้เรื่องว่าพลังฝีมือที่แท้ของถังเฉาได้มีการเปลี่ยนไปอย่างพลิกฟ้าพลิกแผ่นดิน
คิดเพียงว่าถังเฉายังอ่อนเดียงสามากเกินไป ไม่รู้ถึงความแกร่งกล้าของพวกคนเหล่านี้
“คุณลูกชาย คุณยังไม่รู้นะว่าพวกเขาแข็งกล้าขนาดไหน ให้แม้พ่อเองก็ยังรู้สึกมีหวั่นอยู่บ้าง แล้วจะอะไรกับระดับแค่อย่างคุณ”
“ทุกอย่างต้องใช้ความระมัดระวังไว้ให้เป็นที่สุดนะ”
ถังเฉาไม่พูดอะไร ได้เพียงแต่ยิ้ม ถึงยังไงถังเยว่หวาก็ห่วงใยเขาอยู่
“วางใจเถอะครับ คุณแม่ ผมจะระวังตัวแน่นอนครับ”
ขณะนั้นเองก็มีใครคนหนึ่งคนเดินเผมมาจากผมงนอก
ถังเหยียนให้รู้สึกว่ามีพลังที่แข็งแกร่งมากกระแสหนึ่ง รีบหันหน้าไปในฉับพลัน สายตามองไปที่นอกประตูอย่างเตรียมพร้อม
คนผู้นี้ก็คือเฉินเหมิ่ง
เขาเดินมายืนอยู่ตรงผมงหน้าถังเฉา พูดว่า
“น่าเสียดายจริง ๆ ต้นกล้าไม้ที่แสนดีนี้ พรุ่งนี้ต้องไปพบกับคู่แข่งแบบนั้น ถ้าผมเป็นคุณละก้อ จะไม่ลงแข่งขันในครั้งนี้อย่างเด็ดขาด เพราะการแข่งขันในครั้งนี้คุณต้องตายอย่างไม่ต้องสงสัย!”
แววตาถังเหยียนเยือกขึ้นวูบ มองหน้าเฉินเหมิ่ง พูดเรียบ ๆ ว่า “ไม่ทราบท่านนายพลหมายถึงอะไร ใครกันหรือที่จะลงแข่งขัน ถึงทำให้คุณพูดออกมาได้แบบนี้?”
เฉินเหมิ่งแค่นหัวเราะชืด ๆ ส่ายหน้าแล้วพูด
“มือมัจุราชของพวกเราที่นี่คุณไม่เคยได้ยินกันหรือ?ทอดสายตามองไปทั่วราชวงศ์เซี่ย แม้ผมถูกเรียกว่านายพล แต่คนที่ใจทมิฬสุดโหด มันไม่ใช่ผมนะ”
ถังเหยียนได้ฟังก็รู้ดีแล้วว่าคนที่เฉินเหมิ่งพูดนั้นเป็นใคร
“ที่คุณพูดนั้น คือโอวหยางเจี้ยนเฟิงหรือ?”
ถังเหยียนถามด้วยสีหน้าที่ไม่อยากจะเชื่อ
เฉินเหมิ่งเพียงผงกหัวเนิบ ๆ พูดว่า
“ครั้งนี้รู้สึกว่าทางฝ่ายราชวงศ์คิดโหดมากตั้งใจจะเอาชีวิตลูกชายของคุณ ฉะนั้นจึงได้ส่งโอวหยางเจี้ยนเฟิงมา”
“เกี่ยวกับคนคนนี้ คุณน่าจะต้องรู้จักดีมากกว่าผมอีก ถ้าจะว่าไปถึงเขาก็ไม่ได้เก่งกาจอะไรมาก เพียงแต่ว่าจิตใจสุดเหี้ยมอำมหิต ใครเห็นเผมก็กลัว”
ฟังมาถึงที่นี่ ถังเหยียนให้คิดถึงเรื่องราวเมื่อหลายปีก่อน
ในปีนั้นขณะที่ถังเหยียนกำลังหนี ก็ได้พบเจอคนผู้นี้
คนผู้นี้จิตใจโหดเหี้ยมอำมหิต เพียงถ้าได้ลงมือ ก็จะต้องทำให้ถึงตาย ถึงไม่ได้ทำให้คู่ต่อสู้ถึงตาย ก็ต้องทำให้เป้าหมายต้องรับความเจ็บปวดแสนสาหัสเป็นค่าชดเชย
และคนผู้นี้ก็คือโอวหยางเจี้ยนเฟิง มือฆ่าที่คนทุกคนหวาดกลัว
“ทำไมราชวงศ์จึงได้ไม่ลดละที่จะส่งสุดยอดฝีมือระดับนี้มา เพื่อจะฆ่าลูกชายผมให้ได้หนอ?”
ภายในดวงตาถังเหยียนพลุ่งพล่านด้วยแววฆ่า พูดด้วยเสียงทุ้มลึก
“ถังเหยียน เรื่องนี้คงหนีไม่พ้นที่จะเกี่ยวกับตัวคุณ สรุปด้วยที่ตัวคุณถูกฝ่ายราชวงศ์คว่ำบาตร ทุกคนในราชวงศ์ต่างมีอคติกับคุณตลอดมา ลูกของคุณจึงได้ผลกระทบเป็นแน่นอน”
พูดถึงเรื่องนี้ ถังเหยียนมองถังเยว่หวาที่อยู่ผมง ๆ ท่าทางให้รู้สึกหดหู่เสียใจ
“ก็ต้องโทษตัวผมเอง ถ้าไม่ใช่เพราะผม ลูกของเราก็ไม่ต้องมารับเคราะห์กรรมอันตรายนี้ ครั้งนี้ ก็ขอให้ผมไปแก้ไขปัญหาเรื่องนี้เองเถอะ”
ถังเหยียนออกอาการเคร่งขรึมหนักแน่น ภายในตายังซ่อนแววความสิ้นหวังอยู่ด้วย
ถังเฉาได้แต่เพียงยิ้มเรียบ ๆ “คุณพ่อ เรื่องไม่รุนแรงไปถึงขนาดนั้นหรอก”
“ไอ้ใครไหนที่เรียกโอวหยางเจี้ยนเฟิงคนนั้น เขากล้ามา ก็ให้มาเถอะ”
ว้าว!
พูดคำนี้ออกมา ถังเยว่หวากับถังเหยียนต่างมีสีหน้าแสดงออกถึงความไม่อยากเชื่อ
ความน่ากลัวของโอวหยางเจี้ยนเฟิง พวกเขาต่างได้รู้เห็นมาอย่างลึกซึ้งแล้ว ถังเฉากลับไม่เห็นใส่ใจเอาเลย
ฤๅด้วยคนรู้จริงจึงไม่มีกลัว หรือว่ามีพื้นฐานที่มั่นอยู่แก่ใจ
เฉินเหมิ่งหัวเราะลั่นขึ้นมา “เรื่องเหล่านี้จะคิดอ่านแก้ไขยังไง ก็ต้องดูที่พวกคุณกันเอง ผมเพียงแต่มาบอกข่าวเคุณั้น”
ถังเหยียนหรี่ทำตาหยีลง ทำไมยิ่งใหญ่ถึงระดับนายพล จะต้องมาเปิดเผยข่าวแบบนี้ให้เราด้วย?
“ท่านนายพลเฉิน ทำไมคุณถึงได้เล่าเรื่องเหล่านี้ของภายในราชวงศ์ให้พวกเรารู้ นี่ไม่เท่ากับว่าคุณทรยศต่อราชวงศ์หรือ?”
เฉินเหมิ่งหัวเราะด้วยเสียงอันดังอีก “ดูคุณพูดเผม อะไรกันที่เรียกว่าทรยศต่อราชวงศ์?”
“ผมนี้แต่ไหนแต่ไรมามีสิทธิ์ในทางเลือกของตัวเอง เลือกจะฆ่าใคร เลือกจะไม่ฆ่าใคร ล้วนไม่เกี่ยวข้องกับราชวงศ์ ผมจะช่วยใครคนไหน ก็ไม่ใช่เรื่องของราชวงศ์”
“ที่ผมช่วยลูกชายคุณ ก็เพียงแต่ว่าผมค่อนผมงจะชมชอบในพรสวรรค์ของลูกของคุณ ถึงแม้ว่าตอนนี้พลังแท้จริงของเขายังคงแค่พื้นฐานทั่ว ๆ ไป แต่เขาก็เป็นคนที่สร้างสรรค์ได้นะ คุณน่าจะสอนพื้นฐานการป้องกันตัวให้เขาไว้บ้าง”
อันที่จริงเฉินเหมิ่งรู้ตื้นลึกในพลังของถังเหยียนดี จึงได้เสนอให้ถังเหยียนสอนวิทยายุทธให้ถังเฉา
แลเมื่อถังเหยียนคิดมาถึงจุดนี้ ก็ได้นึกขึ้นได้ในฉับพลัน สรุปจากเท่าที่ตัวเองรู้มา พลังฝีมือของตัวเขาเองต้องดีกว่าลูกชายเขาอย่างแน่นอน และความเก่งกาจที่ต่างกันนั้นก็ไม่ใช่แค่เพียงเฉียดกันเล็กน้อย
“คุณลูกชาย ในเมื่อมีพูดกันแบบนี้ งั้นบ่ายวันนี้ผมจะสอนคุณ ดูสอนได้เท่าไหร่ก็เป็นเท่าไหร่เคุณั้นแล้วกัน”
ถังเฉาหัวเราะออกมาหน้าแห้ง ๆ
เขาในปัจจุบันมีพลังแท้ ๆ ไปไกลเกินกว่าถังเหยียนถึงไหนแล้ว เพียงแต่ยังไม่อยากที่จะพูดออกมาเคุณั้น