ถังเหยียนคิดไม่ถึงว่าพฤติกรรมของตัวเองถูกถังเยว่หวาเห็นได้ ยิ้มเขิน ๆ หันไปดูการแข่งขันต่อ
บนเวทีประลองในขณะนั้น
จูกัวชิงหลงตาลุกโพลงด้วยรู้สึกเหลือเชื่อ ดึงสติกลับมาไม่ได้ในทันทีนั้น
ตัวเขาเองยังไม่อยากเชื่อ ถังเฉาหลบพ้นการจู่โจมของเขาไปได้จริง ๆ
“เป็นไปไม่ได้ เมื่อกี้นี้ก็ไม่ได้เปิดให้มีช่องว่างเลยชัด ๆ ทำไมมันหลบพ้นไปได้?อีกยังเห็นได้ว่ามันไม่ได้ออกแรงอะไรมากมายเลย…….”
คนดูบนอัฒจันทร์ก็ยังมองเผมใจว่าจูกัวชิงหลงแกล้งเปิดช่องว่างให้ คิดจะเย้าหยอกถังเฉาเหมือนที่ทำกับถังโจ่
แต่ตัวจูกัวชิงหลงเองรู้ดีชัดเจน เพราะงานนี้เป็นธุรกิจแลกเปลี่ยน ตัวเขาเองจะทำเป็นเล่นไม่ได้เด็ดขาด
“เป็นไรไปถึงซัดไม่ถูกตัวผมหละ?งงแล้วสิ นั่นเป็นเพราะไอ้ที่ว่าเป็นพลังจริงของคุณนั่น กับผมแล้วมันไม่พอมือหรอก!”
ถังเฉาพูดเยาะเย้ยออกไปเปรย ๆ
เห็นถังเฉาพูดสบายอารมณ์แบบนั้น ทำเอาจูกัวชิงหลงยิ่งรู้สึกไม่อยากเชื่อ
แต่ก็คงยังพูดไปอย่างเห็นเป็นเรื่องบังเอิญ “ฮึ ไอ้เด็กน้อย แค่หลบไปได้ทีเดียว ก็คิดว่าผมสู้แกไม่ได้เลยหรือ?”
“แกหลบไปได้ครั้งหนึ่ง จะหลบได้อีกเป็นครั้งที่สองมั้ย?”
ได้ยินดังนั้น ถังเฉาหลุดปากหัวเราะ เขาจู่ ๆ เอ่ยถาม “แกถูกเบื้องบนสั่งให้มาฆ่าผมใช่ไหม?”
พูดพลาง สายตาของเขามองไปที่ตาเฒ่าน้อยบนอัฒจันทร์
ในชั่วพริบตาเมื่อสักครู่ เขาได้สังเกตเห็น ตาเฒ่าน้อยกับจูกัวชิงหลงมีการส่งสายตาสื่อสารกัน
ถังเฉาก็เดาได้เลยตอนนั้นว่าจูกัวชิงหลงก็คือนักฆ่าที่ตาเฒ่าน้อยส่งมา เป้าหมายคือให้มาฆ่าเขา
จูกัวชิงหลงก็ไม่เห็นมีอะไรต้องชี้แจงมาก เพียงยิ้มแล้วพูดไป
“ไม่ผิด แกนี่ยังจัดว่าฉลาดนะ ผมคือมือฆ่าจากคลังมือเพชฌฆาต รู้ว่าผมเป็นมือฆ่าจากคลังมือเพชฌฆาตแล้วยังกล้าทำโอหังอีกหรือ?”
ชั่วขณะที่จูกัวชิงหลงกำลังพูดสารภาพ ถังเฉาก็หัวเราะขึ้นมา
“จะฆ่าผม ก็ต้องทำใจเตรียมพร้อมที่จะต้องถูกฆ่าด้วยนะ”
“ฮา ๆ ๆ ๆ………..”
จูกัวชิงหลงได้ยินคำที่พูด ก็หัวเราะลั่นขึ้นมาบ้าง
คนยังไม่รู้ก็ไม่รู้จักกลัว ยังไม่เคยเห็นความน่ากลัวของคลังมือเพชฌฆาต ปากพล่ามไปคงเป็นเรื่องธรรมดา
“คุณเด็กน้อย แกรู้ไหมว่าคนในคลังมือเพชฌฆาตของพวกผมทำไมมักจะมีการต่อสู้กันเอง?”
“ก็เพราะพวกผมดูถูกคนนอกอย่างพวกคุณอย่างที่สุด พลังฝีมือพวกผมนั้นเกินกว่าพวกแกจะคิดได้ อย่างแกนี่ไม่มีให้รู้สึกกดดันผมเลยแม้สักนิด!”
“ใช่หรือ?”
ถังเฉาหัวเราะเย้ย “เรื่องคุยโอ่ใครก็พูดเป็น แต่คุณจะมีฝีมืออย่างที่คุยโอ่อยู่บ้างไหม?”
“บังอาจ!”
จูกัวชิงหลงโกรธจัด จู่โจมเผมใส่ถังเฉาอีก
ถังเฉาคำนวณพลังฝีมือจูกัวชิงหลงไว้ได้แล้วอย่างแม่นยำ ปรับลดพลังฝีมือของตนลงไปหน่อยหนึ่ง หลังจากนั้นจึงเผมประมือด้วยกับจูกัวชิงหลง
ทั้งสองต่อสู้กันจนคนดูตาลาย มันเหมือนเป็นงานมหกรรมแสงสี พลังทั้งสองกระแสกระทบกระแทกกันกลางอากาศ แตกระเบิดเป็นสะเก็ดกระจายเหมือนคลื่นน้ำกระเซ็น
“โอว้าว นี่สิคือการห้ำหั่นต่อสู้กันจริง ๆ คิดไม่ถึงเลยว่าคุณหนุ่มน้อยตระกูลถังคนนี้จะเก่งกาจถึงเพียงนี้ ยังโจมตีโต้ใส่ได้อย่างหนักหน่วงขนาดนี้”
“ผมก็ว่าแล้ว ครั้งก่อนคุณคนตระกูลถังคนนี้รับมือกับโจวหลี่ได้ก็ต้องไม่ใช่ธรรมดา”
ก็มาเมื่อครู่ก่อนนี้ ถังเฉายังถูกมองไม่ขึ้น
แต่พอได้เห็นถังเฉาสู้กับจูกัวชิงหลงได้อย่างสูสี แต่ละคนเลยหันมาชื่นชมถังเฉา
เพราะเมื่อเปรียบเทียบกันเผม จูกัวชิงหลงก็ดูเหมือนไม่ได้อยู่ในขั้นเทพตามที่ต่างคนต่างเคยมโนไว้
“เอ้าเป็นไง คุณจูกัวชิงหลง ไหนว่าจะสังหารผมไง?ทำไมมันนานจัง ป่านนี้ยังแตะไม่โดนตัวผมแม้แต่ทีเดียวเลย?”
ถังเฉาหัวเราะเยือก ๆ
จูกัวชิงหลงสีหน้าอึมครึมดูน่ากลัว
เดิมคิดว่าจะสามารถเผด็จศึกได้อย่างง่ายดาย กลับคิดไม่ถึงเลยว่าถังเฉาจะสามารถหลบพ้นเงื้อมมือเขาไปได้ทุกครั้ง อีกยังจู่โจมกลับมาก็หลายที ทำเอาเขากลับรู้สึกจะต้านรับไม่อยู่
ก็แน่นอนอยู่ที่ถังเฉาได้คำนวณแล้วถึงพลังฝีมือที่แท้จริงของจูกัวชิงหลง จึงตั้งใจออมฝีมือตัวเองลงให้ดูเหมือนว่าอยู่ในระดับพอ ๆ กันกับจูกัวชิงหลงที่ประจันหน้าอยู่ เพื่อทรมานจูกัวชิงหลง
“ใช่รู้สึกลำบากมากมั้ย ที่เหมือนกำลังต่อสู้กับตัวเอง?”
“ผมจะบอกคุณนะ ผมเพียงยังออมพลังฝีมือไว้ไม่ได้ใช้ออกมาทั้งหมดนะ แกล้งปรับพลังฝีมือจริงของผมลงให้อยู่ในระดับสูสีกับคุณ เพื่อจะให้การต่อสู้ของพวกเราได้ทำให้คนดูสะใจในอารมณ์”
จูกัวชิงหลงฝืนทนกับความอ่อนล้าที่มือ หัวเราะออกมา มองหน้าถังเฉาพูดไปว่า
“แกคงไม่ได้คิดว่าผมได้ทุ่มพลังฝีมือของผมลงไปหมดแล้วนะ จะบอกให้ ยังอีกไกล”
พูดพลาง จูกัวชิงหลงฝืนเพิ่มพลังฝ่าขีดระดับที่สุดของตัวเองขึ้นไป
ระดมพลังทั้งหมดเท่าที่มีมาที่ฝ่ามือ แต่ที่น่าเจ็บใจก็คือ ถังเฉาก็รู้สึกถึงความเปลี่ยนแปลงในพลังของเขา และปรับพลังตามขึ้นไปอีก
ทั้งคู่ก็ยังต่อสู้พัวพันกันต่อไป จูกัวชิงหลงก็ได้รู้สึกว่าแม้ตัวเองเพิ่มพลังของตัวเองขึ้นไปแล้ว ก็ยังคงต้องสู้อยู่กับถังเฉาคนนี้ในพลังฝีมือที่สูสีทัดเทียมกัน
“มันเป็นอย่างนี้ได้ยังไงกัน?หรือจะเป็นอย่างที่เขาพูด เขาตั้งใจแกล้งออมกำลังตัวเองให้ตามอยู่สูสีกับเรา?ถ้าเป็นตามนั้นพลังฝีมือเขาต้องเหนือกว่าเราไปอีกไม่น้อยกว่าสองเท่าเลยนะ จึงจะทำได้เหนือชั้นขนาดนี้”
“อีกทั้งการที่คิดจะปรับระดับพลังฝีมือตัวเอง นั่นต้องมีจุดตันเถียนศูนย์รวมพลังที่เสถียรนิ่งอย่างเหลือเชื่อทีเดียว แล้วคุณเด็กโกโรโกโสคนนี้เป็นใครที่ไหนหนอ จึงสามารถมีฝีมือได้ถึงขั้นนี้?”
แน่นอนว่าจูกัวชิงหลงไม่กล้าพูดเป็นเสียงออกไป คำพูดแบบนี้ต้องมีไว้ค่อย ๆ เตือนตัวเองเคุณั้น และแน่นอนว่าเขาก็พูดไม่ออก เพราะขณะนี้เขารู้สึกอ่อนล้าจนสุดจะทนได้แล้ว ประมาณได้ว่าถ้าเขาอ้าปาก เขาก็คงต้องล้มลงไปกองอยู่กับพื้นเป็นแน่