บทที่ 81 ผู้หญิงคนนี้บ้าไปแล้วใช่ไหม
เฟิงเฉินโบกรถแท็กซี่คันหนึ่งที่หน้าโรงแรม
“จะไปไหน?” โชเฟอร์หนุ่มตะโกนถามขึ้น
ทันใดนั้นเฟิงเฉินคิ้วผูกติดกันเป็นโบว์ เขาตัวนิ่งแข็งอยู่อย่างนั้น “รอเดี๋ยว”
เขาเอ่ย พร้อมเขี่ยนิ้วไปมาบนหน้าจอโทรศัพท์
บนหน้าจอเป็นข้อความจากหลัวแมนจี รูปภาพสองใบ เป็นภาพแสงแฟตช์จากบาร์แห่งหนึ่ง ที่ถูกกลุ่มผู้คนห้อมล้อมเอาไว้ตรงกลาง พร้อมกับภรรยาของเขาที่นั่งอยู่บนโต๊ะ ซึ่งเห็นได้ชัดว่าเธอดื่มไปมากโข
ส่วนผู้ชายที่นั่งอยู่ข้างๆเธอ เป็นผู้ชายที่ประมูลตราประทับไปด้วยราคาอันสูงลิ่วที่งานประมูลในวันนั้นเขากดตัวเลขติดต่อหาเธอ ปลายสายกลับแล่นผ่านมาด้วยเสียงหวาน
“คุณชายเฟิง? ทำไมถึงได้โทรมาดึกดื่นป่านนี้ล่ะคะ?”
“เลิกพร่ำได้แล้ว รูปถ่ายมันหมายความว่ายังไง? ลั่วมั่นล่ะ”
“นางหญิงเฟิงเหรอ ฉันก็ไม่แน่ใจเหมือนกันวันนี้ผู้ช่วยฉันไปเที่ยวที่บาร์ ก็เลยถ่ายรูปมาให้ฉันดู พอฉันกดเข้าไปดู รู้สึกว่าผู้หญิงตรงกลางหน้าคุ้นๆก็เลยส่งให้นาย เป็นนางหญิงเฟิงจริงเหรอ?”
เฟิงเฉินไม่อยากเสียเวลากับเธอไปมากกว่านี้ จึงโพลงออกไปอย่างไม่พูดพร่ำทำเพลง
“บาร์ไหน?”
“โพลาริสบาร์ไง ที่นั่นมั่วมากเลยนะ…..เลขาบอก ที่นั่นขึ้นชื่อเรื่องเลี้ยงหนุ่มหล่อเอาไว้บำเรอพวกสาวๆด้วยนะ เธอทำเกินไปหน่อยแล้ว กล้าไปในที่แบบนั้นลับหลังนายได้ยังไงกัน”
ไม่ทันที่ปลายสายพูดจบประโยคดี เฟิงเฉินตัดสายทิ้งเสียก่อน พลางควักธนบัตรออกมา พร้อมพุ่งเข้าไปที่โชเฟอร์
“โพลาริสบาร์ ด่วนเลย”
ผู้หญิงคนนี้บ้าไปแล้วใช่ไหม? ในโทรศัพท์บอกว่าจะกลับบ้าน แต่กลับปิดบังเขาไปแสวงสุขในที่แบบนั้นเสียได้
เสียงเพลงดังสนั่นภายในบาร์ ความวุ่นวายในโลกภายนอกไม่สามารถส่งผ่านเข้ามาได้เลย
ลั่วมั่นจับจ้องไปที่สายเรียกเข้าหลายสิบสายด้วยความเบื่อหน่าย เธอตัดสายทิ้งไปอย่างไม่แยแส
“คุณลั่ว ดื่มมากไปแล้ว”
เสียงของพ่อบ้านที่อยู่ตรงข้ามแล่นผ่านมาตามสาย
ลั่วมั่นตอกกลับไปด้วยประโยค
“เขาบอกว่าขอแค่ฉันมีความสุขก็พอไม่ใช่เหรอ? ตอนนี้นอกจากดื่มเหล้าเหมือนว่าไม่มีอะไรที่จะทำให้ฉันมีความสุขขึ้นมาได้”
พ่อบ้านถอนหายใจเฮือกใหญ่ ได้แต่ปล่อยให้เธอทำตามอำเภอใจ พลางโบกมือให้กับคนที่มีทีท่าเหมือนผู้ช่วย “หาคนที่มีไหวพริบไปสแตนบายที่โรงแรมที เตรียมซุปกับยาแก้เมาไว้ด้วย”
“คุณชายบอกว่าคุณลั่วเป็นคนดื้อด้าน เธอแต่งงานด้วยความวู่วามท้ายที่สุดต้องเป็นฝ่ายเสียเปรียบ สุดท้ายกลับเป็นแบบนั้นจริงๆ”
“ลับหลังพูดถึงฉันเสียหาย ตอนแรกที่ฉันโทรบอกเขาว่าฉันจะแต่งงาน เขากลับตัดสายฉันทิ้ง ส่งการ์ดให้เขา เขาก็ไม่มา ฉันคิดว่าเขาจะไม่สนใจฉันอีกแล้วซะอีก”
“หลายปีมานี้งานค่อนข้างเยอะ อันที่จริงคุณชายเองเป็นห่วงคุณอยู่เสมอ ตอนนั้นเขาแค่ประชดคุณเท่านั้น”
“หากเป็นห่วงฉันจริงๆ ก็กลับมาหาฉันสิ คุยกับฉัน ส่งของพวกนี้มา ฉันไม่ต้องการหลอกนะ”
ลั่วมั่นเหลือบมองกล่องสี่เหลี่ยมที่อยู่ข้างๆ พร้อมกระดกแอลกอฮอล์เข้าปาก ด้วยความเจ็บปวดที่สุมอยู่กลางอก
หลังแต่งงานเธอไม่สามารถเข้ากับเพื่อนได้อีกเลย
เหลือเพียงเพื่อนสนิทเพียงคนเดียวเจี่ยงเหวินเหวินที่เธอไปเรียนที่มอสโกเมื่อสามที่ก่อน อุตส่าห์ได้ติดต่อกันครั้งนึง แต่กลับขั้นกลางด้วยเวลา แถมความสัมพันธ์กับเฟิงเฉินก็ไม่ราบรื่นอีก เกรงว่าตัวเธอจะไม่สามารถตอบคำถามเหล่านี้ได้ จึงเริ่มห่างเหินกับเพื่อนไป
เสียงที่ไม่ดังมากนักส่งผ่านมายังฟลอร์เต้นรำ จมอยู่ภายใต้เสียงเพลงอึกทึกที่ดังกึกก้องไปทั่ว
ไม่สามารถดึงดูดความสนใจของคนทางนี้ได้เลย ก่อนที่เสียงหนึ่งจะระเบิดดังขึ้นเหนือศีรษะ ลั่วมั่นถึงได้หลุดออกจากภวังค์ จับจ้องเฟิงเฉินที่ยืนอยู่ตรงหน้าเธอนิ่ง ด้วยทีท่าเงียบสงบ
“ลั่วมั่น ทางที่ดีเธอควรจะให้เหตุผลที่สมเหตุสมผลกับผม”
เฟิงเฉินมีสีหน้าดำทะมึน กวาดสายตาไปรอบโต๊ะที่มีเค้กและกล่องของขวัญวางอยู่ ด้วยหน้าเขียวปั้ด
ลั่วมั่นดึงสติกลับมา นิ้วเรียวของเธอกำแก้วแอลกอฮอล์แน่น เมื่อนึกถึงภาพเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นที่หน้าโรงแรม หญิงสาวกลับนิ่งสงบลงอย่างเย็นชา
“ไม่มีอะไรต้องอธิบาย คุณไปเล่นสนุกของคุณ ส่วนฉันก็เล่นสนุกของฉัน ยุติธรรมดีใช่ไหมคุณเฟิง”
“เล่นสนุกงั้นเหรอ?”น้ำเสียงของเฟิงเฉินทุ้มต่ำ พร้อมจับแขนของลั่วมั่นเอาไว้ด้วยความหยาบกระด้าง ก่อนผลักให้เธอล้มตัวลงนั่งที่โซฟา
“กลับไปกับผม ผมจะทำให้คุณรู้ถึงผลกระทบของการเล่นสนุกแบบนี้!”