บทที่ 181 ขอบคุณที่ไม่ทิ้งผมตลอดสามปีมานี้
เฟิงเฉินมีงานเลี้ยงช่วงดึก เลยกลับมาค่อนข้างมืด
ทีแรกกลัวว่าจะเสียงดังรบกวนลั่วมั่น เขาจึงเข้าไปที่ห้องทำงานแทน ไม่ทันที่จะได้นั่งลง ลั่วมั่นก็เคาะประตูเข้ามา เธอยังไม่เข้านอนงั้นเหรอ
“ทำไมถึงไม่กลับไปนอนที่ห้อง” เธอเอ่ยถาม
เฟิวเฉินหัวเราะออกมา “ผมคิดว่าเธอนอนแล้ว กลัวว่าจะเสียงดังรบกวนเธอ”
“ไม่เป็นไร กลับไปนอนที่ห้องเถอะ จะทานอะไรหน่อยไหม ฉันจะให้แม่บ้านหลีทำน้ำซุปให้”
“อืม”
หลังจากที่เฟิงเฉินอาบน้ำเสร็จ ห้องนอนอบอวลไปด้วยกลิ่นอายของความชุลมุนที่หอมกรุ่นนับพันไมล์ ช่างหอมเสียจริง ทีแรกที่ไม่หิว กลับท้องร้องขึ้นมา เขาดื่มจนเกลี้ยงอย่างรวดเร็ว
ลั่วมั่นนั่งอยู่อีกด้านจ้องมองเขาอย่างว่าง่าย แต่ใจกลับไม่อยู่กับตัวชัดเจน
เฟิงเฉินวางถ้วยลงหลังจากที่ดื่มน้ำซุปจนหมด ถึงได้เอ่ยถามขึ้น “มีอะไรจะพูดกับผมไหม?”
นิ่งเงียบอยู่นาน ลั่วมั่นสูดหายใจเข้าลึก
“ไม่มีนี่”
จบประโยค เธอเก็บถ้วยลงไปยังชั้นล่าง เมื่อกลับขึ้นมาก็เห็นเฟิงเฉินแปรงฟันอยู่ในห้องน้ำ เสียงสะบัดแปรงดังไปลอยเข้ามา เธอจับจ้องเงาร่างขุ่นมัวไม่ชัดเจนอยู่นาน ยังไงซะเธอก็พูดไม่ออกประโยคที่ขอความช่วยเหลือจากเขา
1500ล้าน ไม่ใช่น้อยๆ เลย
ไม่นานนัก เฟิงเฉินออกมาจากการแปรงฟัน คลานขึ้นไปบนเตียง โอบเธอเอาไว้ในอ้อมกอด “หลับหรือยัง?”
ไม่มีเสียงตอบรับจากเธอ เพียงแค่หดอยู่ในอ้อมอกของเขาอย่างว่าง่าย
นอนไม่หลับ แต่ก็ไม่อยากพูดอะไรทั้งนั้น
เฟิงเฉินฝากจุมพิตเอาไว้ที่หน้าผากมน ด้วยความอ่อนโยน “เรื่องของบริษัทลั่วซื่อไม่ต้องกังวลไปหรอก รอโครงการในมือผมเสร็จสิ้น จะมีเงินจำนวนหนึ่งเอาไว้หมุนก่อน ไม่ต้องกังวลไป”
เขารู้อยู่แล้ว และตัดสินใจช่วยเหลืออยู่แล้ว
ลั่วมั่นหยักหน้ารับในอ้อมกอดของเขา พร้อมเอ่ยเสียงอู้อี้ “ขอบคุณนะคะ เฟิงเฉิน”
“ผมต่างหากที่ต้องขอบคุณคุณ”
“หืม?”
“ขอบคุณที่ตลอดสามปีมานี้คุณไม่ทิ้งผม อยู่ข้างกายผมมาตลอด”
รอยจูบของเขาค่อยๆ เลื่อนต่ำลง เจลอาบน้ำผสมกับกลิ่นแอลกอฮอล์ที่ตกค้างแผดเผาบนร่างกายของเธอ กระแสไฟฟ้าไหลผ่านซ้ำแล้วซ้ำเล่า เธอร้องครางด้วยน้ำเสียงที่แหบพร่า ตัวสั่นเทาไปทั่วร่างเพื่อตอบสนองเขา เม็ดเหงื่อที่ผสมผสานเข้าด้วยกัน เวลาผ่านไปนาน ร่างกายเต็มไปด้วยรอยช้ำจนแยกไม่ออก
จันทร์ทราภายนอกที่สาดเทเข้ามา ส่องสว่างเรือนร่างของชายและหญิง
ในท้องฟ้ายามค่ำคืนอันเงียบสงบ จันทร์ทราเต็มดวงส่องสว่างไปทั่วเมือง
สถานบันเทิงยามค่ำคืนใจกลางเมืองที่รุ่งเรืองที่สุดเพิ่งจะเริ่มต้นขึ้นอย่างเป็นทางการ เวลาเที่ยงคืน ผู้คนพลุกพร่านในไนท์คลับ ภายในห้องที่ปาร์ตี้สนุกสนาน ฝาขวดถูกเปิดออกอย่างต่อเนื่อง
“แมนจี ไม่ใช่ว่าฉันไม่บอกเธอว่าคืนนี้มีปาร์ตี้ แต่คนเยอะมากพออยู่แล้ว เธอไม่ชอบไปมาหาสู่กับคนพวกนั้นไม่ใช่หรือ เธอเข้าไปตอนนี้คงไม่เหมาะสม…..”
บนทางเดิน เงาร่างทั้งสองฉุดกระชาก ชายหนุ่มทีท่าออกสาวไล่ตามหลังของหลัวแมนจีไป เหมือนกับว่าต้องการรั้งเธอเอาไว้
“อะไรคือการที่ฉันเข้าไปจะไม่เหมาะสม?” หลัวแมนจีโมโหจนสั่นเทาไปทั่วร่าง
“เป็นนักแสดงของเธอเหมือนกัน เมื่อฉันไม่เป็นที่นิยมแล้วเธอก็เขี่ยฉันทิ้งเหมือนกับรองเท้าปล่อยให้ฉันอยู่กับหมูอ้วนหูกางพวกนั้นหรือ? ใช่ เจี่ยนเสว่เธอสาวกว่าฉัน แต่แกอย่าลืมสิ หลายปีก่อนหน้านี้ เป็นฉันที่ทำให้แกมีชื่อเสียงในวงการนี้ เจสัน เป็นคนจนลืมรากเหง้าของตัวเองสิ”
“ใช่ เธอพูดถูก แต่มีความหมายว่าแบบนี้หรือเปล่า คุณลู่กลับประเทศเพื่อเจรจาธุรกิจ ไม่เหมือนกับคนที่เธอเคยพบเจอก่อนหน้านี้ เฮ้อ แมนจี…..”
เจสันรั้งเธอเอาไว้ไม่ได้ หลัวแมนจีผลักประตูออก เหยียบบนรองเท้าส้นสูง 12 ซม. ย่ำเดินอย่างโอ่อ่า “อ้าว สาวๆ อยู่กันครบเลยนี่?”
ในห้องเกิดเสียงวิพากษ์วิจารณ์ กลุ่มนกกระจิบและนกนางแอ่นบนโซฟาหนังแท้ทั้งอ้วนและผอม พร้อมกับข้างกายที่มีชายหนุ่มฐานะไม่ธรรมดาขนาบข้าง เหล่าหญิงสาวอายุเพียงยี่สิบต้นๆ เป็นนางเอกหน้าใหม่ที่เจสันเพิ่งปั้นขึ้นมา