บทที่ 169 เธอไม่แคร์ฉันเลยจริงๆ
เฟิงเฉินยังคงพูดต่อไป
“ถ้าจำไม่ผิด หลังจากที่เวินน๋อนไปต่างประเทศได้ไม่นาน เธอกับฉันอยู่ที่งานเลี้ยงด้วยกัน งานเลี้ยงอำลาเจี่ยงเหวินเหวิน เพื่อนสนิทของเธอ”
ทันทีที่ได้ยินประโยคนี้ หัวของลั่วมั่นก็เหมือนกับระเบิด มันขาวโพลนไปหมด ร่างกายเริ่มสั่นเทาจนไม่สามารถควบคุมได้
เขารู้แล้ว
“เธอรู้ไหม พูดชายในคืนนั้นคือใคร”
ลั่วมั่นหน้าซีด เธอผลักเขาพลางตวาด “ฉันไม่รู้ นายหยุดพูดซะที”
ท่ามกลางเสียงที่วุ่นวายและเต็มไปด้วยความยุ่งเหยิง เมื่อพูดถึงความทรมานนั่นอีกครั้ง ขอบเขตของความรู้สึกก็แทบจะพังทลาย ประโยคง่ายๆอย่าง ‘คือฉันเอง’ เติมเต็มช่องว่างทั้งหมด ดึงเธอออกมาจากขอบหน้าผา
“นายพูดอะไร” เธอมองเขาอย่างหวั่นๆ มือที่ปิดหูยังคงปิดอยู่อย่างนั้น
เฟิงเฉินมองไปที่เธอด้วยสายตาที่อบอุ่นราวกับน้ำร้อนที่เดือดในอุณหภูมิที่เหมาะสม พลางจับมือข้างซ้ายของเธอออกจากหู
“ฉันพูดว่า ผู้ชายในคืนเมื่อสามปีก่อนคือฉันเอง”
ไม่มีคำอธิบายใดเพิ่มเติม เพียงแต่ย้ำว่าคนๆนั้นคือเขาเอง
ร่างที่สั่นเทาของลั่วมั่นค่อยๆสงบลง เธอจ้องมองชายตรงหน้าอยู่พักใหญ่ หลังจากแน่ใจว่าเขาไม่ได้ล้อเล่นกับเธอ จู่ๆน้ำตาก็ไหลออกมาพรั่งพรู เธอโผเข้าไปในอ้อมกอดของเขา
“ฮือๆ….”
เสียงร้องไห้ดังก้องไปทั่วห้อง ถึงจะเสียใจแต่ก็กลับมีความสุข เธอรู้สึกโกรธ แต่ในขณะเดียวกันก็รู้สึกราวกับชีวิตที่เพิ่งรอดจากหายนะ
ที่เสื้อเชิ้ตของเฟิงเฉินถูกเช็ดไปด้วยน้ำมูกและน้ำตา หลังจากที่ร้องไห้อยู่พักใหญ่ ความสุขของเธอก็กลายเป็นคนโกรธ เธอทุบเขาอย่างแรง
“ทำไมถึงเป็นนาย ทั้งที่เป็นนาย แล้วทำไมนายไม่บอกให้เร็วกว่านี้”
เฟิงเฉินไม่ได้หลบและปล่อยให้เธอกระหน่ำกำปั้นอยู่อย่างนั้น “ความผิดฉันเอง ฉันน่าจะเช็คให้เร็วกว่านี้ น่าจะอธิบายให้เคลียร์กว่านี้ ไม่ปล่อยให้เข้าใจเป็นมานานถึงสามปี”
ตลอดสามปีที่ผ่านมา เพราะความผิดพลาดของเรื่องนี้ ทำให้เขาและเธอทรมานซึ่งกันและกัน
เมื่อได้ยินน้ำเสียงที่เสียใจของเขา ลั่วมั่นก็สงบลงพลางสูดลมหายใจ “ช่างเถอะ มันเกิดเรื่องอะไรกันแน่ นายบอกกับฉันว่า เช้าในวันนั้นตอนที่ฉันตื่นมา ไม่มีใครอยู่กับฉัน”
มีเพียงรอยแดงบนผ้าปูที่นอน และรอยฟกช้ำบนร่างกายของเธอที่เตือนเธอว่าทุกอย่างในคืนก่อนหน้านี้คือเรื่องจริง
เฟิงเฉินเล่าเรื่องที่เข้าห้องผิดในคืนนั้น เขาตื่นขึ้นมาในตอนเช้าและถูกทิ้งเอาไว้ ซึ่งเขาไม่ได้ปิดบังว่าเรื่องนี้เกี่ยวข้องกับเวินน๋อน
“พวกเขา? ลั่วมั่นสีหน้าอึมครึม “ตอนที่อยู่ที่หลงฮูซาน ฉันถูกลักพาตัว”
เฟิงเฉินพยักหน้า
ก็เป็นเพราะพวกเขาเช่นกัน
“พวกเขาบ้าไปแล้วเหรอ” ลั่วมั่นกำหมัดแน่น ตาที่แดงก่ำจากการร้องไห้เมื่อครู่นี้กลายเป็นสายตาที่เยือกเย็น “กลับไปประเทศเมื่อไหร่ ฉันจะเอาผู้หญิงคนนี้เข้าคุก เธอบ้าไปแล้วจริงๆ”
“มั่นมั่น ตอนนี้เธอยังทำอะไรเขาไม่ได้”
เฟิงเฉินขมวดคิ้วด้วยสีหน้าจริงจัง
“ทำไม” ลั่วมั่นมองไปที่เขาอย่างสงสัย “นายแคร์งั้นเหรอ”
เมื่อได้ยินเช่นนั้น สายตาของเฟิงเฉินเผยให้เห็นความไม่พอใจ เขาจับที่ท้ายทอยของเธอพลางดึงเธอมาตรงหน้าและประกบริมฝีปากของเธอเข้าอย่างจัง ก่อนจะพูดขึ้น
“ในเวลาแบบนี้เธอยังจะถามคำถามนี้กับฉัน เธอไม่แคร์ฉันเลยจริงๆ”
สมองของลั่วมั่นว่างปากจากจูบของเขา เธอไม่สามารถคิดอะไรได้อีก ได้เพียงแต่มองใบหน้าที่แดงก่ำของเขา
“เฟิงเซิ่งมีส่วนเกี่ยวข้องกับเรื่องนี้ ถ้าแม่รู้เขาคงจะไม่ยอมง่ายๆ อีกทั้งยังมีปัญหากับพ่ออีก ตอนนี้ที่บ้านมีเรื่องมากพอแล้ว สองสามปีมานี้ ทั้งสองคนทะเลาะกันเรื่องเฟิงเซิ่งหลายต่อหลายครั้ง พวกเขารับไม่ไหวแล้ว”