บทที่ 180 แกจะให้อภัยพ่อได้ไหม
“คุณพ่อ เมื่อกี้ท่าน” ลั่วมั่นก้าวไปข้างหน้า หยิบขวดยาขึ้นมา ด้านบนกำกับด้วยยาแก้ปวด
“ไม่เป็นไร เป็นมาตั้งนานแล้ว” บิดาลั่วปิดประตูลง ก่อนที่จะนวดขมับ “อย่าบอกแม่ของแกนะ เธอขี้ตกใจ หากเธอรู้ต้องร้องห่มร้องไห้ไม่หยุดแน่”
“อาการไมเกรนของท่านคงเกิดจากเรื่องงานที่บริษัทสินะ หนูว่าพ่อวางมือให้พี่ชายจัดการเถอะ หรือเพื่อให้ท่านสบายใจ หนูจะกลับมาช่วยพ่อเองเป็นไง”
“ไม่เป็นไรหลอก” บิดาลั่วปฏิเสธอย่างเด็ดขาด “ที่บริษัทวุ่นวายมาก อายุฉันก็มากแล้ว ไม่เหมือนกับบริษัทH.Y.ที่ยังมีเฟิงเฉินค่อยปกป้องแก แกอยู่ตรงนั้นดีแล้ว ฉันสบายใจ”
ลั่วมั่นไร้หนทาง รู้สึกว่าตนอกตัญญู
คุณพ่อของเธอมีอาการปวดหัวมาโดยตลอด เมื่อต้นปีท่านบอกว่าท่านหายแล้ว แต่จากเหตุการณ์ในตอนนี้ คงพูดไปเพียงเพื่อปลอบใจคุณแม่เท่านั้น แต่แท้ที่จริงอาการกลับหนักขึ้นต่างหาก
“มั่นมั่น มานี่ นั่งสิ”
บิดาลั่วตบลงที่โซฟา เพื่อให้เธอนั่งลง “ไม่ได้พูดคุยกับแกมาตั้งนานแล้ว แกกลับมาคราวก่อน ที่บ้านวุ่นวายไปหมด ขายขี้หน้าแกกับเฟิงเฉินจริงๆ เลยใช่ไหมล่ะ?”
“พูดอะไรกัน?” ลั่วมั่นเดินเข้าไป นั่งลงกับโซฟาตัวตรงข้ามกับบิดาของเธอ “หนูกับเฟิงเฉินเป็นสามีภรรยากัน เกิดเรื่องอะไรขึ้นก็ต้องเผชิญหน้าด้วยกันอยู่แล้ว มีอะไรน่าขายหน้ากัน ไม่ใช่ท่านกับคุณแม่เป็นอะไรสักหน่อย ก็แค่…..”
เมื่อนึกถึงตรงนี้ญาติพี่น้องก็เป็นคนใกล้ชิดของคุณพ่อด้วย ลั่วมั่นจึงไม่พูดอะไรอีก “ช่างเถอะ พ่อ เราเลิกพูดอะไรที่ทำให้ไม่มีความสุขอยู่เลย ให้หนูเล่นหมากรุกเป็นเพื่อนสักตาดีไหม?”
“อืม ก็ดีเหมือนกัน”
เมื่อบิดาลั่วเห็นเธอโอบอุ้มกระดานหมากรุกเองไว้ เขารู้สึกใจหายนิดหน่อย
ลูกสาวเขาโตขนาดนี้แล้วหรือ
“ใช่สิ พ่อ แม่บอกว่าเมื่อเช้านี้ท่านได้รับสายอะไรบางอย่าง หลังจากนั้นก็นิ่งไปเลย เป็นอะไรคะ? ใครโทรหาท่าน?”
ลั่วมั่นเอ่ยถามเสียงเรียบ ไม่ทันได้สังเกตขณะที่ตนเอ่ยถามออกไป พ่อของตนสั่นเทาไปทั่วร่าง ใบหน้าขาวซีด
สายโทรศัพท์เมื่อเช้านี้…..
หากไม่ใช่สายนั้น สามปีมานี้เขาเกือบลืมมันไปแล้ว บริษัทลั่วซื่อยังอยู่ภายใต้การควบคุมของคนคนหนึ่ง เพียงแค่คนคนนั้นประโยคเดียว บริษัทลั่วซื่อก็จะหายไปเพียงค่ำคืน
“พ่อคะ คิดอะไรอยู่ ตาท่านแล้ว”
น้ำเสียงสดใสของลั่วมั่นดึงให้บิดาหลุดออกจากภวังค์ เขาเผยรอยยิ้มอย่างขมขื่น ก่อนที่จะวางหมากสีขาวลง
“ฮ่า พ่อ ท่านถดถอยลงไปมากนะ ตรงนี้จะเป็นของหนูหมดเลย”
ลั่วมั่นหยิบหมากสีขาวด้วยความดีอกดีใจ
ตั้งแต่เด็กเธอไม่เคยชนะเลยสักครั้ง อย่าว่าแต่ชนะเลย จะกินหมากได้ยังยากลำบาก โดยปกติแล้วเธอจะแพ้ทันทีที่เริ่มเดินเกม
“มั่นมั่น”
“อืม?”
“หากสักวันที่พ่อทำอะไรที่ผิดต่อแก แกอย่าโทษพ่อเลยนะ”
ลั่วมั่นนิ่งไป หยุดเดินหมากในมือ แหงนหน้าขึ้นอย่างประหลาดใจ “พ่อ หมายความว่ายังไง?”
“บริษัทลั่วซื่อมีประวัติศาสตร์มากว่าร้อยปี ไม่ว่าจะด้วยวิธีไหน ฉันก็ต้องทำให้มันก้าวเดินต่อไป หากมีตรงไหนที่ทำให้แกลำบากใจ มั่นมั่น แกจะให้อภัยพ่อได้ไหม?”
ลั่วมั่นไม่เข้าใจ เธอคาดเดาว่าบริษัทลั่วซื่อต้องเกิดปัญหาขึ้นอีกแล้วเป็นแน่ ต้องการให้เธอขอความช่วยเหลือจากเฟิงเฉิน แต่สามปีมานี้ไม่ใช่เพียงครั้งสองครั้งแล้ว
“บริษัทเป็นอะไร?” เธอเอ่ยถาม
บิดาลั่วขมวดคิ้วแน่น “ครั้งก่อนที่ฉันบอกแกว่ามีสินค้าจำนวนหนึ่งต้องผ่านศุลกากรและทั้งหมดถูกรวบแล้ว เราทำธุรกิจเกี่ยวกับอาหารทะเลสด เวลาคือเงินทอง ช่วงนี้ สัตว์ทะเลพวกนั้นตายหมดเลย ลูกค้าต้องการเงินชดเชย ตัวเลขนั้นมากเกินไป…..”
เขาเอ่ย พลางถอนหายใจยาว