บทที่ 178 ผมชอบทั้งหมดที่เป็นเธอ
คราวนี้ยิ่งนึกถึงยิ่งรู้สึกถึงความเหนื่อยยากที่ผ่านมา เธอปล่อยโฮออกมาฉาดใหญ่อย่างหักห้ามไม่ได้
น้ำตาที่แตกพราก ลั่วมั่นยกแขนยกขาเช็ดน้ำตาอย่างพัลวัน แต่ก็ยังไม่ยอมหันหน้ากลับมา
เฟิงเฉินขมวดคิ้วแน่น ด้วยความไม่เข้าใจ เขาไม่คิดว่าคำปลอบใจของตนจะนำมาซึ่งน้ำตาที่เอ่อราวกับเขื่อนแตก ดังนั้นเขาจึงประคองศีรษะของหญิงสาว บังคับให้เธอหันหน้ากลับมามองตนเอง พร้อมกับออดอ้อน
“พอได้แล้วผมแค่ล้อคุณเล่น คุณไม่ต้องไปจริงๆ คุณแม่ตกลงแล้วว่าจะให้ผมจัดการเรื่องนี้เอง หลังจากนี้คุณก็อยู่ที่นี่แหละ ไม่ต้องไปไหนทั้งนั้น”
“ล้อเล่นหรือไง” ลั่วมั่นปล่อยโฮพลางขัดคำ “ให้คำมั่นต่อหน้าคนมากมายขนาดนั้นแล้ว บอกไม่ไปแล้วก็ไม่ต้องไปอย่างนั้นเหรอ คุณล้อเล่นหรือไง?”
เฟิงเฉินเอ่ยด้วยน้ำเสียงจริงจัง ที่ไม่เชื่อไม่ได้
“หากผมจำไม่ผิด คุณแม่บอกว่าคุณไม่เหมาะที่จะเป็นผู้อำนวยการฝ่ายขาย ถ้างั้นก็ต้องลำบากคุณ ย้ายแผนกเริ่มต้นใหม่ซะแล้ว ตามคำแนะนำของคุณ เราจะเลื่อนตำแหน่งให้เล่อสวี้เป็นผู้อำนวยการ เป็นไง?”
ลั่วมั่นนิ่งไป ชะงักร่ำไห้ จับจ้องเฟิงเฉินนิ่งอยู่นาน “คุณพูดจริงหรือ?”
“บอกหยุดร้องก็หยุดเลยทันทีเหรอ!” เฟิงเฉินเผยปฏิกิริยาที่น่าทึ่ง
“เมื่อกี้คุณตั้งใจเพื่อให้ผมปลอบใจใช่ไหม?”
“ใครร้องขอให้คุณปลอบใจกัน?” ลั่วมั่นหยิกชายหนุ่มเข้าเต็มแรง พร้อมปฏิเสธ “ฉันแบกความเสี่ยงหน้าเลอะเครื่องสำอางเพื่อขอคำปลอบใจ นอกเสียจากว่าสมองฉันจะมีปัญหาเท่านั้นแหละ”
เฟิงเฉินร้องเสียงหลง กับความเจ็บปวดที่ถูกหยิก จนประสาทสัมผัสบนใบหน้าจับตัวเป็นก้อน
ลั่วมั่นหน้าแดงกับอาการเกินจริงของเขา ทันใดนั้นร่างกายไร้การควบคุม หากหยิกเขา เขาจะร้องจนกว่าคนข้างนอกจะได้ยิน หากไม่หยิก เธอก็รู้สึกไม่สบายใจ
ระหว่างที่ลั่วมั่นตกอยู่ในภวังค์ เฟิงเฉินยกยิ้มมุมปาก เผยรอยยิ้มที่ชั่วร้าย เขากอดเธอเอาไว้ในอ้อมอก พร้อมเอ่ยด้วยน้ำเสียงอ่อนโยนจนสามารถละลายได้
“มั่นมั่น อันที่จริงไม่ว่าคุณจะเป็นแบบไหนก็ดูดีทั้งนั้นแหละ จะร้องไห้จนเครื่องสำอางเลอะหน้าผมก็ชอบ ผมชอบทั้งหมดที่เป็นเธอ”
เมื่อได้ยินประโยค ลั่วมั่นใบหูร้อนผ่าว พร้อมบ่นพึมพำ
“ตอนนี้คุณพูดจาแบบนี้เป็นตั้งแต่เมื่อไหร่ ไปลอกเลียนแบบมาจากใคร? กวนเส้าหยู้งั้นเหรอ?”
ในบรรดาเพื่อนฝูงของเฟิงเฉิน เธอจำได้เพียงเพลย์บอยกวนเส้าหยู้เท่านั้น เขาพูดจาหว่านเสน่ห์สาวๆ ให้ตกหลุมพรางเก่งมากเลยทีเดียว
“แบบไหนกัน?” เฟิงเฉินตั้งใจโยกไปมา เธอกอดรอบลำคอของเขาเอาไว้อย่างตกใจ ด้วยความกลัวว่าจะตกจากเก้าอี้ ก่อนที่จะกล่าวอย่างถือโทษ “เฟิงเฉินเลิกเล่นได้แล้ว”
“ใครเล่นกัน?” เฟิงเฉินขบเม้มใบหูของเธอเบาๆ ลมหายใจร้อนผ่าววนรอบใบหู “ตอนที่คุณแม่ท่านไป เธอรู้ไหมว่าผมรับปากอะไรกับท่าน?”
“อะไร?”
“ผมรับปากท่าน ก่อนฤดูใบไม้ผลิปีหน้า ท่านจะได้อุ้มหลานชาย”
เมื่อได้ยินประโยค ลั่วมั่นแหงนหน้าขึ้นทันที ใบหน้าแดงก่ำราวลูกตำลึง พร้อมตะโกนอย่างโมโห “คุณพูดบ้าอะไร ตอนนี้เดือนกรกฎาเข้าไปแล้ว จะทันได้ยังไงกัน?”
ตอนนี้เดือนที่เจ็ดแล้ว ต้องคลอดเด็กออกมาก่อนฤดูใบไม้ผลิปีหน้า ถ้างั้นก็ต้องตั้งท้องในสองสามเดือนนี้ จะมีเรื่องบังเอิญขนาดนั้นได้ยังไง?
แถมยังต้องเป็นหลานชายอีกต่างหาก จะไปรับประกันได้จากที่ไหนว่าครรภ์แรกจะเป็นผู้ชาย?
เฟิงเฉินได้ใจเมื่อเห็นทีท่าเขินอายของเธอ เริ่มไร้ความสงบนิ่งขึ้นทุกที มือข้างหนึ่งล้วงเข้าไปใต้กระโปรงของเธอ คลำหาเส้นขอบ พร้อมเอ่ยอย่างอบอุ่น
“เพราะงั้นตอนนี้เราต้องรักษาเวลาเอาไว้ให้ดี”
“อ๊า…..” ลั่วมั่นอุทานด้วยความตกใจ แก้มแดงราวกับพระอาทิตย์ตกดินไปจนถึงลำคอ “ปล่อยฉันนะ คุณ…..คุณขี้โกง