ประธานเฟิง ฉันไม่รักนายอีกแล้ว – ตอนที่ 194

ตอนที่ 194

แต่บางเรื่องเราก็ไม่มีไฟล์แล้วเหมือนกัน

บทที่ 193 พวกเขากล้าลงมือกับเธอได้ยังไง?

“คุณโอเคไหม?”

ในสถานีตำรวจ เล่อสวี้มองไปที่บาดแผลบนหน้าผากของลั่วมั่น และถามด้วยความประหลาดใจ “พวกเขากล้าลงมือกับเธอได้ยังไง?”

“ไม่ใช่” ลั่วมั่นแตะหน้าผากของตัวเอง และพูดด้วยเสียงเย็นชา “เป็นแก๊งผู้หญิงในห้องกักขัง ไม่ต้องสนใจ พวกเธออาการแย่กว่าฉันมาก”

เล่อสวี้ขมวดคิ้ว “เรื่องนี้ต้องมีลับลมคมใน ตอนนี้บริษัทยังคงปิดบังเรื่องนี้อยู่ แต่เธอแน่ใจหรือว่าจะไม่บอกที่บ้านสามี”

“อย่าเด็ดขาด” ลั่วมั่นรีบปฏิเสธ “ถ้าแม่สามีรู้เข้า แม้ว่าจะออกไปได้แล้ว ฉันคงลำบากกว่าการอยู่ที่นี่แน่”

“แล้วต้องการให้ฉันทำยังไง?” เล่อสวี้เดินตรงเข้าไป

“อืม” ลั่วมั่นพยักหน้า “สิ่งแรกคือต้องหาวิธีตามหาช่างซ่อมที่จัดการอุปกรณ์สลิงในสตูดิโอในวันนั้น รวมถึงพยานที่รับผิดชอบสลิงในเวลานั้นด้วย”

“ฉันให้จ้าวหมิงไปที่บ้านของช่างซ่อมแล้ว”

“โอเค เรื่องที่สอง” ลั่วมั่นมองไปรอบๆ ลดเสียงลงอย่างตั้งใจและยัดกระดาษโน้ตในมือของเธอลงฝ่ามือของเล่อสวี้

“ช่วยฉันหาประวัติของลู่หมิง เรื่องนี้เธอไปหาคนนี้ เขามีเพื่อนเยอะ จะต้องช่วยเราได้แน่นอน”

“จะไม่บอกให้ประธานเฟิงรู้เหรอ?” เล่อสวี้เก็บกระดาษโน้ตและถามคำถาม

“ถ้าเธอไปหาคนคนนี้ เขาจะบอกให้เฟิงเฉินรู้เอง”

“เข้าใจแล้ว”

หลังออกมาจากสถานีตำรวจ เล่อสวี้กางกระดาษโน้ตบนฝ่ามือของเธอ ตัวอักษรทั้งสามตัวและตัวเลขที่เขียนแบบคดเคี้ยว เห็นได้ชัดว่าเขียนขึ้นในสถานการณ์ที่เร่งด่วนมาก

เธออ่านสามคำบนกระดาษอย่างเงียบๆ

“กวน เส้า หยู้”

หลังจากเล่อสวี้จากไป ลั่วมั่นก็ถูกนำตัวกลับไปที่ห้องกักขัง

ทางตะวันออกของเมืองเจียงที่อยู่ใกล้กับทางแยกของทั้งสองจังหวัดเป็นพื้นที่ที่มีการรักษาความปลอดภัยที่ต่ำมาก ที่นี่มีวิทยาลัยอาชีวศึกษาที่มีชื่อเสียงไม่ดีอยู่หลายแห่ง ซึ่งดึงดูดกลุ่มคนหนุ่มสาวที่ไร้ศีลธรรมจากสังคมมารวมตัวกันที่นี่เพื่อสร้างปัญหา ดังนั้นจึงมีอันธพาลจำนวนมาก

ในห้องกักขังที่ลั่วมั่นถูกควบคุมตัวมักมีแขกที่ชอบมาเยี่ยมเยือนอยู่สองสามคน โดยมีหัวหน้าชื่อลี่ลี่ย้อมผมสีน้ำเงิน ใส่เสื้อกล้ามสีดำและกางเกงขาสั้นเอวต่ำที่เกือบจะเห็นบั้นท้าย สามารถคลำหาบุหรี่จากร่างเธอได้ทุกที่ทุกเวลา และตำรวจก็ยึดทุกครั้งที่เห็นมัน แต่เธอก็สามารถนำมันออกมาได้อีก

ครั้งสุดท้ายที่ตำรวจเอาบุหรี่ไปจากมือ เธอก็หยิบบุหรี่และไฟแช็กออกจากกางเกงชั้นใน ที่เห็นแล้วรู้สึกพะอืดพะอม

คนที่ลงมือกับเธอ ก็คือผู้หญิงคนนี้

เมื่อลั่วมั่นกลับมา เธอก็หดตัวโดยไม่รู้ตัวและก้มหัวลงต่ำ

อย่าว่าเธอหน้าบางเลย เธอน่าเกรงขามจริงๆ เธอมักจะอยู่ในกำมือของลั่วมั่น ขนาดตอนที่ทักษะการต่อสู้ของลั่วมั่นยังไม่ดีก็ทำเธอร้องไห้ร้องเรียกพ่อแม่มาแล้ว ทำให้เธอขายหน้าต่อเพื่อนร่วมรุ่นนับครั้งไม่ถ้วน

“พี่คะ กลับมาแล้วเหรอ”

ผู้หญิงผมเหลืองตัวเล็กๆ ที่อยู่ข้างประตูยิ้มขึ้น มองดูลั่วมั่นและทักทายเธออย่างระมัดระวัง

“อืม” เธอตอบอย่างเฉยเมย ไม่คิดที่จะสร้างปัญหากับผู้หญิงเหล่านี้จริงๆ

“พี่คะ ทักษะการต่อสู้ของพี่ดีมาก ไม่ได้แย่ไปกว่าพี่เหมิ่งของพวกเราเลย พี่ฝึกศิลปะการต่อสู้มาตั้งแต่เด็กๆ เหรอ? อย่างกับในหนังกำลังภายในอย่างนั้นใช่ไหม พี่เป็น……”
บทที่ 194 เป็นเหมือนผู้หญิงที่กล้าหาญในนวนิยาย

ในขณะที่พูด หมัดอีกข้างของคนที่ย้อมผมสีน้ำเงินก็พุ่งเข้าหาลั่วมั่นแต่เธอหลบทันเวลา และลมจากกำปั้นก็พัดผ่านแก้มของเธอ ในวินาทีถัดมา ใบหน้าของลั่วมั่นอึมครึมขึ้น เธอบิดข้อมือของคนที่ย้อมผมสีน้ำเงินและพาดร่างนั้นบนแผ่นหลังก่อนจะทุ้มลงพื้น

การเคลื่อนไหวเป็นไปอย่างลื่นไหลโดยไม่มีจุดติดขัดเลย

ผู้คนในห้องกักขังต่างพากันอ้าปากค้าง

เสียงของกระดูกกระทบพื้นนั้น ที่ฟังแล้วเจ็บแทนผู้ถูกกระทำ

“อา……” คนที่ย้อมผมสีน้ำเงินกรีดร้องและน้ำตาไหลออกมา

“รู้ซึ้งถึงความเจ็บปวดรึยัง?” ลั่วมั่นปล่อยมือ “ถ้ารู้ว่าเจ็บก็เลิกทำแบบนี้ซะที พวกวัยรุ่นนี่ไร้ค่าจริงๆ หาเรื่องไม่เว้นแต่ละวัน”

คนที่ย้อมผมสีน้ำเงินนอนอยู่บนพื้นเป็นเวลานาน

ลั่วมั่นไม่ได้จริงจังกับเรื่องนี้เท่าไหร่ เพียงแค่ฟาดเธอให้ล้มลง จะได้รู้ถึงความเจ็บปวดบ้าง แต่เธอคนนั้นกลับอยู่นิ่งไม่ขยับอยู่เป็นเวลานาน ก่อนจะมีใครบางคนร้องออกมาอย่างตื่นตระหนก

“พระเจ้า พี่ลี่ลี่น้ำลายฟูมปากแล้ว กำลังจะตายแล้ว……”

เมื่อได้ยินเช่นนั้น ลั่วมั่นก็รีบกระโดดขึ้นมาจากมุมนั้น จากมุมนั้นเธอเห็นว่าหญิงสาวที่อยู่บนพื้นเริ่มกระตุกและมีฟองออกมาจากปาก และก็กระตุกอย่างรุนแรงขึ้นเรื่อยๆ

“เจ้าหน้าที่ตำรวจ……”

ลั่วมั่นรีบตบประตูและเรียกตำรวจที่ปฏิบัติหน้าที่ “มีคนชักค่ะ เรียกหมอที……”

ตำรวจที่ปฏิบัติหน้าที่ยังเด็กมาก และดูเหมือนมาฝึกงาน เขาอาจจะไม่เคยเห็นเหตุการณ์แบบนี้มาก่อน เขาตื่นตระหนกมากจนมือที่กำลังโทรศัพท์สั่นอย่างแรง

เมื่อเห็นฟองน้ำลายผสมกับเลือดจากหญิงสาวบนพื้น ลั่วมั่นรีบเอื้อมมือไปที่ราวเหล็กและตบบ่าตำรวจ “นายตำรวจ เร็วเข้า หยิบตะเกียบให้ฉันที”

หลังจากได้ตะเกียบแล้ว ลั่วมั่นก็พลิกตัวหญิงสาว และใช้ติดตะเกียบกั้นปากบนและปากล่างเพื่อหลีกเลี่ยงการกัดลิ้นตัวเอง จากนั้นเอียงศีรษะไปด้านใดด้านหนึ่งเพื่อหลีกเลี่ยงการอุดตันของปากและจมูก

“พี่คะ เธอ เธอจะไม่ตายใช่ไหม?” ตำรวจข้างนอกก็ตกใจเช่นกัน เขาเข้ากะกลางคืนครั้งแรกก็เจอเหตุการณ์แบบนี้เลย ทันใดนั้นก็รู้สึกได้ทันทีว่าเขาไม่มีความหวังที่จะเลี้ยวกลับเลย

“ไม่หรอก……” ลั่วมั่นกดไหล่ของเธอไว้แน่น “ถ้าชักล่ะก็ อีกไม่กี่นาทีหลังจากนี้พอรู้สึกตัวก็จะดีขึ้นเอง เรียกรถพยาบาลรึยัง?”

“เรียกแล้วครับ” นายตำรวจพยักหน้า

หลังจากนั้นไม่นาน อาการชักของหญิงสาวในอ้อมแขนของเธอก็ค่อยๆ บรรเทาลง แต่เธอยังไม่ได้สติ นายแพทย์มาถึงอย่างรวดเร็ว หลังจากตรวจเสร็จ เขาบอกว่าต้องการเครื่องดูดเสมหะเพื่อล้างสิ่งแปลกปลอมในปากของเธอ จากนั้นพาเธอนำส่งโรงพยาบาลเพื่อตรวจร่างกายอย่างละเอียดอีกครั้ง เธอถูกนำตัวออกไป ผู้คนในห้องกักขังยังคงอยู่ในอาการตกใจ

ลั่วมั่นนั่งนิ่งอยู่ที่มุมห้อง และรับรู้ในภายหลังว่ามีอาเจียนจำนวนมากติดอยู่บนตัวของเธอซึ่งส่งกลิ่นไม่พึงประสงค์อย่างมาก เธอยิ้มอย่างขมขื่นและถอนหายใจ

เธอคงว่างจริงๆ ตัวเองยังจะเอาตัวไม่รอด และยังเข้าไปยุ่งเรื่องของคนอื่นอีก!

ผู้หญิงตัวเล็กๆ เดินมาหาเธออย่างระมัดระวังและยื่นผ้าเช็ดหน้าลายสก๊อตสีเทาฟ้าให้อย่างกล้าๆ กลัวๆ

“พี่คะ นี่ผ้าสะอาดค่ะ ย่าของฉันให้ฉันมา พี่ พี่ใช้มันเถอะค่ะ”

ลั่วมั่นเงยหน้าขึ้น และมองหญิงสาวด้วยความประหลาดใจเล็กน้อย

ใบหน้าสะอาด ไม่ดัดผม ไม่เจาะหู ท่าทางเรียบร้อยในชุดกีฬา ดูเป็นเด็กเชื่อฟังดี

“ขอบคุณนะ” เธอหยิบผ้าเช็ดหน้ามาเช็ดที่ข้อมือ แต่ยังคงมีกลิ่นไม่พึงประสงค์หลงเหลืออยู่

“ไม่เป็นไรค่ะ” หญิงสายตัวเล็กรีบโบกมือ “พี่สุดยอดจริงๆ เพียงครู่เดียวก็ล้มลี่ลี่ได้แล้ว เธอข่มเหงพี่ขนาดนั้น แต่พี่ก็ยังช่วยเธอ พี่เหมือนหญิงสาวผู้กล้าหาญในนิยายกำลังภายในอย่างไรอย่างนั้นเลยค่ะ……”

สาวน้อยพูดด้วยใบหน้าแดงระเรื่อด้วยความตื่นเต้น ราวกับเธอเป็นนักเล่าเรื่อง

ลั่วมั่นรู้สึกตลกเล็กน้อย และขัดจังหวะเธอ “ดูเธอก็เป็นเด็กดี ทำไมถึงมาอยู่ที่นี่ล่ะ ครอบครัวของเธอไม่มารับเธอเหรอ?”

เมื่อได้ยินเช่นนั้น สาวน้อยก็ชะงักไป นัยน์ตาก็แดงระเรื่อ

“ไม่น่ารำคาญไปหน่อยเหรอ?” จู่ๆลี่ลี่ที่ย้อมผมสีน้ำเงินก็ตะโกนขึ้น “คนเขาสนใจเธอไหม? ไร้ยางอายสิ้นดี”

“พี่ลี่ลี่ ฉันไม่……”

“ไม่อะไร?”

เมื่อเห็นว่าคนที่ย้อมผมสีน้ำเงินกำลังจะใช้กำลังอีกครั้ง ลั่วมั่นเบื่อกับการที่ต้องไปแจ้งตำรวจ จึงคว้ากำปั้นของเธอ และพูดว่า

“พอได้แล้ว ว่างจนจิตใจไม่สงบหรือไง?”

“ใครให้เธอเข้ามายุ่ง

ประธานเฟิง ฉันไม่รักนายอีกแล้ว

ประธานเฟิง ฉันไม่รักนายอีกแล้ว

Status: Ongoing

เธอเป็นสะใภ้ตระกูลใหญ่มา3ปี สามีเธอหยอกล้อกับหญิงอื่น เธอก็ไม่สนใจแถมยังต้มซุปบำรุงไตส่งให้สามีทุกวันวันหนึ่ง ผู้หญิงที่สามีรักที่สุดมายืนอยู่ตรงหน้าเธอ แล้วบอกว่า”ฉันตั้งครรภ์แล้ว”นี่เป็นครั้งแรก ที่ลั่วมั่นได้ใช้อุบาย บังคับผู้หญิงคนนั้นทำแท้งเฟิงเฉินบีบคอของเธอ “ลั่วมั่น ที่เธออดทน3ปีมานี้ เสแสร้งต่อไปไม่ไหวแล้วใช่ไหม”เธอยิ้มจนน้ำตาไหล “excuse me ฉันก็ตั้งครรภ์แล้ว ส่วนทายาทของตระกูลเฟิง ต้องเป็นลูกชายของฉัน!”

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท