บทที่ 257 ฝันร้ายยามค่ำคืน
เพิ่งจะสิ้นเสียง เมื่อกวนเส้าหยู้หันหน้ากลับไปก็เห็นสายตาที่ราวกับจะทิ่มแทงคนได้ของเล่อสวี้กวาดมองผ่านมา และเอ่ยออกมาประโยคหนึ่งเรียบๆว่า “ถ้าหากว่าเปลี่ยนเป็นฉัน มีคนเข้ามาแทรกแซงการทำงานของฉัน ขัดขวางการใช้ชีวิตของฉัน ฉันไม่รู้สึกว่ายิงปืนสักนัดจะมีอะไรแปลก ล้วนมีพ่อแม่เลี้ยงมาจนโตกันทั้งนั้น ใครก็ไม่จำเป็นต้องรองรับอารมณ์ของผู้อื่นโดยไม่มีสาเหตุ”
ท่ามกลางแสงอาทิตย์ เล่อสวี้ในชุดเดรสสีดำ สีหน้าโหดเหี้ยมเล็กน้อย กวนเส้าหยู้ที่มองอยู่นั้นก็ใจสั่น แต่กลับมีความกล้าที่จะยืดอกเอ่ยอย่างน่าประหลาดใจว่า “คุณวางใจเถอะ คนในครอบครัวผมล้วนพูดคุยง่าย เมื่อผมชอบ ก็ไม่มีใครในพวกเขาคัดค้าน ดังนั้นจึงไม่มีอารมณ์อะไรให้คุณต้องรองรับ”
เล่อสวี้เก็บงำสีหน้าโหดเหี้ยมเอาไว้ กลอกตาใส่เขาอย่างเย็นชา “ฉันรับได้หรือ?”
ภายในสโมสรเอกชนแห่งหนึ่งใกล้ศาลเมืองเจียง——
“การพิจารณาคดีในชั้นศาลสิ้นสุดลงแล้วครับ คุณลั่วถูกตัดสินให้จำคุกเป็นระยะเวลา 20 ปี ถ้าหากว่าไม่มีหลักฐานที่มีน้ำหนักสำหรับเธอแล้วล่ะก็ เกรงว่ายื่นอุทธรณ์ไปก็พลิกคดีได้ยากครับ”
ชายที่เอ่ยพูดวางถ้วยชาลง สีหน้าเต็มไปด้วยความลำบากใจ “ดังนั้นเรื่องที่คุณซือสั่งให้ผมไปจัดการนั้น ทำกันได้ไม่ง่ายเลยนะครับ”
“ถ้าหากว่าทำได้ง่ายๆ ก็คงไม่ต้องเชิญทนายความชั้นยอดอย่างคุณหรอก”
ตั้งแต่ต้นจนจบนั้นซือโม่หลุบตาลงต่ำ “เรื่องหลักฐานไม่ต้องกังวล คุณต้องการอะไร ก็บอกกับเจสัน เขาจะไปจัดการให้ ผมมีเพียงแค่เงื่อนไขเดียวก็คือ ไม่ต้องการให้เธออยู่ข้างในนั้นนานเกินไป”
ทนายความชะงักไปเล็กน้อย
“ผมจะพยายามครับ”
หลังจากส่งทนายความกลับไปแล้ว พ่อบ้านเจสันก็ย้อนกลับไปที่ห้องรับแขก มองไปยังคุณชายที่คิ้วขมวดเป็นปมแน่น ก็เอ่ยปลอบว่า “ทางเรือนสตรีด้านนั้นตระเตรียมเรียบร้อยแล้วครับ คุณลั่วจะไม่ได้รับความลำบากใดๆ พวกเราจะพยายามจัดการให้เธอออกมาจากเรือนจำอย่างเร็วที่สุดครับ”
แต่ความคิดของซือโม่กลับไม่ได้จดจ่ออยู่กับบทสนทนา แต่เอ่ยถามว่า
“วันนี้ตอนที่พิจารณาคดีในชั้นศาล เขาได้ออกไปก่อน คุณว่า เขาจะไปที่ไหนกัน”
พ่อบ้านขมวดคิ้ว “คนที่ตามอยู่บอกว่าไปชานเมืองในภาคเหนือครับ”
“ชานเมืองในภาคเหนือ…….” นิ้วของซือโม่เดี๋ยวเคาะหัวเข่า เดี๋ยวหยุดนิ่ง ครู่หนึ่งก็เอ่ยอย่างช้าๆว่า “ถ้าจำไม่ผิดล่ะก็ ท่านนายพลตระกูลกวนในเมืองหลวงท่านนั้นพักอยู่ที่ชานเมืองในภาคเหนือสินะ?”
“……….”
“เรื่องราวดำเนินมาจนถึงขั้นนี้แล้ว ยังจะดื้อดึงขนาดนี้ ทำให้ฉันประหลาดใจเสียจริง”
คุณชาย ถ้าอย่างนั้นต้องทำอะไรบางอย่างหรือเปล่าครับ”
“คุณคิดว่าอย่างไรล่ะ”
เสียงของซือโม่ที่เข้มขึ้นกะทันหันนั้น ทำให้สีหน้าของพ่อบ้านเปลี่ยนไป รีบเอ่ยว่า
“ผมจะติดต่อคนตระกูลกวนเดี๋ยวนี้ครับ”
หลังจากการพิจารณาคดีในชั้นศาลจบลง ลั่วมั่นก็ถูกย้ายออกจากคุกของสถานีตำรวจไปยังเรือนจำสตรีเมืองเจียงทันที
รถตำรวจทึบแสงนำพาเธอไปยังใจกลางเมืองเจียง มุ่งหน้าตรงไปยังเรือนจำสตรีเมืองเจียงที่เป็นส่วนหนึ่งของโรงพยาบาล ก่อนที่จะเข้าไปในเรือนจำ นักโทษที่ได้รับการลงโทษจำคุกต้องได้รับการตรวจร่างกายก่อน
ตลอดทาง ลั่วมั่นอยู่ในสภาวะสับสนมึนงง ไร้ชีวิตชีวา ในสมองเต็มไปด้วยภาพเหตุการณ์ที่เฟิงเฉินออกไปจากชั้นศาลก่อนในตอนที่พิจารณาคดี
เดิมการลงโทษจำคุกนั้นควรจะเป็นเรื่องใหญ่ที่ต้องคิดในตอนนี้ แต่อาจจะเป็นเพราะหลายวันมานี้มีการเปลี่ยนแปลงที่ยิ่งใหญ่มากเกินไป ได้รับความกระทบกระเทือนหนักเกินไป จึงทำให้เธอไร้สิ้นเรี่ยวแรงที่จะตำหนิตัวเอง แผ่นหลังที่หนักแน่นของเฟิงเฉิน กลับเหมือนกับตราประทับอันใหม่เอี่ยมที่ทำให้หัวใจเจ็บปวดทุกข์ทรมานซ้ำไปซ้ำมา ลืมไม่ลง และกลายเป็นฝันร้ายยามค่ำคืนฝันหนึ่ง
“อ๊า………”
ลั่วมั่นสะดุ้งตื่นจากฝันร้าย เหงื่อเย็นไหลโซมกาย ร่างกายสั่นสะท้านอยู่ในความมืด ผ่านไปนานกว่าจะได้สติกลับคืนมา นี่เป็นวันที่ห้าที่เธอเข้ามาอยู่ในเรือนจำแล้ว
“เป็นอะไรไปหรือ”
พี่สาวที่อยู่ในห้องคุมขังเดียวกันก็ถูกทำให้สะดุ้งตื่น จึงเอ่ยถามด้วยความประหลาดใจประโยคหนึ่ง
“ไม่มีอะไรค่ะ แค่ฝันร้าย”
ลั่วมั่นถอนหายใจ ถามว่า “พี่สาววันที่ให้ญาติมาเยี่ยมพวกเราคือวันไหนหรือคะ”
พี่สาวพลิกตัวในความมืด เสียงเลือนรางเล็กน้อย “เธอโชคดีมาก เป็นวันอาทิตย์นี้แหละ อีกสองวันก็ถึงแล้ว รีบนอนเถอะ ตอนเช้าตื่นมายังต้องทำงานอีกนะ