บทที่ 263 เพื่อฉันหรือว่าเพื่อเด็กคนนี้กันแน่
อสังหาริมทรัพย์ที่อยู่ภายใต้ชื่อเฟิงเฉินนั้นมีจำนวนมาก ทะเลสาบต้วนอยู่บริเวณเชิงเขาหลงหู่ เป็นแหล่งบรรจบกันของบ่อน้ำแร่บนภูเขาของเขาหลงหู่ ทิวทัศน์ยอดเยี่ยม เพียงแต่ว่าตำแหน่งที่ตั้งค่อนข้างห่างไกลอยู่บ้าง นอกจากจะไปพักร้อนหรือฮันนีมูน เธอก็เคยไปที่นั่นแค่ไม่กี่ครั้ง
มีบ้านตั้งมากมาย แต่คราวนี้เฟิงเฉินกลับบอกว่าจะไปพักที่ทะเลสาบต้วนแห่งนั้น ไม่ต้องคิดให้มากความก็เข้าใจว่าเกิดเรื่องอะไรขึ้น เสียงของลั่วมั่นเจื่อนไปหลายส่วน
“เรื่องที่ฉันกลับมา พวกคุณพ่อท่านยังไม่ทราบใช่ไหมคะ”
คำถามของเธออ้อมค้อม แต่ความจริงแล้วในใจก็คิดว่าเฟิงเฉินคงตั้งใจจะไม่บอกพวกเขาเสียมากกว่า เกรงว่าจงใจปิดบังเอาไว้
เฟิงเฉินกลับเลี่ยงหนักเป็นเบา “อย่าคิดมากไปเลย ทางทะเลสาบต้วนนั้นวิวทิวทัศน์งดงาม อากาศก็ดี คุณพักผ่อนให้ดีสักช่วงหนึ่ง รอลูกคลอดออกมาแล้วค่อยคุยกันอีกที”
ลูก…….
ลั่วมั่นใจสั่น เมื่อคิดถึงคำพูดของซือโม่
เขามารับเธอหรือว่ามารับเด็กที่อยู่ในท้องของเธอกันแน่
เธอมองไปที่เฟิงเฉินอย่างตะลึงค้าง
“ดังนั้นคุณมารับฉันเพราะได้ยินเรื่องที่ฉันตั้งครรภ์หรือ”
“อืม”
ลั่วมั่นรู้สึกน้อยใจเป็นอย่างมากขึ้นมากะทันหัน ความไม่พอใจที่มีอยู่เต็มท้องที่ดูเหมือนว่าจะควบคุมไม่อยู่นั้นถูกระบายออกมารวดเดียว ภายในรถจึงมีเสียงแหลมสูงดังขึ้นหลายเดซิเบล
“เฟิงเฉิน ถ้าหากว่าไม่มีเด็กคนนี้ คุณก็ตั้งใจจะไม่มาพบฉันสินะ? เมื่อวานนี้เป็นวันที่ญาติสามารถเข้าเยี่ยมได้ คุณอยู่ที่ไหนกัน”
“ยุ่งอยู่”
คำว่ายุ่งที่พวกผู้ชายพูดถึง ในหลายครั้งไม่ใช่ว่ายุ่งจริงๆ แต่เป็นการตอบแบบขอไปที มองดูแล้วคล้ายกับว่าเป็นการตอบแบบขอไปทีอย่างสง่าผ่าเผย แต่ความจริงแล้วไม่ใช่ ราวกับว่าประโยคเดียว “กำลังยุ่ง” ไม่เพียงแค่สามารถเป็นข้ออ้างให้กับตัวเองว่าไม่สามารถหาเวลามาอยู่เป็นเพื่อนได้ แต่ยังสามารถสวมหมวกที่ไม่สามารถโวยวายอย่างไร้เหตุผลให้กับหญิงสาวได้ด้วยเช่นกัน
เฟิงเฉินไม่เคยเอ่ยคำว่า ‘ยุ่ง’ ออกจากปากมาก่อน คำคำนี้ แม้ว่าจะเป็นช่วงสามปีที่ทั้งคู่รู้สึกรังเกียจกันก่อนหน้านี้ เขาก็ไม่เคยใช้เหตุผลที่น่ารังเกียจเช่นนี้มาก่อน
แต่ในครานี้กลับนำมาใช้แล้ว
ลั่วมั่นกลับไม่โมโหแต่หัวเราะออกมา หลังจากหัวเราะแล้ว แววตาก็ปรากฏความโศกเศร้าและหนาวเหน็บมากยิ่งขึ้น เธอดึงมือของตัวเองออกจากมือของเฟิงเฉิน และนั่งเงียบ ไม่พูดอะไรอีกเลยไปตลอดทาง
หลังจากถึงคฤหาสน์ทะเลสาบต้วนแล้ว ลั่วมั่นก็ลงจากรถ เดินตรงเข้าไปในตัวคฤหาสน์ ทิ้งคนสองคนเอาไว้ในรถเบื้องหลัง
หลี่สู้มองเฟิงเฉินอย่างไม่เข้าใจ “ประธานเฟิงครับ ทำไมคุณถึงไม่อธิบายสักหน่อยล่ะครับว่า หลายวันมานี้คุณกำลังวิ่งเต้นเรื่องอุทธรณ์ให้กับประธานลั่วไปทั่ว คนข้างนอกเหล่านั้นล้วนได้รับการคำสั่งจากประธานเฟิงคนก่อนไม่ให้ช่วยเหลือคุณ คุณสิ้นเปลืองแรงและความคิดไปไม่น้อยเลย เพื่อที่จะหาคนมาช่วย”
“เรื่องที่ยังทำไม่สำเร็จนั้น ไม่จำเป็นต้องพูดถึง”
เฟิงเฉินแทบจะเอ่ยอย่างไม่ใส่ใจประโยคหนึ่ง ทำให้หลี่สู้ปิดปากเงียบลงอย่างจนปัญญา
แม้ว่าจะพูดเช่นนั้น ถึงไม่มีความดีความชอบ แต่ก็มีความยากลำบากนินา
หลังจากเข้าไปในตัวคฤหาสน์แล้ว เฟิงเฉินก็ได้ยินเสียงคนรับใช้เคาะประตูที่ชั้นสอง
“คุณผู้หญิงคะ อาหารมื้อดึกและห่อยาสมุนไพรที่ใช้ในการแช่น้ำจัดเตรียมเรียบร้อยแล้วค่ะ คุณผู้หญิงจะรับสักหน่อยไหมคะ”
“………..”
ผ่านไปอยู่นานก็ไม่ได้รับคำตอบ
คนรับใช้ถอนหายใจ เพิ่งจะหันหน้ากลับไปก็เห็นเฟิงเฉินเดินขึ้นบันไดมา จึงเขยิบไปอีกด้านด้วยท่าทางนอบน้อม “คุณชาย”
เฟิงเฉินพยักหน้าเล็กน้อย บิดลูกบิดประตูห้องนอนครั้งหนึ่ง บิดไม่ได้ จึงขมวดคิ้วขึ้นมา
เมื่อเห็นเช่นนี้แล้ว คนรับใช้ก็อธิบายว่า “ตอนที่คุณผู้หญิงเข้าไปก็ลงกลอนประตูห้องแล้วค่ะ เรียกอย่างไรก็ไม่มีการตอบรับ ดิฉันเห็นว่าเมื่อครู่นี้สีหน้าของคุณผู้หญิงไม่ค่อยดีเท่าไร”
“……….”
“คุณชาย ต้องการให้ฉันไปนำกุญแจสำรองมาไหมคะ”
“ไม่ต้องหรอก”
เฟิงเฉินปฏิเสธข้อเสนอของคนรับใช้ “คืนวันนี้ฉันยังมีเรื่องต้องจัดการ คงจะไม่ได้อยู่ที่คฤหาสน์ พวกเธอก็รับใช้คุณผู้หญิงด้วยความระมัดระวังหน่อย”
อีกฝั่งของประตู เงาร่างผอมบางของหญิงสาวแนบเข้ากับบานประตู จึงได้ยินเสียงพูดคุยที่ดังอยู่นอกบานประตูอย่างเลือนราง
“ดึกขนาดนี้แล้ว คุณยังจะออกไปข้างนอกอีกหรือคะ”
“อืม”
“ถ้าอย่างนั้น คุณจะกลับมาตอนไหนคะ”
“ดูสถานการณ์น่ะ ที่บริษัทยังมีเรื่องที่ต้องจัดการอีก”
“……….”
ภายในคฤหาสน์มีเสียงเครื่องยนต์ดังขึ้น และไกลออกไปเรื่อยๆ
ลั่วมั่นปล่อยผ้าม่านลงด้วยสีหน้าห่อเหี่ยว คล้ายกับว่าถูกสูบพลังออกไปจนหมดอย่างไรอย่างนั้น ยันตัวกับโซฟาและค่อยๆนั่งลงบนพรม นี่ไม่ใช่การกลับมาที่ตัวเองคาดการณ์เอาไ