บทที่ 272 โชคดีที่หลบได้เร็ว
หลี่สู้มุมปากกระตุก เอ่ยด้วยความลำบากใจอย่างยิ่งว่า
“เท่าที่ผมทราบมา ประธานลั่วสามารถออกจากโรงพยาบาลได้แล้วในวันพรุ่งนี้ แต่ว่าคุณ……..”
“ฉันทำไมกัน?”
“ประธานเฟิงพูดว่าให้อยู่ที่นี่จนกระทั่งประธานลั่วคลอดลูกออกมาอย่างปลอดภัยครับ………”
เฟิงจิ่งโมโหจนสั่นไปทั้งร่าง ครู่หนึ่งก็พลิกตัวคว้าแจกันดอกไม้ที่เหลือขว้างไปทางหลี่สู้ “ไสหัวไป!”
หลี่สู้ร้องเสียงดังอย่างน่าเวทนา ก้าวขาได้ก็ออกวิ่งทันที ด้านหลังยังมีเสียงดัง “เพล้ง” ของแจกันดอกไม้ที่กระแทกเข้ากับบานประตูจนแตกเป็นชิ้น เศษกระเบื้องกระจายไปรอบๆตรงจุดที่เขายืนอยู่เมื่อครู่นี้
โชคดีที่หลบได้เร็ว
หลี่สู้ตกใจเงียบๆ นิสัยใจร้อนอย่างคุณหนูใหญ่ ประธานเฟิงขังเธอเอาไว้ที่นี่นับว่าฉลาดมาก ไม่อย่างนั้น ใครจะไปรู้ว่า ก่อนที่ประธานลั่วจะคลอดลูกเสร็จ เธอจะเล่นลูกไม้ออกมาอะไรอีก
“แกเอาพี่สาวแกไปไว้ที่ไหนแล้ว”
หน้าประตูห้อง ICU พ่อเฟิงเอ่ยถามเฟิงเฉินด้วยเสียงเย็นชา
เฟิงเฉินสีหน้าเยือกเย็น “พี่สาวผมไปไหนหรือ ดูเหมือนว่าคุณพ่อจะไม่ควรถามผมนะ”
“หลังจากเธอไปที่ทะเลสาบต้วนมาเมื่อวาน ก็ไม่ได้กลับมา ฉันไม่ถามแกแล้วจะให้ถามใคร”
“เธอไปที่ทะเลสาบต้วนหรือครับ ไปทำอะไรที่นั่นกัน” เฟิงเฉินหันหน้ากลับไป จ้องมองบิดาด้วยสายตาเย็นชา
พ่อเฟิงสีหน้าแข็งทื่อ เชิดหน้าขึ้น เอ่ยว่า “เธอเป็นคุณหนูใหญ่ตระกูลเฟิง อยากจะไปที่ไหนก็ไปได้ทั้งนั้น”
เมื่อได้ยินดังนั้น เฟิงเฉินก็เอ่ยเสียงเยาะว่า
“ผมยังนึกว่าคุณพ่อแนะนำให้เธอไปหาเรื่องมั่นมั่นที่ทะเลสาบต้วนเสียอีก ในเมื่อเป็นแบบนี้ เช่นนั้นก็อธิบายได้ชัดเจนแล้ว จะได้ไม่ต้องเข้าใจผิดกัน”
“ถ้าอย่างนั้นเธอล่ะ”
เฟิงเฉินถอนสายตากลับมา แววตาลึกล้ำเสียจนทำให้คนตกใจ
“คุณพ่อก็พูดแล้วนิครับว่า เธอเป็นคุณหนูใหญ่ตระกูลเฟิง อยากจะไปที่ไหนก็ไปได้ทั้งนั้น ผมจะไปรู้ได้อย่างไรว่าเธออยู่ที่ไหน”
อ้อมไปอ้อมมา ก็เป็นเพราะเรื่องที่ทะเลาะตบตีกันเมื่อวานนี้ เฟิงเฉินเดาได้ตั้งนานแล้วว่า อาศัยแค่ความคิดของเฟิงจิ่งคงจะไม่สามารถหาสถานที่ที่เขาจัดให้ลั่วมั่นไปพักอาศัยได้เร็วขนาดนี้ ถ้าไม่ใช่ว่ามีคนแนะนำ เธอก็คงไม่วิ่งไปหาเรื่องหรอก
แน่นอนว่าพ่อเฟิงไม่แสดงตัวออกมาหรอกว่าตัวเองเป็นคนที่อยู่เบื้องหลังในการแนะนำให้เฟิงจิ่งไปที่ทะเลสาบต้วน เขารู้ว่าเฟิงเฉินปกป้องลั่วมั่น ตอนนี้เหลือเพียงแค่ความรู้สึกระหว่างพ่อลูก จึงไม่อาจทำให้มันพังลงเพราะผู้หญิงเพียงคนเดียวได้
ภายใต้การใคร่ครวญ พ่อเฟิงก็ตั้งสติ “ถือเสียว่าเพื่อแม่ของแก แกไม่ควรจะมีความเกี่ยวข้องอะไรกับผู้หญิงคนนั้นอีก”
“ผมเคยพูดไปแล้วว่า เรื่องของคุณแม่ไม่เกี่ยวข้องอะไรกับมั่นมั่น”
“ศาลก็พิพากษาให้เธอจำคุกเป็นระยะเวลา 20 ปีแล้ว ถ้าไม่ใช่เพราะว่าเธอตั้งครรภ์ ตอนนี้เธอก็ควรจะติดคุกอยู่”
“ผมจะตรวจสอบเรื่องนี้ แต่ว่าก่อนหน้านั้น คุณพ่อก็อย่าทำอะไรเลยจะดีกว่านะครับ”
“เฟิงเฉิน นี่แกกำลังขู่ฉันหรือ”
“ขู่หรือครับ” เฟิงเฉินยิ้มเย็น “ถ้าหากว่าเป็นการข่มขู่ล่ะก็ ผมจะบอกกับคุณพ่อว่า ขอเพียงแค่คุณพ่อกล้าให้คนแตะต้องมั่นมั่นแม้แต่เส้นผมเดียว ผมจะหักขาข้างหนึ่งของเฟิงเซิ่ง”
บนระเบียงทางเดินคล้ายกับว่ามีลมเย็นไร้รูปลักษณ์พัดผ่านมา การกลับตาลปัตรของเรื่องราวในหลายปีนี้ทำให้พ่อเฟิงสามารถยืนนิ่งๆทั้งที่โมโหเป็นอย่างมากได้ และในตอนนี้ที่ยืนอยู่หน้าเฟิงเฉิน คลื่นอารมณ์นั่นก็ถูกเก็บกดลงไปเช่นกัน ผ่านไปครู่หนึ่ง สุดท้ายแล้วเขาก็ดูเหมือนจะพ่ายแพ้ในการเผชิญหน้าที่ดูเหมือนจะไม่มีที่สิ้นสุดนี้ จึงขมวดคิ้ว
“ช่างมันเถอะ แกอยากจะทำอะไรก็ทำไปเถอะ ตอนนี้ฉันไม่มีอารมณ์จะมาสนใจเรื่องของแก”
ระยะนี้เกิดเหตุการณ์ไม่คาดฝันรอบตัวมากเกินไป จู่ๆเขาก็พบว่ากำลังกายและใจไม่ได้มากมายเหมือนเมื่อก่อนแล้ว ราวกับว่าภายในค่ำคืนเดียว ในที่สุดก็ได้รู้แล้วว่าตัวเองชราขึ้นอย่างไรอย่างนั้น
แม้ว่าจะทำเรื่องเลวร้ายอย่างการแนะนำให้เฟิงจิ่งไปสั่งสอนลั่วมั่น แต่ก็เป็นเพียงแค่การพนันเฮือกสุดท้ายเท่านั้นเอง!
สายตาของเขากวาดมองผ่านไหล่กว้างบึกบึนของลูกชาย ไปตกลงบนเตียงผู้ป่วยที่อยู่ในห้อง ICU อุปกรณ์ทางการแพทย์และสายระโยงระยางต่อเข้ากับร่างของหญิงสาวที่เป็นภรรยาของเขามาเกือบจะสี่สิบปีแล้ว แม้ว่าจะนอนอยู่ตรงนั้น เธอก็ยังเหมือนกับในตอนที่ปกติอยู่ โอหังหยิ่งผยอง ราวกับว่านอกจากลูกชายลูกสาวคู่หนึ่งของเธอและธุรกิจของตระกูล เธอก็ไม่เห็นอะไรอยู่ในสายตา และไม่ใส่ใจอะไรอีก