“แม่ หนูไม่ได้คิดเรื่องนี้” ลั่วมั่นขัดคำพูดมารดา “อีกอย่างหนูเห็นพี่ซือโม่เป็นแค่พี่ชาย ไม่เคยเห็นเป็นอย่างอื่น”
“แต่แม่เห็นว่าเขานั้นยึดมั่นในตัวหนูคนเดียว” แววตาแม่ลั่วซับซ้อน
“ตอนนั้นที่พ่อของหนูบอกว่าจะส่งไปเรียนมัธยมปลายที่ต่างประเทศนั้น แม่ไม่เห็นด้วย พอพ่อบอกว่ามีคนคอยดูอยู่แม่ถึงได้รับปาก แต่ว่าคนที่คอยดูแลหนูนั้นพ่อไม่ยอมบอกกับแม่ แม่ก็เพิ่งรู้เมื่อไม่นานมานี้เองว่าเป็นซือโม่ ตอนนั้นถ้าไม่ใช่เพราะแม่เขให้หนูแต่งงานกับเฟิงเฉิน หนูกับซือโม่ก็คงจะลงเอยด้วยดี
“ไม่หรอกค่ะ” ลั่วมั่นปฏิเสธ “แม่ แม่อย่าจับคู่มั่วซั่วอีกเลย รอการงานหนูมั่นคงลงแล้ว พวกเราก็จะย้ายออกไป ไม่ต้องรบกวนพี่ซือโม่อีก เรื่องของหนูแม่อย่ากังวลมากเกินไปเลย”
“แม่ก็ไม่ได้อยากจะกังวลเรื่องของหนู” แม่ลั่วทอดถอนใจ “เรื่องของหนูๆก็ตัดสินใจเองแล้วกัน ความจริงแล้วคำสั่งเสียของพ่อหนู….ไม่ต้องนำไปใส่ใจมากหรอก”
“แม่”
ลั่วมั่นประหลาดใจเล็กน้อย
แม่ลั่วยังเป็นคนหัวโบราณ สำหรับเธอแล้ว สามีก็คือพระเจ้า ต่อให้พ่อลั่วจะจากไปแล้ว คำสั่งเสียที่ทิ้งไว้จะต้องยึดถือและปฏิบัติตาม แต่ในเวลานี้เธอกลับพูดกับเธอว่าไม่ต้องนำไปใส่ใจ
“พ่อของหนูแก่แล้ว” แม่ลั่วสีหน้าเรียบเฉย ราวกับเหมือนเป็นการพูดเรื่องของครอบครัวอื่น “บางครั้งการตัดสินใจบางอย่างใช่ว่าจะถูกเสมอไป หนูจงมีชีวิตที่ดีของหนูก็พอ มีชีวิตตามที่หนูปรารถนา ไม่ต้องเอาชีวิตไปผูกมัดกับเรื่องใดๆอีก และเรื่องนี้ก็ไม่เรื่องเกี่ยวข้องใดๆกับเฟิงเฉินด้วย”
ลั่วมั่นกำมือแน่น สีหน้าดำทะมึน
หนึ่งปีที่ผ่านมามีเรื่องที่พลิกผันต่างๆมากมาย มีเรื่องไหนบ้างที่เกี่ยวข้องกับพวกเขาสองคนจริงๆ แม้นพวกเขาจะไม่ไปหาเรื่อง แต่เรื่องก็มักจะเข้ามาพัวพันกับพวกเขา ถ้าหากว่าไม่กำจัดถอนรากถอนโคน ต่อไปก็คงจะมีมาอย่างต่อเนื่องไม่จบไม่สิ้น
แม่ลั่วกลับไปพักผ่อนที่ห้องแล้ว แต่ลั่วมั่นยังคงยืนอยู่ที่หน้าต่างอยู่สักพัก สิ่งที่มองอยู่นั้นไม่ใช่บ้างหลังเก่านั่นแล้ว แต่เป็นดวงจันทร์ที่เต็มดวงอยู่บนฟ้า กลางเดือนอีกแล้วเหรอ
ช่วงบ่ายของอีกวัน เล่อสวี้มาเยี่ยมลั่วมั่นที่วิลล่าจิ่นซิ่ว นำผลไม้หนึ่งกระเช้ามาด้วย
“ร่างกายเป็นอย่างไรบ้าง”
“ดีขึ้นมากแล้ว”
“……”
ทักทายกันอยู่สักพัก ลั่วมั่นก็บอกว่าต้องการนอนพักกลางวัน เล่อสวี้จึงได้ขอตัวลา
“ฉันจะไปส่งเธอ”
ลั่่วมั่นลุกขึ้นจากโซฟา มือข้างหนึ่งพยุงอยู่ที่เอว กำลังจะลุกขึ้นก็ร้องขึ้นในทันใด “โอ๊ย……”
“เป็นอะไร” เล่อสวี้สีหน้าตกใจ
“เจ็บ…..”
คนรับใช้ที่อยู่ข้างๆเห็นแล้วก็รีบเข้ามาพยุง “คุณลั่วเจ็บท้องอีกแล้วใช่ไหมคะ นั่งลงก่อนค่ะ ดิฉันจะไปตามคุณหมอ”
พลางพูดพลางโทรศัพท์บอกพ่อบ้าน ให้พ่อบ้านไปรับคุณหมอมา
ไม่มีใครสังเกตขณะที่ทุกคนกำลังวุ่นวายอยู่นั้น เล่อสวี้ได้หายตัวไปหลังบ้านแล้ว
วิลล่าจิ่นซิ่วที่กว้างขวางขนาดใหญ่ มีภูเขาและน้ำล้อมรอบ บ้านหลังเก่าที่ซ่อนความลับไว้นั้นอยู่ติดกับริมทะเลสาบ เล่อสวี้จึงเดินอ้อมไปหลังบ้านอย่างคล่องแคล่วว่องไวตามที่ลั่วมั่นได้บอกไว้ จากนั้นก็เข้าตัวบ้านโดยหน้าต่างด้านหลัง เพื่อหลีกเลี่ยงจากกล้องวงจรปิดเหล่านั้น
เท้ายังไม่ทันได้แตะลงถึงพื้นก็เหยียบโดนของบางอย่าง
“โอ๊ย……”‘ของสิ่งนั้น’ ร้องอุทานขึ้น เล่อสวี้ที่มือไวตาไวได้เตะท่าสวิงคิกและเหยียบเขากองกับพื้น จากนั้นใช้เท้าปิดปากเขาเอาไว้
ในบ้านที่มืดสลัว มีเพียงแสงจากหน้าต่างยามบ่ายที่ลอดผ่านเข้ามาตกกระทบที่ใบหน้าของเขาคนนั้น
เล่อสวี้ตกใจ และโมโหขึ้น
เป็นกวนเส้าหยู้
“ยู้ฮูวๆๆ…..”กวนเส้าหยู้ โบกไม้โบกมือให้กับเธอ ดวงตาจ้องจนแทบจะถลนออกมา
“คุณมาอยู่ที่นี่ได้อย่างไร” เล่อสวี้ดึงขาคืน และมองไปรอบ ๆ อย่างระมัดระวัง