ชายาเคียงหทัย – ตอนที่ 96-3 ก่อการกบฏ
“สืบบ้าสืบบอกอันใดเล่า! ข้าเป็นราษฎรของแคว้นต้าฉู่ จะทำอันใดต้องสนใจความเป็นความตายของแคว้นซีหลิงด้วยหรือ ใครก็ได้ ไปเอายาสลายกล้ามเนื้อที่ดีที่สุดมาที! ผู้ใดกล้าให้ยาถอนพิษกับเขา ข้าจะถลกหนังมันออกมา! ถือว่าได้รู้ว่าอันใดที่เรียกว่านางแมวยั่วสวาท ข้าไม่เชื่อหรอกว่า นอกจากนางแพศยานั่นแล้วในใต้หล้านี้จะมิมีสตรีอื่นอยู่อีก วันพรุ่งข้าจะไปทำให้นางเสียโฉม ไว้ให้นางไม่มีผู้ใดเอาก่อนข้าจะซื้อกลับมาไว้ให้คอยเป็นสาวใช้ของเจ้า!” พูดจบ ก็คร้านจะสนใจพี่ชายของตนที่ล้มอยู่กับพื้นจนขยับไปไหนไม่ได้ หานหมิงซีสะบัดแขนเสื้อเดินจากไปด้วยความโกรธ
“หานหมิงซี เจ้าหยุดเดี๋ยวนี้นะ!” หานหมิงเย่ว์เอ่ยด้วยน้ำเสียงดุดัน
หานหมิงซีที่กำลังเดินออกไปหยุดชะงักลงทันที หันกลับไปมองพี่ชายที่มีส่วนคล้ายกับเขาถึงเจ็ดส่วนอย่างขบเขี้ยวเคี้ยวฟัน ในใจนึกโกรธแค้นจนอยากจะเอานางแมวยั่วสวาทนั่นมาถลกหนักหักกระดูก เขานับถือพี่ชายคนนี้มาตั้งแต่เล็กๆ แต่สายตาในการเลือกผู้หญิงของเขานั้นเขามิอาจชื่นชมได้เลยจริงๆ
เมื่อเห็นหานหมิงซีจ้องหน้าเขาด้วยความโกรธ แววตาหานหมิงเย่ว์มีความรู้สึกผิดปรากฏขึ้น พูดด้วยน้ำเสียงอบอุ่นว่า “หมิงซี อย่าโวยวายไปเลย ข้ารับประกันว่าจะไม่ทำเรื่องอันใดอีกแล้ว ม่อซิวเหยาทำกระดูกซี่โครงข้าหักสองซี่ เจ้ามาช่วยพยุงข้าหน่อยเถิด”
หานหมิงซีอึ้งไป เหลือบมองใบหน้าที่ซีดขาวของหานหมิงเย่ว์ ในที่สุดก็ใจอ่อนยอมเดินเข้าไปพยุงพี่ชายของตน
“เจ้า! หานหมิงเย่ว์!” ครู่หนึ่งให้หลัง หานหมิงซีก็ตะโกนขึ้นด้วยความโกรธระคนก่นด่า น่าเสียดายที่เขาโดนสกัดจุดไว้จนมิอาจขยับตัวได้ ใบหน้าหล่อเหลาบิดเบี้ยว จ้องชายหนุ่มใบหน้าขาวซีดที่ยกมือกุมหน้าอกตรงหน้า
หานหมิงเย่ว์มองน้องชายของตนด้วยความรู้สึกผิดที่เปี่ยมล้น “ขอโทษด้วย หมิงซี” เมื่อเห็นเขาหมุนตัวเดินจากไป
หานหมิงซีร้องตะโกนด้วยความสิ้นหวังว่า “หานหมิงเย่ว์เจ้าคนโง่ ข้าโดนยาพิษอยู่นะ! เจ้าคิดจะให้เยี่ยหลีฆ่าข้าจริงๆ สินะ!”
หานหมิงซีหันกลับมาอมยิ้มมองเขา แล้วส่ายหน้า “ช่างเป็นเด็กที่โง่เง่าเสียจริง หมิงซี ในเมื่อเจ้าชื่นชมตนเองว่ามองคนเก่งกว่าข้า เหตุใดเจ้าถึงดูไม่ออกว่าเยี่ยหลีไม่มีทางฆ่าเจ้า และไม่ได้ใส่ยาพิษลงไปในตัวเจ้าด้วย”
หานหมิงซีเอ่ยเยาะหยันว่า “ดังนั้นหลายวันนี้ที่เจ้าทำก็เพื่อให้แน่ใจว่าในร่างกายข้าไม่มีพิษอยู่สินะ เมื่อมั่นใจแล้วก็จะไปอย่างนั้นหรือ”
“เจ้าวางใจได้ ข้าจะไม่ทำอันใดสหายเจ้าอีกแล้ว ม่อซิวเหยา…ข้าก็คงทำอันใดเขาไม่ได้” หานหมิงเย่ว์มองน้องชายด้วยสายตาอ่อนโยน นิ่งคิดอยู่ครู่หนึ่ง แล้วจึงได้เอ่ยเตือนว่า “หมิงซี เจ้าอยู่ห่างเยี่ยหลีไว้หน่อย นางมิใช่คนที่เจ้าจะมีเรื่องด้วยได้”
หานหมิงซีหน้าแข็งไป เอ่ยด้วยความดูแคลนว่า “เจ้ามีสิทธิ์มาสั่งสอนข้าหรือ”
หานหมิงเย่ว์ได้แต่ส่ายหน้า “เจ้าคิดว่าเจ้าฉลาดกว่าข้าหรือ หมิงซี ข้าอาจแย่งชิงของกับคนทั้งใต้หล้า แต่ข้าไม่เคยคิดที่จะแย่งอันใดกับม่อซิวเหยา เจ้ารู้หรือไม่”
หานหมิงซียิ้ม “ใช่สิ เจ้าเลือกศัตรูของตนเองเป็น น่าเสียดายที่เลือกผู้หญิงไม่เป็น ผู้หญิงคนนั้นนอกจากใช้ประโยชน์จากเจ้าแล้ว นางเคยหันมองเจ้าตรงๆ หรือไม่ ต่อให้จวินเหวยไม่นึกชอบข้า แต่อย่างน้อยนางก็ยังไปช่วยข้า เสียใจแทนข้า เกรงใจเจ้าเพราะเห็นแก่ข้า หลายปีมานี้ เจ้าได้อันใดบ้าง”
รอยยิ้มบนใบหน้าของหานหมิงเย่ว์ค่อยๆ เปลี่ยนเป็นขมขื่นและทำอันใดมิได้ สุดท้ายก็มิอาจไม่ยอมรับว่าที่น้องชายเขาพูดมานั้นถูกทั้งหมด จึงได้แต่หมุนตัวเดินจากไปเงียบๆ
ผ่านไปครู่ใหญ่ ชายหนุ่มที่นำทางให้ก่อนหน้านี้ก็เดินเข้ามาในสวนดอกไม้ “คุณชายรอง คุณชายไปแล้วขอรับ”
หานหมิงเย่ว์ที่เพิ่งถูกคลายจุด หัวเสียเป็นอย่างมาก “ไปก็ไปสิ เขาเคยเห็นพวกเราอยู่ในสายตาหรือ”
ชายหนุ่มผู้นั้นก้มหน้าลงเอ่ยว่า “คุณชายบอกว่าจะไม่กลับมาอีก ในหอชิงเฟิวหมิงเย่ว์ยังมีเงินเก็บไว้อยู่ ตั๋วเงินทั้งหมดจะทิ้งไว้ให้คุณชายรอง ส่วนเทียนอี้เก๋อ…ต่อไปจะไม่ฟังคำสั่งของคุณชายรองอีกขอรับ”
“เขาวางแผนไว้เสียนานแล้วสินะ! หากวันนี้ติ้งอ๋องมิได้มาที่นี่ เขาคงคิดที่จะไปโดยไม่บอกไม่กล่าวเลยใช่หรือไม่ หานหมิงเย่ว์ เจ้าใจดำนัก!” หานหมิงซีกัดฟันเอ่ยขึ้น ชายหนุ่มก้มหน้าเงียบ หานหมิงซีส่งเสียงเหอะอย่างเย้ยหยัน “สารเลว เจ้ารอข้าก่อนเถิด!”
ภายในโรงเตี๊ยมที่ดีที่สุดของเมืองกว่างหลิง คณะของเยี่ยหลีจับจองเรือนที่ดีที่สุดของโรงเตี๊ยมไว้เป็นที่พักชั่วคราว
“ซิวเหยา วันนี้ท่าน…” เมื่อเห็นชายหนุ่มก้มหน้าอ่านหนังสือ คิ้วเรียวของเยี่ยหลีขมวดเข้าหากันเล็กน้อย ก่อนเอ่ยถามขึ้นด้วยความลังเล
ม่อซิวเหยาวางหนังสือในมือลง ยิ้มน้อยๆ “อาหลีอยากถามข้าว่าเหตุใดถึงตั้งใจไปหาหานหมิงเย่ว์หรือ”
เยี่ยหลีพยักหน้า หากไปเพื่อระบายอารมณ์แล้ว ก็ดูออกจะยุ่งยากเกินไปสักหน่อย ม่อซิวเหยาเอ่ยเรียบๆ ว่า “หากเป็นไปตามที่ข้าคาดการณ์ไว้ หานหมิงซีจะต้องมุ่งหน้าไปยังกว่างหลิงโดยเร็ว”
“ไปกว่างหลิงหรือ”
ม่อซิวเหยาพยักหน้า “ถูกแล้ว หากจะให้เขาไปโดยไม่บอกไม่กล่าวแล้ว สู้ข้าไปส่งเขาสักหน่อยจะดีกว่า ถึงแม้ในต้าฉู่ ตระกูลหานจะมิได้อยู่ในลำดับต้นๆ แต่อย่างน้อยก็เป็นหนึ่งในสิบ หากให้เขานำคนไปที่ซีหลิงทั้งหมดแล้ว คงมิใช่เรื่องดีนัก”
เยี่ยหลีตาเป็นประกายขึ้นทันที “ท่านกำลังจะบอกว่าหานหมิงเย่ว์คิดจะ…” คำว่าก่อกบฏมิได้ออกจากปากของเยี่ยหลี แต่ม่อซิวเหยากลับพยักหน้า
“หานหมิงเย่ว์ผู้นี้ข้ารู้จักดี แคว้นบ้านเกิดสำหรับเขาแล้วมิมีความสำคัญใดๆ ทั้งสิ้น การจะเปลี่ยนจากคนต้าฉู่เป็นคนซีหลิง หรือเป็นคนเป่ยหรง สำหรับเขาแล้วล้วนไม่ต่างกัน”
“ถ้าเช่นนั้น เหตุใดจึงไม่ตัดไฟเสียแต่ต้นลมหรือ” เยี่ยหลีไม่เข้าใจ ต่อให้ม่อซิวเหยาเห็นแก่ความเป็นสหายระหว่างเขากับหานหมิงเย่ว์จริง แต่คงไม่มีทางเห็นเขาสำคัญกว่าแผ่นดินของต้าฉุ่
ม่อซิวเหยายิ้ม “เทียนอี้เก๋อมีคนอยู่ทั่วทั้งสี่แคว้น หากสังหารหานหมิงเย่ว์แล้วคงมีความวุ่นวายตามมาอีกมาก เขาอยากไปก็ไปเถิด ข้าเคยบอกไว้แล้วว่าเขาไม่เหมาะที่จะใช้เล่ห์เหลี่ยมทางอำนาจ แต่เขาถึงขั้นคิดก่อการกบฏอย่างเปิดเผย เช่นนั้นในดินแดนของต้าฉู่ก็ไม่จำเป็นต้องมีคนของเทียนอี้เก๋ออยู่อีกต่อไป” ครานี้ที่ตั้งใจเดินทางมากว่างหลิง ข้อสำคัญที่สุดก็คือมาเพื่อกวาดล้างเทียนอี้เก๋อ พื้นที่ทางตอนใต้ของต้าฉู่ โดยเฉพาะเมืองกว่างหลิง เป็นค่ายใหญ่ของเทียนอี้เก๋อ หานหมิงเย่ว์คิดอยากจะถอนกำลังคนของเขาออกไปในขณะที่เขายังอยู่ที่นี่คงไม่ง่ายเช่นนั้น
“หานหมิงซี…” เยี่ยหลีขมวดคิ้วถามขึ้น
ม่อซิวเหยาเอ่ยว่า “หากลองเปลี่ยนวิธี เป็นไปได้สูงที่หานหมิงซีจะติดตามหานหมิงเย่ว์ไป เพียงแต่วันนี้เขาคงไปไม่ได้แล้ว หากหานหมิงซีเป็นคนฉลาดจริง เขาก็จะมาหาข้าเอง”
เยี่ยหลีมองเขา “ท่านตั้งใจยั่วยุหานหมิงเย่ว์เพื่อให้เขาออกเดินทางไปก่อน เพื่อกันให้พวกเขาพี่น้องอยู่ห่างกันหรือ”
ม่อซิวเหยามิได้ปฏิเสธ เขานวดขมับด้วยความเหนื่อยล้า “การทิ้งหานหมิงซีไว้เป็นเรื่องดี หากพวกเขาไปกันหมด…ตระกูลหานคงถูกริบทรัพย์และสั่งประหารทั้งตระกูล” ตระกูลหานมิได้มีเพียงหานหมิงเย่ว์กับน้องชายเท่านั้น ตระกูลใหญ่ใดก็ตามย่อมมี ตระกูลหลัก ตระกูลที่แยกออกไป สมาชิกสายรอง และคนร่วมตระกูล พวกเขามิอาจนำทุกคนไปด้วยได้ หากถูกลงโทษขึ้นมา ยิ่งเกี่ยวพันกับคนมากเท่าไร ก็จะยิ่งเป็นที่หวาดกลัวมากขึ้นเท่านั้น
“หานหมิงเย่ว์จะไปอยู่ข้างราชสำนักของซีหลิงหรือ”
“เขามิใช่ชาวบ้านธรรมดา ตระกูลหานนั้นเป็นตระกูลใหญ่ ซ้ำยังมีกิจการใหญ่โต หากมีเทียนอี้เก๋อจะยิ่งเกี่ยวพันกับคนอีกมาก ขอเพียงเขาไปยังแคว้นซีหลิง ไม่ว่าฮ่องเต้ของแคว้นซีหลิงหรือเจิ้นหนานอ๋อง จะต้องดึงเขาให้เป็นพวกเดียวกับตนเป็นแน่ ไม่ว่าเขาจะทำงานให้พวกเขาหรือไม่ แต่ในสายตาของราชสำนักก็ถือว่าเขาได้ก่อกบฏแล้ว” ดวงตาของบรรดาราชนิกุลนั้นปล่อยให้มีทรยศอยู่ไม่ได้ ขอเพียงหานหมิงเย่ว์ไปยังซีหลิงก็จะถือว่าเขาเป็นกบฏทันที ต่อให้เขามิได้ก่อกบฏ แต่ราชสำนักก็ยินดีที่จะฆ่าคนผิดดีกว่าปล่อยเขาไป
เยี่ยหลีถอนใจโดยมิได้พูดอันใด กับหานหมิงเย่ว์คนนี้นางไม่เคยเข้าใจเขาเลย “หานหมิงเย่ว์…เขาทำเพื่อสตรีนางหนึ่งหรือ”
ม่อซิวเหยาอึ้งไป เงยหน้าขึ้นมองเยี่ยหลีอยู่พักใหญ่ ในที่สุดจึงพยักหน้า “ถูกแล้ว เพื่อสตรีนางหนึ่งจริงๆ”
เยี่ยหลีขมวดคิ้ว นางมักรู้สึกว่าสตรีผู้นี้มีฐานะไม่ธรรมดา นางลังเลเล็กน้อยว่าควรจะถามคำถามข้อนี้ต่อดีหรือไม่
ม่อซิวเหยามองนางเงียบๆ พร้อมรอยยิ้มที่ราบเรียบแต่อบอุ่น “อาหลีอยากรู้สิ่งใดก็ถามออกมาได้เลย”
“สตรีนางนี้…เป็นคนที่ท่านรู้จักหรือ”
ม่อซิวเหยาพยักหน้า ในขณะที่เขากำลังจะเปิดปากตอบ องครักษ์ลับสามก็เอ่ยรายงานขึ้นจากหน้าประตูว่า “ท่านอ๋อง พระชายา คุณชายหานขอเข้าเฝ้าพ่ะย่ะค่ะ”
ม่อซิวเหยาเลิกคิ้วขึ้นเล็กน้อย หันมองเยี่ยหลีด้วยแววตาขอโทษ “เชิญเขาเข้ามา”