ตอนที่ 45 โหดเหี้ยม สุมิตรที่เปี่ยมด้วยเสน่ห์
จันวิภางุนงง แสดงออกอย่างก้อเขินอยู่เล็กน้อย คิดไม่ถึง จริงๆเพียงแค่ตนเองยืนอยู่ที่มุมห้องก็เท่านั้นเอง ก็สามารถที่จะ สร้างเรื่องทะเลาะวิวาทเช่นนี้ได้
แต่ทว่าผู้หญิงคนนี้ก็ทำเกินไปจริงๆ ปากยังไม่ได้พูดอะไร ดีออกมาสักคำ ไม่น่าฟังจริงๆ!
“ฉันจะสวมอะไรมันก็เรื่องของฉัน โปรดอธิบายให้ชัดเจน ไม่ใช่ทุกคนก็เป็นสกปรกเหมือนความคิดของคุณ ขอโทษนะคะ ฉันมีธุระต้องขอตัวก่อน ครั้งนี้ก็รบกวนอย่ามาขวางฉัน คิดดูให้ ดีว่าใครกันแน่ที่ไม่มีมารยาทแล้วค่อยมาพูดกัน ! จันวิภา ขมวดคิ้ว แล้วพูดอย่างอารมณ์เสีย
แต่ทว่ากลับคาดไม่ถึง เมื่อคำพูดของจันวิภาสิ้นสุดลง ผู้ หญิงคนนั้นก็โกรธขึ้นมา แล้วตะคอกออกมาทันที ตระโกนด่า ในปากเต็มไปด้วยคำสบถ
ในขณะเดียวกันเธอได้เห็นจันวิภากำลังจะเดินออกไป จึง เดินมาข้างหน้าทันที ดึงเสื้อผ้าของจันวิภาเอาไว้ ออกแรงจน เสียจนชิดแน่น
ผู้คนโดยรอบต่างก็เห็น และชี้ดู แต่กลับไม่มีคนช่วยเธอ
จันวิภามองฝูงชนอย่างร้อนรน จึงอยากที่จะไปหาสุมิตร
แต่กลับหาเขาไม่เจอ
เลย
จันวิภามองฝูงชนอย่างร้อนรน จึงอยากที่จะไปหาสุมิตร แต่กลับหาเขาไม่เจอ
กัดริมฝีปาก จันวิภาพูด “คุณหญิงท่านนี้ ฉันกับคุณไม่มี ความแค้นต่อกัน คุณคิดจะทำอะไรกันแน่?”
“ฉันทำอะไร? ฉันแค่อยากที่จะให้เธอสนใจเรื่องมารยาท หน่อยก็แค่นั้น แล้วนี่มันอะไรกัน งานเลี้ยงของสุภาพสตรีที่มีชื่อ เสียงเช่นนี้ เธอนี่ไร้มารยาทจริงๆ ฉันพูดแค่สองประโยคเพื่อที่ จะเตือนเธอแต่กลับกลายเป็นวันฉันผิดงั้นหรอ?”
ผู้หญิงคนนั้นยิ้มอย่างเยือกเย็น พูดเสียจนจันวิภาหมดคำ พูด ที่แท้เป็นใครกันแน่ที่ไร้มารยาท จริงๆเล้ย!
“ฉันไม่อยากพูดกับคุณแล้ว ตอนนี้ฉันต้องขอตัวก่อน! ” ไม่อยากมาวุ่นวายด้วยอีก จันวิภายับยั้งความโกรธเอาไว้ แล้ว พูดอย่างขุ่นมัว
แต่ทว่าคำพูดของเธอ กลับทำให้ผู้หญิงคนนั้นไม่พอใจ มากขึ้นไปอีก จึงตระโกนดำขึ้นมาอีกครั้งหนึ่ง และเริ่มที่จะพูด เยาะเย้ยถากถางจันวิภา “สวมชุดอย่างนี้ ในใจคิดจะยั่วผู้ชาย ฉันมองเธอแล้ว เหมือนกับขาดความรัก เธอมาที่นี่ก็เพื่อจะ เกี่ยวผู้ชายกลับไปล่ะสิ!
จันวิภา กัดฟัน ผู้หญิงคนนั้นยังคงพูดต่อไป “ฉันมองดูว่า เธอเหมือนจะไม่ได้รับการอบรมมา พ่อแม่คงจะตายไปเสียก่อน แน่ๆเลย! ”
“เธอ…จันวิภาโกรธ ใบหน้าเปลี่ยนเป็นสีแดง เงยหน้าขึ้นมามองผู้หญิงคนอย่างเย็น เอ่ยปากพูดขึ้น “ถ้าเธอ มีมารยาท งั้นเธอก็โปรดอย่ามาดูถูกพ่อแม่ของคนอื่น ขอบคุณ!
“ทำผู้หญิงคนนั้นราวกับจะเหยียดหยามอยู่เล็กน้อย พูดออกมาเบาๆ ฉันพูดอย่างนี้ ก็หาว่าดูถูก เธอจะเอายังไงกับ ฉัน? ที่แท้ ฉันพูดไม่ถูกงั้นหรอ? ฉันเห็นท่าทีของเธอ เหมือนกับ คนที่มีพ่อแม่ให้ชีวิต แต่พ่อแม่ไม่ได้สอนมารยาทไปเลย! ”
จันวิภาโกรธจนถึงขีดสุด แม้ว่าจะได้รับการอบรมสั่งสอน มาดีแค่ไหนก็ไม่อาจทนต่อไปได้ เธอเดินมาข้างหน้า ตะโกน เสียงดัง “เธอหุบปากไปซะ ฉันจะไม่ยอมให้เธอพูดถึงพ่อแม่ฉัน อย่างนี้! ”
ผู้หญิงคนนั้นตกตะลึง เหมือนกับจะถูกจันวิภาทำให้ตกใจ หลักจากที่มีสติกลับมา เธอจึงโกรธขึ้นมาทันที เธอจะตะคอกใส่ฉัน?? ! ตั้งแต่เล็กยันโต ไม่ตะคอกใส่ฉันมาก่อน เธอคิดว่าตัวเองเป็นใครกัน? !
เขาพูดจบ จึงตบไปที่ใบหน้าของจันวิภา
จันวิภาไม่ทันได้ระวังตัว ถูกตบไปหนึ่งฝ่ามือ มันสายเกิน ไปที่จะปัดป้อง จึงล้มลงกับพื้นไป
เธอที่ล้มลงมาเช่นนี้ ดึงดูดความสนใจของฝูงชนได้เป็น จำนวนมากขึ้น ทางด้านของสุมิตรเองก็มองมาเช่นกัน
ในใจมีความกังวลใจอยู่เล็กน้อย สุมิตรเหมือนกับพึ่งจะ ได้ยินเสียงของจันวิภา ราวกับเรื่องของจันวิภา เมื่อคิดเช่นนี้เขาจึงเดินมา
เมื่อสุมิตรเดินมา มองเห็นจันวิภาที่กำลังล้มลงอยู่ที่พื้น อีก ด้านของใบหน้ายังบวมจนแดง ก่ำ พึ่งจะถูกตบ
สุมิตรมองข้างๆอีกครั้งหนึ่ง นัยน์ตาถลึงจ้องมองผู้หญิง คนนั้นที่พึ่งจะตบจันวิภาไป ทันใดนั้นเองจึงได้ยิ้มออกมาอย่าง เยือกเย็น
ผู้หญิงของสุมิตร คิดไม่ถึงเลยว่าจะมีใครกล้าแตะ
ต้อง? !
แต่ทว่า ตอนที่สุมิตรยิ้มอย่างเย็นชา ผู้หญิงคนนั้นกลับ
เดินเข้ามาอย่างไม่กลัวตาย
เธอพุ่งถลันไปทางด้านของสุมิตร ใบหน้าอันสวยงาม ปะปนไปกับหยดน้ำตา เสแสร้งทำเป็นร้องไห้อย่างอ่อนแอ “คุณชายสุมิตร คุณอยากมาทำแทนฉันงั้นหรอคะ ในงานเลี้ยง คืนนี้คุณก็นับเป็นคนจัดงาน ผู้หญิงคนนี้นางรังแกฉัน….
สุมิตรไม่ได้ตอบ จ้องมองจันวิภาอย่างเย็นชา แล้วหันหน้า กลับไปมองเธออีกครั้ง หลังจากหัวเราะแล้วจึงพูดขึ้น “งั้นหรอ เรื่องเป็นอย่างนั้นจริงๆหรอ?”
ใช่ค่ะ..” ผู้หญิงคนนั้นยังคงร้องไห้ต่อไป “คุณไม่รู้ หรอกว่าเธอทำเกินไปขนาดไหน เธอไม่ได้รับการอบรมสั่งสอน มาขนาดไหน เข้าร่วมงานเลี้ยงนี้ไม่ควนที่จะมีกฎของทรัพย์สิน อะไรสักอย่างหน่อยหรอ? ไม่ใช่ว่าจะปล่อยให้ใครเข้ามาก็ได้ ผู้หญิงที่ไม่ได้ถูกเลี้ยงดูอบรมมาอย่างนี้ ใครปล่อยให้เข้ามากันนะ?”
ผู้หญิงคนนั้นพูดจาเช่นนี้ออกไปก่อน แต่กลัวว่าสุมิตรคิด จะว่าเธอไม่คิดถึงภาพพจน์ ดังนั้นต่อมาจึงแสร้งทำเป็นร้องให้ ขึ้นมา
“ที.” สุมิตรเปล่งเสียงออกมาจากลำคอ งอนิ้วมือเข้า มาแต่สีหน้าไม่เปลี่ยนแปลงแต่อย่างใด ยิ้มขึ้นมาอย่างชั่วร้าย แล้วพูดกับเธอ “เธอมานี่….”
ผู้หญิงคนนั้นตกตะลึงขึ้นมาทันที คาดไม่ถึงว่าสุมิตรจะ
เรียกตนเองเข้าไปหาด้วยตนเอง จึงตื่นเต้นขึ้นมาทันที ทั่วทั้งตัว
สั่นระริก รีบสิ่งถลันไปทันที ไปอยู่ใกล้เขา จ้องมองใบหน้าอัน หล่อเหลานี้ที่อยู่ด้านหน้าของตนเอง จึงพูดพึมพำออกมากับ ตนเอง “คุณชายสุมิตร….”
“ให้ลงมือแทนเธอ? เธอคิกว่าตาผมบอดหรือไง?” สุมิตร สีหน้าหม่นหมอง พูดอย่างเยือกเย็น ยกริมฝีปากขึ้นมาอย่าง กระหายเลือด
ต่อมา ผู้หญิงคนนั้นไม่มีท่าทีตอบสนองอะไร เขาจึงยกเท้า ขึ้นมาอย่างรวดเร็ว คาดไม่ถึงเลยว่าจะใช้เท้าเตะผู้หญิงคนนั้น จนปลิว!
“หว่า! ” ฝูงชนที่เห็นเหตุการณ์เช่นนี้ต่างก็กรีตร้องขึ้นมา และผู้หญิงที่ถูกเขาเตะจนปลิวนั่น ก็ได้นอนคว่ำอยู่ตรงมุม กำแพงที่ไม่ไกลมากนัก อาเจียนออกมาเป็นเลือด ซึ่งเห็นได้ อย่างชัดเจนว่าบาดเจ็บรุนแรง
เดินมาอยู่ข้างๆจันวิภาด้วยใบหน้าที่สุมิตรดึงเธอ
ขึ้นมาจากพื้น และป่าวประกาศด้วยเสียงที่ดังอย่างผิดปกติ จันวิภาเป็นภรรยาของผม เป็นผู้หญิงของผมสุมิตรคนนี้ และ ไม่ใช่คนที่จะตามตอแยได้ตามใจ! ! ! ”
น้ำเสียงของสุมิตรเยือกเย็น ทั้งยังป่าวประกาศอย่างเอา จริงเอาจัง ทำให้คนทั่วทั้งงานมองไปทางจันวิภาไม่รู้ตัว เป็นครั้งแรกที่ทุกคนเห็นสุมิตรลงมือและพูดเพื่อผู้หญิง
จันวิภาในตอนนี้ ยืนงงอยู่ที่เดิม จ้องมองสุมิตรที่อยู่ต่อ หน้า ดวงตาเบิกกว้างอย่างไม่เชื่อ หากไม่ใช่สายตาผู้คนที่อยู่รอบๆแล้วล่ะก็ ตัวเธอเองก็คงจะหูแว่วไปเอง
แต่ทว่าทางด้านของสุมิตร กลับไม่สนใจวิภาเทาอยู่เลย เขาเข้ามาสัมผัสแก้มของเธอที่ถูกตบจนบวมเป่ง น้ำ เสียงเยือกเย็น แล้วพูดอย่างแฝงไว้ด้วยความเกลียดชังอยู่เล็ก น้อย “คนอื่นตบเธอ เธอไม่รู้จักหลบหรอไง? จันวิภา เธอเป็น หมูหรอ? ผู้หญิงของสุมิตรคนนี้ ใครคนไหนก็ตบได้ไง? เธอสู้ขึ้นมาหน่อยสิ!
“ฉันจันวิภาตกตะลึง กล้ำกลืนนั้นเองน้ำตาก็ได้ไหลออกมาอย่างไม่รู้ตัว ปากตอบโต้กลับไป ถ้านายไม่ทิ้งฉัน ฉันจะถูกตอนนี้นายจะยังมาสั่งสอนฉันอีก ไม่รู้หรือไงว่าหน้าฉันจริงๆ?”
“แต่กันครั้งหน้าถ้าใครตอบเธออีกผมจะตบกลับคืนให้ ได้ยินหรือยัง?” สุมิตรพูดออก มาด้วยความโกรธแค้นอยู่เล็กน้อย ยื่นมือออกมาลูบคล้ำแก้ม ที่แดงแต่ของจันวิภา
จันวิภาพยักหน้าอย่างเลือนลอย ใบหูแดงขึ้นมาโดยไม่รู้ ตัว และเก้อเขินอยู่เล็กน้อย แม้ว่าน้ำเสียงของสุมิตรจะดุดัน แข็งกร้าว ทั้งยังโกรธมาก แต่สิ่งที่จันวิภาได้ยิน กลับเป็นความ ห่วงใยของเขาที่มีต่อเธอ!
เมื่อคิดถึงตรงนี้ ก็สัมผัสได้ถึงความอบอุ่นจากนิ้วมือของสุ มิตรส่งผ่านไปถึงแก้ม ใบหูของจันวิภาจึงแดงยิ่งขึ้นไปอีก หัวใจเต้นเร็วขึ้นอย่างยั่งไว้ไม่อยู่