ตอนที่ 48 อ้อนวอนเขา ให้ฉันยืมเงินหน่อยนะ
สุมิตรเหลือบสายตามองเธออย่างไม่แยแส “นางร่าน เธอ ยังจะมีเรื่องอะไรอีก? ถ้าไม่มีอะไรก็ออกไปซะ! ”
จันวิภารู้สึกทุกข์ระทมจนไม่อาจที่จะเงยหน้าขึ้นมา ยกเท้า ขึ้นมาเตรียมที่จะเดินออกไป
ตอนที่มือของเธอสัมผัสกับลูกบิดประตูเพื่อเตรียมที่จะ ออกไป ทันใดนั้นเองจึงได้คิดอะไรขึ้นมาได้ หยุดเก้าลงทันที หันหน้ากลับมามองไปทางสุมิตร กัดริมฝีปาก จันวิภาเอ่ยปาก พูดขึ้นอย่างอ่อนแอ “สุมิตร ฉันยังมีอยู่เรื่องหนึ่งที่อยากจะพูด คุยกับนายหน่อย…”
“พูด! ” คำพูดของสุมิตรราวกับทองคำจึงไม่พูดอะไรให้
มันมาก
“ก็คือ..เกี่ยวกับการเข้าเรียนของฉัน.”
จันวิภาเปิดปากพูด ยังไม่ทันที่จะพูดจบ ก็เห็นสีหน้าของสุ มิตรเปลี่ยนไปทันที และพูดออกมาอย่างเย้ยหยัน “ไม่ได้ ผมไม่ อนุญาต เธออยู่นิ่งๆ ที่บ้านก็พอแล้ว ไปโรงเรียนเรียนสิ่งที่ไร้ ประโยชน์พวกนั้นไปทำไม? ยิ่งกว่านั้นยังมีผู้ชายอยู่ใน โรงเรียนเยอะแยะ ถ้าเธอไปโรงเรียน ไม่ใช่ว่าเธอจะต้องนอก ใจซิ่ว”
“ฉันไม่ใช่คนแบบที่นายพูด ฉันจะไม่นอกใจแน่ๆ ! ” จัน
วิภาพูดอธิบายออกไปอย่างรีบร้อน “ดนตรีเป็นความฝันของ ฉันตั้งแต่เด็กจนโต ฉันไม่อยากจะทิ้งมันไป!
“เธอเป็นผู้หญิงอย่างนั้น ใช่หรือไม่ ผมรู้มาตั้งแต่แรกแล้ว สรูปแล้ว ผมไม่อนุญาต! ” สุมิตรหัวเราะ น้ำเสียงเยือกเย็น สุขุมเป็นอย่างมาก ไม่มีท่าทีจะพูดคุยด้วยเลยแม้แต่นิดเดียว
จันวิภากัดริมฝีปาก ไม่รู้ว่าจะทำอย่างไร สุมิตรโหดเหี้ยม ขนาดนั้น และเธอก็ไม่อยากที่จะทิ้งดนตรีไป ทำอย่างไรดี?
นั้น ไม่ต้องสนใจความเห็นของเขาก็สิ้นเรื่อง !
เมื่อคิดเช่นนี้ จันวิภาจึงเอ่ยปากพูด “งั้นก็ดี นายให้ฉันยืม เงินหน่อยสิ.”
บัตรธนาคารที่พ่อของเธอทิ้งไว้ให้ใช้ตอนเรียนได้ถูก อายัดไปเสียแล้ว และมะลิวัลย์ก็ไม่ให้เงินเธอ ตอนนี้เธอทำได้ เพียงแค่ขอความช่วยเหลือจากสุมิตรเท่านั้น!
“เธอจะเอาเงินไปทำอะไร?” ดวงตาทั้งสองข้างของสุมิตร หลี่ลง สายตามองลึกจนไม่อาจหยั่งถึง จุดประสงค์ที่จันวิภา ต้องการยืมเงิน เขาเตามันออก เพียงแค่ต้องการดูว่าเธอจะ โกหกอย่างไร!
“ฉันต้องการเงิน.ฉัน…” จันวิภาเอ่ยปากพูด พูดคำ ว่าฉันอยู่ครึ่งค่อนวัน แต่กลับไม่สามารถพูดโกหกออกไปได้ สุดท้ายจึงได้โกรธขึ้นมา ใบหน้าเปลี่ยนเป็นสีแดง ไม่สนใจ อะไรทั้งสิ้น กัดฟันแล้วพูดขึ้นด้วยความโกรธ “สุมิตร ฉันอยาก ไปเรียน เรียนดนตรี ฉันไม่มีคนค่าสมัคร ดังนั้นเลยอยากจะยืม เงินนาย นายวางใจเถอะ ฉันจะหามาคืนนายแน่นอน! ! ! ”
“เธอพูดมาว่าทำไมถึงต้องให้เธอเงิน? ไม่คุณหนูใหญ่ของตระกูลวีระนนท์? ทำไมมาผม!
ควสุมิตรขึ้นมา แต่กลับอดไม่ได้ที่จะขึ้นมาที่
มุมปาก จันวิภาไม่ได้พยายามที่จะโกหกเพื่อเขา ทำให้เป็นอย่างมาก
“แม่เลี้ยงของฉันแอบวางแผนอยู่ในเงามีต ทิ้งไว้ให้ฉันถูกอายัดจนหมด ฉันในตอนนี้ไม่นายให้ฉันยืมเงินสักหน่อยเถอะฉันจะหามาคืนนาย แน่นอน
จันวิภาเงยหน้าขึ้นมอง แล้วพูดออกไปอย่างแต่ ทางด้านของสุมิตร กลับดูเหมือนไม่มีท่าทีตอบสนองอะไร คงนึ่งเงียบอยู่
“นายเรียกตัวเองว่าเป็นคุณชายของบ้านจันวิภามองสุมิตรที่มีท่าทีเช่นนี้ จึงกัดริมฝีปากแล้วทันที ผู้หญิงของตนเองมายืมเงิน แต่ทำเป็นทองไม่รู้ที่
ปากของสุมิตรกระตุกขึ้นมา อดไม่ได้ที่จะยิ้มและพูดขึ้นมา อย่างเยือกเย็น “เธออย่ามามันไม่มีประโยชน์หรอก!
เขาพูดจบ ก็เดินไปข้างหน้าจันวิภา ใช้ที่เรียวยาวบีน ขากรรไกรล่างของแล้วกวาดสายตามองเธอตั้งแต่หัวเท้าอย่าง”จันวิภา ต้องทำถึงจะ?
พูดไปพลาง สุมิตรใช้แรงกดมือของเขาให้ลึกลงไปอีก ขากรรไกรล่างของจันวิภาก็ปวดขึ้นมาทันที เธอขมวดคิ้ว
ขึ้นมาแล้วพูดโต้ตอบ “ฉันพูดไปแล้ว ว่าฉันไม่ใช่! ”
ทันใดนั้นสุมิตรก็เดินเข้ามาข้างหน้า เอาริมฝีปากเข้าไป ใกล้กับหน้าทางด้านข้างของจันวิภา กัดฟันแล้วพูดข้างหูของ เธอ เพราะว่าโสเภณีพอใจที่จะตอบสนองความใคร่ของผู้ชาย ถ้าอยากยืมเงินล่ะก็ ก็มาเอาใจผมสิ”
สุมิตรพูดจบ ปากประกบไปที่ใบหูที่ขาวสะอาดของจัน วิภา และดูดมันอย่างรุนแรง
จันวิภาราวกับโดนไฟฟ้าช็อตก็ของเธอก็ได้เต้นเร็วขึ้น หายใจเร็วขึ้น “อื้อไม่
ตอนนี้ สุมิตรสะบัดจันวิภาออกไป แล้พูดขึ้นมา แต่ครั้งนี้มันไม่ได้ง่ายดายขนาดนั้น ถ้าเธอไม่ร้องออกมา ผมไม่ยินยอม!
“นายนายจันวิภาโกรธ แก้มแดงแจ๋ราวกับเลือด ใหล เธอถลึงตาจ้องมองสุมิตรอย่างโหดเหี้ยมแล้วพูดขึ้น “นาย เห็นฉันเป็นอะไร? ครั้งที่แล้วก็คือครั้งสุดท้ายแล้ว นายอย่าหวัง ว่าฉันจะสำเร็จความใคร่ให้นายอีก ไม่มีทาง!
ใช่หรอ? ไม่มีทางหรอ?” สุมิตรยิ้มอย่างไม่แยแส “ผมคิด ว่าเธอเป็นผู้หญิงร่านที่เกิดมาเพื่อสำเร็จความใคร่ผู้ชายเสียSn! ”
“นาย..นาย.”
จันวิภาโกรธจนถึงขีดสุด เธอกัดฟันอย่างรุนแรง คำพูด ดูถูกเหยียดหยามของสุมิตรที่พูดออกมา ทำให้เธอทนไม่ได้อีก ต่อไป ทันใดนั้นเอง ดวงตาทั้งสองข้างจึงร้อนผ่าวขึ้นมา และ น้ำตาก็ล่วงหล่นลงมาอยู่ต่อหน้าต่อตาเขา
แม้ว่าสุมิตรจะมีความสุขที่ได้เห็นจันวิภาเจ็บปวด ทุรนทุราย แต่เขาก็เหมือนกับผู้ชายทุกคน เมื่อเห็นผู้หญิงนั่ง ร้องจึงรู้สึกไม่สบายใจขึ้นมา จึงตระโกนออกมาทันที “พอแล้ว เธอจะร้องไห้ทำไม?”
ทันใดนั้นจันวิภาจึงเม้มริมฝีปาก แล้วดื้อรั้นไม่ทำให้น้ำตา ของตนเองไหลลงมาอีกครั้ง
สุมิตรไม่สบายใจมากยิ่งขึ้นไปอีก กวาดสายตามอง เหลือบไปเห็นสร้อยข้อมือของจันวิภา ดังนั้นเขาจึงไม่พูดอะไร ออกมา ถอดสร้อยข้อมือของเธออย่างอุกอาจ รีบเดินไปทาง หน้าต่างทันที แล้วโยนมันลงไปในสระน้ำกลางสวน
“สุมิตร นายทำอะไร?” จันวิภาตกตะลึง จึงตระโกนออก มาทันที นั่นเป็นสร้อยข้อมือที่พ่อทิ้งเอาไว้ให้เธอ เป็นชุดเดียว กับหยกโบราณนั่น
สุมิตรได้สติกลับมา จึงมองไปที่จันวิภาแล้วยิ้มอย่างไม่ แยแส “เธอไม่ต้องร้องไห้แล้ว ถ้าภายในหนึ่งชั่วโมง เธอหา กำไรข้อมือเส้นนี้กลับมาได้ ฉันก็รับปากว่าจะช่วยเธอ! ”
เขาพูดจบ หันตัวแล้วเดินออกประตูไป
“สารเลว! ! ! ” จันวิภายืนอึ้งอยู่ที่เดิม จ้องมองดูแผ่น
หลังของสุมิตร ร้องตระโกนออกมา ต่อมา เธอไม่กล้าที่จะเสีย เวลาเพิ่มอีก จึงรีบวิ่งถลันลงไปยังชั้นล่าง แล้วเริ่มหาสร้อยข้อ มือนั่น
จันวิภามองเห็นสร้อยข้อมือถูกโยนตกลงไปที่สระน้ำกลาง สวน ดังนั้นจึงเริ่มคิดที่จะหาบริเวณรอบสระน้ำก่อน หยิบสิ่งของขึ้นมาวัดระดับความลึกของน้ำ จันวิภาจึงพบ
ว่า น้ำในสระนี้ลึกเป็นอย่างมาก อาจจะสูงเกินเธอ จึงกลืน น้ำลายลงทันที
จะลงไปหรือว่าไม่ลงไปดีล่ะ?
จันวิภามองย้อนกลับไป ก็ไม่เห็นแม้แต่สาวใช้ ตอนนี้มี เพียงแค่เธอคนเดียว ไม่มีใครที่จะสามารถมาช่วยเธอได้ และที่ สำคัญที่สุดเลยก็คือ..จันวิภาว่ายน้ำไม่เป็น ! ! !
เม้มริมฝีปากจนแน่น เมื่อจันวิภาคิดว่าตนเองจะต้องละทิ้ง การเล่นดนตรี และจะต้องใช้ชีวิตอยู่ในบ้านของสุมิตรต่อไป อย่างตายทั้งเป็น เธอจะต้องบ้าขึ้นมาอย่างแน่นอน
เมื่อคิดเช่นนี้ จันวิภาจึงสูดลมหายใจเข้าออกลึกๆ จากนั้น ก็ได้มีเสียงตุ้ม เธอกระโดดลงไปในสระน้ำเสียแล้ว