ตอนที่ 47 บทลงโทษ ความโกรธของสุมิตร
ไม่อยากที่จะพัวพันกับนราวิชญ์อีกต่อไปแล้ว จันวิภาจึง ฉวยโอกาสตอนที่ไม่ทันระวัง สะบัดมือเขาหลุดออกไป
“นราวิชญ์ ฉันแต่งงานแล้วนะ เป็นภรรยาของสุมิตรแล้ว นี่ เป็นเรื่องที่เปลี่ยนไม่ได้ พี่ปล่อยวางซะ เถอะ อย่าบังคับให้ฉัน อยู่ด้วยกันกับพี่เลย! ! ! ”
หลังจากจันวิภาตระโกนพูดออกไปเสร็จ ก็วิ่งออกไปโดยที่ ไม่หันหน้ากลับมามอง น้ำตาล่วงไหลลงมาอย่างเงียบๆ ทำให้ ดวงตาพล่ามัว
มองดูแผ่นหลังของจันวิภา มือของนราวิชญ์กำจนแน่นจน กลายเป็นกำปั้น แล้วพูดพึมพำกับตัวเองออกมา “จันวิภา ไม่ว่า เธอจะพูดอะไร ฉันก็จะไม่ปล่อยเธอไปแน่! ”
จากนั้น หลังจากที่กลับเข้ามาในงานเลี้ยง จันวิภาตามหา อยู่นาน แต่กลับหาเงาของสุมิตรไม่เจอแม้แต่เงา
จันวิภาไม่คุ้นเคยกับชีวิตเช่นนี้ และละอายใจที่จะถามคน อื่น ดังนั้นจึงตามหาอยู่ราวครึ่งชั่วโมง หลังจากที่หาสุมิตรยังไง ก็หาไม่เจอ เธอจึงทำได้เพียงแต่กลับบ้านไป
หลังจากที่กลับมาถึงบ้านบ้านวิบูลย์ธนภัณฑ์ มองไปยัง ประตูที่ถูกล็อคเอาไว้อยู่ จันวิภาจึงไม่ได้ว่าจะต้องทำอย่างไร ต่อไปดี
คาดไม่ถึงเลยว่าประตูบ้านจะถูกล็อค? แต่ไหนแต่ไรมันไม่เคยมีเหตุการณ์เช่นนี้เกิดขึ้น นี่มันเรื่องอะไรกันแน่?
เดินไปเดินมา เคาะประตูอย่างแรง ทั้งตระโกนเรียกอยู่ หลายครั้ง แต่หลังจากที่ยังไม่เห็นแม้แต่เงาคน จันวิภาจึงทำได้ เพียงแค่ทำใจ
เธอรู้ว่าประตูเข้าบ้านทางนี้จะมีคนเฝ้าดูอยู่ทุกวัน แต่ทว่า วันนี้กลับไม่มี และยังถูกล็อคเอาไว้อีก เกรงว่าจะเป็นการ กระทำของสุมิตร!
เมื่อคิดถึงสุมิตร ทันใดนั้นเองจันวิภาจึงไม่เข้าใจอยู่เล็ก น้อย เธอทำอะไรผิดอีกแล้วล่ะ? คาดไม่ถึงเลยว่าเขาจะทำอย่าง กับตนเอง?
แม้ว่ามันจะเป็นฤดูร้อน แต่ลมในยามราตรีกลับยังคง หนาวเย็นอยู่ นอกจากนี้ ณ ตอนนี้บนเรือนร่างของจันวิภายังคง สวมใส่เพียงแค่ชุดราตรีชุดเดียว มันยิ่งทำให้หนาวเย็นยิ่งขึ้น ไปอีก
หากว่าต้องแช่แข็งอยู่ข้างนอกนี้หนึ่งคืน เกรงว่าเธอคงจะ ต้องแข็งตายเป็นแน่!
ภายในใจของจันวิภาคิดเช่นนี้ ดังนั้นจึงรีบหาสถานที่ที่ สามารถเข้าไปข้างในได้ แต่กลับพบว่าบริเวณโดยรอบได้ถูก ล็อคเอาไว้จนหมด ไร้หนทางที่จะเข้าไปได้
ถอนหายใจออกมาเฮือกหนึ่ง จันวิภาจึงทำได้เพียงแค่หา กำแพงรั่วสักที่หนึ่ง เพื่อเตรียมที่จะปีนกำแพงเข้าไป
ในที่สุดก็ปืนเข้าไปได้อย่างยากลำบาก หลังจากเข้ามาใน สวนของบ้านพัก จันวิภาคิดอยากที่จะเข้าไปในบ้าน แต่กลับไม่ พบอะไรเลย ไม่ด้านนอกเท่านั้น แม้แต่ด้านในเอง ประตูต่างก็ถูกล็อคเอาไว้จนหมดทุกบาน เธอไม่สามารถเข้าไป ในบ้านได้เลย
“สุมิตร นายทำเกินไปแล้ว! ! ! ” จันวิภาสาปแช่ง และ ตระโกนด่าออกมาด้วยความโกรธ
ยามค่ำคืนช่างเหน็บหนาว จันวิภาหนาวเหน็บเสียจนทุกข์ ระทม แต่ทันใดนั้นกลับเหลือบมองไปเห็นชั้นบนสุดของบ้าน มี แสงไฟเปิดอยู่อย่างริบหรี่ จันวิภาจำมันได้ ที่ตรงนั้นเป็นห้อง ของสุมิตร
ในห้อง สุมิตรกำลังสวมใส่เสื้อโค้ทสีดำ สายตาเย็นชา กำลังจ้องมองจันวิภาที่สั่นเทาอยู่ด้านนอกหน้าต่าง นัยน์ตาคับ แคบลงอยู่เล็กน้อย
“คุณชายอยากจะให้ดิฉันไปพาคุณหญิงกลับมาพักผ่อนที่ ห้องไหมค่ะ?” สาวใช้ที่อยู่ข้างๆเอ่ยถาม
สุมิตรขมวดคิ้ว คิดถึงเรื่องที่เห็นก่อนหน้านี้ของเธอกับนรา วิชญ์ที่ดึงกันไปดึงกันมา จึงโมโหขึ้นมาอย่างไม่รู้ตัว ไม่ จำเป็น! ”
ให้เธอแข็งตายนั้นดีที่สุดแล้ว มันจะทำให้สมองเธอได้สติ ขึ้นมา รู้ว่าควรที่จะต้องทำอย่างไร และไม่ต้องทำอะไร!
สาวใช้คนนั้นตกใจเป็นอย่างมาก จึงหบปากลงในทันทีและไม่เอ่ยพูดขึ้นมาอีก
จันวิภามองแสงไฟที่อยู่บนห้องของสุมิตร หนาวเสียจนตัว สั่นงักงัก ภาวนาให้เขามองเห็นเธอ และปล่อยให้ตนเองเข้าไป ข้างใน แต่กลับคาดไม่ถึง ไฟที่อยู่ในห้องของเขานั้นมีดลงเสีย แล้ว
จันวิภาอิ้งอยู่ครู่หนึ่ง จามขึ้นมาทันที และอดไม่ได้ที่จะ กัดฟัน สุมิตร แกนี่มันจิตใจเลวทรามอำมหิตจริงๆ!
ไม่จินตนาการถึงการโอบกอดใดๆของสุมิตรอีก จันวิภา หดตัวลงอยู่ตรงมุม เธอจะต้องตัวสั่นงีกงักอยู่อย่างนี้ไปหนึ่งคืน
เช้าตรู่วันที่สอง จันวิภาถูกความเหน็บหนาวปลุกจนตื่น ตอนที่เธอตื่นขึ้นมา เงยหน้าขึ้น จึงได้พบว่าประตูบ้านได้ถูกเปิด ออกแล้ว จึงรีบวิ่งถลันเข้าไปทันที
จันวิภารับกลับเข้าไปในห้องแล้วอาบน้ำอุ่น หลังจากที่ ร่างกายได้รับความอบอุ่นแล้ว จึงได้ไปหาสุมิตร
มาถึงห้องของสุมิตร จันวิภาพึ่งจะเดินเข้าไป ก็ได้ตระโกน ถามขึ้นมา “สุมิตร เมื่อคืนนี้ทำไมนายถึงกลับก่อน โดยไม่พูด อะไรสักค่า? นายรู้ไหมว่าฉันหานายตั้งนาน? และทำไมนายถึง ไม่ให้ฉันเข้าบ้าน?”
“นายรู้ไหมว่าเมื่อคืนฉันอยู่ข้างนอกอีกนิดก็หนาวตาย แล้ว? ฉันทำผิดอะไรอีกล่ะ ถึงทำให้นายทำอย่างนี้กับฉัน? นาย เข้าใจหรือเปล่าว่าฉันเป็นภรรยาของนาย? ทำไมนายถึงได้ทำ อย่างนี้กับฉัน? นาย…..เมื่อคืนในงานเลี้ยงนายยังปกป้องฉันอยู่
พูดถึงประโยคสุดท้าย จันวิภาก็ได้กัดริมฝีปาก สำหรับสุ มิตร เธอนั้นมองไม่ออกจริงๆ เห็นได้ชัดว่าเมื่อคืนนี้ในงานเลี้ยง ตอนเขาปกป้องเธอ และเป็นห่วงตัวเธอเองเป็นอย่างมาก แต่
สุมิตรขมวดคิ้ว แต่ไม่ได้เงยหน้าขึ้นมา หัวเราะแล้วพูดขึ้น “อยู่ต่อหน้าคนนอกผมต้องปกป้องเธอ เพื่อแต่ว่า เธอย่ามาแสดงละครต่อหน้าผม หญิงร่านอยู่วันยังค่ำ หญิงร่านที่ไม่มีแม้แต่ความ
ฉันแสดง? จันวิภานิ่งอึ้ง ฟังไม่เข้าใจอยู่เล็กน้อย เพราะอะไรเขาถึงได้หยิบเรื่องนั้นขึ้นมาพูดกันนะ เธอสูญเสีย ความบริสุทธิ์ก่อนแต่งงาน เธอเคยอธิบายไปแล้ว ว่าไม่ใช่เป็น
ถ้าหากสามารถทำได้ เธอก็ไม่อยากที่จะสูญเสียความ บริสุทธิ์ก่อนแต่งงานและถูกคนแย่งชิงครั้งแรกไปหรอก!
เธอกัดฟันอย่างรุนแรง จันวิภาพูดอย่างไม่เต็มใจ สุมิตร วันนี้นายต้องพูดให้ชัดเจน ฉันไปแสดงละครตอนไหนกัน?”
พูดจบ จันวิภาจึงคว้าดึงแขนเสื้อของสุมิตรเอาไว้ไม่
สุมิตรจ้องมองจันวิภาที่อยู่ข้างหน้าอย่างเยือกเย็น เมื่อคิดถึงเรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อคืน ก็โกรธขึ้นมาทันที ทันใดนั้นจึงเอ่ย ปากพูดขึ้นอย่างเย็นชา “เธอคิดดูให้ดีๆ ที่งานเลี้ยงเมื่อคืนนี้ได้ ทำเรื่องสกปรกอะไรเอาไว้ ผมถึงได้ทิ้งเธอเอาไว้”
จันวิภานิ่งอึ้ง จ้องมองสายตาที่เย็นชาคู่นั้นของสุมิตร มัน ไม่เหมือนกับการล้อเล่น สีหน้าจึงหม่นหมองขึ้นมาทันที เมื่อคืน เธออยู่ที่งานเลี้ยง….
ทันใดนั้นเองจึงคิดอะไรออกขึ้นมา ในสมองของจันวิภา คิดออกมาได้ถึงทางเดินตรงห้องน้ำ ค่าพูดของเธอกับนราวิชญ์ จึงเอ่ยปากพูดออกไปอย่างรีบร้อน “เมื่อคืนนี้นายคงไม่ได้เห็น ฉันพูดคุยกับนราวิชญ์หรอกนะ?”
“ที! ” สุมิตรเปล่งเสียงออกมาอย่างเยือกเย็น “เธอยัง กล้ายอมรับอีก นี่เธอยังมีความภาคภูมิใจใจตนเองอยู่บ้าง ใหม! ”
จันวิภาอึดอัดขึ้นมาทันที “เรื่องไม่ได้เป็นอย่างที่นายคิด
นายฟังฉันอธิบายก่อน”
“ผมเห็นมันด้วยตาตัวเอง และได้ยินเองกับหู เธอยัง ต้องการที่จะอธิบายอะไรอีก? จันวิภา ฐานะเป็นภรรยาของผม แต่กลับหลบซ่อนพูดคุยกระหนกระหนิงกันกับทายาทบริษัท พยุงพงษ์กรุ๊ปตรงทางเดินห้องน้ำ นี่เธอยังคิดว่าตัวเองไม่มี ความผิดอยู่อีกหรอ? เธอนี่มารยาจริงๆ! ”
“เรื่องไม่ได้เป็นอย่างที่นายคิด สุมิตร นายต้องเชื่อฉันนะ ระหว่างฉันกับนราวิชญ์ไม่ได้มีอะไรกันเลย พวกเราก็แค่ตอนเป็นเด็กชอบเล่นอยู่ด้วยกันบ่อยๆก็เท่านั้นเอง เมื่อคืนฉันพูดกับ เขาชัดเจนแล้ว จริงๆนะ! จันวิภาอธิบายออกไปอย่างรีบร้อน
“เธอไม่ต้องมาแสดงละครที่นี่ ผมไม่อยากฟังว่าเธอพูด อะไรกับผู้ชายคนอื่นมาบ้าง ผมแค่รู้ว่าเธอเป็นผู้หญิงร่าน เสีย ความบริสุทธิ์ก่อนแต่ง เป็นผู้หญิงร่างที่ไม่มีความบริสุทธิ์อยู่ เลย! ” สุมิตรพูดจบ จึงสบัดจันวิภาออกไป
ทันใดนั้นเองใบหน้าของจันวิภากลับแปรเปลี่ยนเป็นสีขาว เปิดปากออกเพื่อต้องการที่จะอธิบายอะไรบางอย่าง แต่กลับ พบว่าตนเองไม่มีทางที่จะอธิบายอะไรได้เลย..
เสียความบริสุทธิ์ก่อนแต่งงาน….
ก้มศีรษะลงไป ปิดปากจนสนิทแน่น หัวใจของจันวิภาแผ่ ซ่านไปด้วยความเจ็บปวดรวดร้าว ทุกข์ระทมเสียจนทำให้เธอ หายใจไม่ออก