ตอนที่ 75 พิพาท หึงหวงอีกครั้ง
ธนภาคถอนหายใจออกมาเฮือกหนึ่ง เขาพูดขึ้น “เมื่อก่อน ผมเคยโม้เรื่องเธอต่อหน้าสุมิตร โดยเฉพาะตอนอยู่ในต์คลับที่ เธอชนะการพนันในครั้งนั้น ทำให้ผมคิดว่าผมได้เห็นอะไรจาก เธอ ความกล้าหาญ สติปัญญา ความเอื้ออาทร ความเมตตา และยังมีความงดงาม”
ธนภาคพูดเยอะมาก แต่ทว่าสิ่งที่เน้นหนักกลับเป็นสองคำ
เมื่อก่อน?
กล่าวอีกนัยหนึ่ง ตอนนี้มันเปลี่ยนไปงั้นหรือ?
“ตอนนี้หรอ ตอนนี้ผมก็ยิ่งไม่เข้าใจเธอ มองไม่ออกว่าเธอ
กำลังเสแสร้งหรือว่าจริงจังกันแน่…
“สุมิตรก็อาจจะเหมือนกับผมนั่นแหละ ถ้าหากว่าเธอเส แสร้ง เธอก็จะเป็นผู้หญิงที่น่ากลัวคนหนึ่ง….
“ทฤษฎีสมคบคิดที่ผู้ชายชอบใช้กัน” จันวิภาหันศีรษะของ เธอมองไปนอกหน้าต่าง แล้วพูดขึ้นอย่างเยือกเย็น “ได้โปรด จอดรถด้วยค่ะ คุณยนภาค”
แรก
ธนภาคไม่จอดรถ เพราะว่าเขาก็ต้องการไปหาสุมิตรเช่น เดียวกัน เพื่อให้เขาดูข้อมูลสำคัญสักหน่อย
จันวิภาไม่ได้ส่งเสียงโหวกเหวกโวยวายต่อหน้าชายคนนี้
ที่เธอไม่คุ้นเคย
หลังจากกลับถึงบ้าน จันวิภาคาดเดาได้เลยว่าคงจะมีฉาก โรคประสาทกำเริบขึ้นมาแน่นอน
“เธอยังมีหน้ากลับมาอีกหรอ? นางแพศยา! สุมิตรนั่ง อยู่บนโซฟา ปลายนิ้วคืบบุหรี่เอาไว้หนึ่งมวน สายตาไม่เหลียว มองจันวิภา แต่ทว่าระหว่างคิ้วกลับเต็มไปด้วยความเย็นชา
“ดูเหมือนว่าฉันไม่มีอะไรจะอธิบาย” จันวิภาแบะมือออก
พูดเหตุผลต่อหน้าสุมิตรนั้นมันไม่มีประโยชน์อันใดเลยแม้แต่ น้อย
พูดจบจันวิภาก็หันตัวแล้วเดินขึ้นไปชั้นบน ตั้งแต่ต้นจนจบ เธอทำเพียงแค่เหลือบตามองสุมิตรเท่านั้น
อุณหภูมิในห้องสูงขึ้น แต่คราวนี้มันไม่ได้เป็นความ ต้องการทางเพศ แต่เป็นอารมณ์
สุมิตรลุกขึ้นมาจากโซฟา ยื่นมือออกมาจับแขนของจัน วิภาเอาไว้ จันวิภาสะบัดออกไป สุมิตรจึงใช้อีกมือหนึ่งบีบคอ
ของเธอจนแน่น
เพียงไม่นาน จันวิภาก็รู้สึกหายใจไม่ออกและไอเย็นไหล
ทะลักเข้าสู่ร่างกาย
ธนภาคไม่
ขึ้น
ความ
วิภาแต่
นี้
ไม่ก็ไม่
สุมิตรพูดด้วยใบหน้าที่ไร้ซึ่งอารมณ์ “แต่นายหาตั้งนาน แล้วยังหาไม่เจอ”
ธนภาคเม้มปากแบบปัดๆ เขายิ้มแล้วพูด “นายคิดว่าผม มาดูพวกนายทั้งสองทะเลาะกันงั้นหรอ?” พอพูดจบสายตาของ เขาก็เปลี่ยนไปเป็นน่าสนใจ
“ได้ข้อมูลมาแล้ว หลังจากผมได้รับมันแล้วจึงได้รีบมา ทันที” ธนภาคพูดไปพร้อมกับดึงซองจดหมายออกมาจากแขน
สุมิตรรับซองจดหมายมาไว้ในมืออย่างเชื่อครึ่งไม่เชื่อครึ่ง จากนั้นจึงนั่งลงบนโซฟาอ่านมันอย่างอดใจไม่ไหว และไม่ได้ สนใจจันวิภาอีก
จันวิภาฉวยโอกาสเดินออกไป และไม่สนใจ “แมวป่าตัว น้อย” ที่ออกมาจากปากพวกเขาว่าคืออะไร
แต่ทางด้านของสุมิตรกลับยิ้มออกมาทันที มองดูรูปถ่าย แล้วพูดขึ้น “มันเป็นอย่างนี้นี่เอง ไม่แปลกใจเลยที่เธอจะเห็น ผมตื่นตระหนกขนาดนั้น”
ธนภาคสนใจขึ้นมาอยู่เล็กน้อย จึงอยากที่จะเห็น “แมวป่า ตัวน้อย” ที่อยู่ในใจของสุมิตรว่าเป็นใครกันแน่ แต่สุมิตรกลับ พูดขึ้น “ธนภาค นี่ก็สายมากแล้ว ผมคิดว่านายควรกลับไปได้ แล้ว”
มันเป็นคำไล่ที่ชัดเจนมาก
ธนภาคไม่รู้ว่าต้องทำอย่างไร และเดินออกไปโดยไม่พูดอะไร
หลังจากเขาไปแล้ว สุมิตรก็ได้คิดถึงเรื่องของจันวิภาเมื่อ วันกลาง ยิ้มอย่างเยาะเย้ยแล้วลุกขึ้นมา เดินขึ้นไปชั้นบนแล้ว เคาะประตูห้องของจันวิภา
“มีอะไร?” จันวิภาบ่นพึมพำออกมาอย่างไม่พอใจ แต่ไม่ ได้ตั้งใจที่จะเปิดประตูออกมา
เสียงของสุมิตรดังลอยออกมาจากช่องประตู “ผมให้เวลา เธอห้าวินาที ถ้ายังไม่เปิด ผมจะให้เธอได้รับบทลงโทษที่
สาสม”
เสียงของสุมิตรนั้นเยือกเย็นเป็นอย่างมาก จันวิภารู้ดีว่า หากเปิดประตูในคืนวันนี้มันจะเป็นการยากที่จะหยุดยั้ง ดังนั้น จึงกัดฟัน กำหมัดจนแน่น ตัดสินใจอย่างเงียบๆว่าถึงอย่างไรก็ จะไม่เปิดประตูออก อย่างไรก็ตาม เธอยังคงพิงประตูเบา ๆ และฟังการเคลื่อนไหวจากภายนอก
ห้าวินาทีผ่านไปอย่างรดเร็ว จันวิภาไม่ได้ยินการ เคลื่อนไหวอะไรนอกประตู จึงตบไปที่หน้าอกของตนเองแล้ว รู้สึกโล่งใจ
เพียงไม่นาน จันวิภาก็เตรียมที่จะอาบน้ำและพักผ่อนสัก เล็กน้อย ไม่งั้นละก็คาบเรียนในวันพรุ่งนี้ก็คงจะต้องสายอีกเป็น แน่
แผลที่หลังมือนั้นได้เป็นรอยแผลเป็นเสียแล้ว ดังนั้นเลยไม่ ใต้ดูแลอะไร หลังจากจันวิภาเปิดน้ำอุ่นจนเต็ม เธอก็นั่งลงแล้วพิงอย่างอิ่มเอมใจ
นอกเสียจากเสียงของคลื่นน้ำตอนที่เคลื่อนไหวร่างกาย อย่างช้าๆ ทั้งหมดทั้งมวลต่างก็เงียบสงัด ความร้อนเพิ่มขึ้นและ ปกคลุมทั่วทั้งห้องน้ำ ราวกับอยู่ในดินแดนแห่งเชียนอย่างไร อย่างนั้น
จันวิภาหวังว่า อย่างนี้ก็ดีแล้ว แท้จริงแล้วเธอไม่อยาก เผชิญหน้ากับสุมิตรและความวุ่นวายทั้งหมด
หลังจากนั้นไม่นาน จันวิภาก็ได้หลับลงอย่างรวดเร็ว แต่
ทว่าในความสะลืมสะลือเธอกลับได้ยินเสียงเปิดประตูดังขึ้นมา ทันที จึงสะดุ้งเฮือก จากนั้นจึงกรีดร้องขึ้นมาทันที
ในไม่ช้า ประตูห้องน้ำก็ถูกเปิดออกมาอย่างรุนแรง ใบหน้าที่เย็นชาของสุมิตรได้ปรากฏออกมาอยู่ต่อหน้าของจัน วิภา
จันวิภาใช้มือทั้งสองโอบหน้าอกของตนเองเอาไว้ แต่ เพราะว่าในอ่างอาบน้ำไม่มีฟองน้ำอยู่ ร่างกายของเธอจึงยังคง เปลือยล้อนจ้อนแล้วเผยออกมาให้สุมิตรเห็น
สุมิตรหัวเราะเยาะแล้วพูดขึ้น “เสแสร้งได้ลำบากจริงๆ”
จันวิภาฟังประโยคเช่นนี้เสียจนเบื่อหน่าย จึงได้ตอบโต้ไป โดยอัตโนมัติ ตระโกนออกไปว่า “นายเข้ามาได้อย่างไง อยากจะให้ตกใจตายหรือไง?” ดูเหมือนว่าจันวิภาจะตกใจกลัว จริงๆ น้ำเสียงสั่นเครืออยู่เล็กน้อย
สุมิตรจ้องมองดูจันวิภาที่เหมือนกับคนบ้า แล้วพูดขึ้นมา อีกครั้ง “นี่มันบ้านผม ผมจะไม่มีกุญแจเลยหรือไง? ไอคิวของ เธอนี่ต่ำจริงๆ นี่เป็นเรื่องปกติธรรมดาของผู้หญิงแพศยางั้น หรอ? เหมือนกับที่พวกเธอคิดว่าแอบเจอคนข้างนอกจะไม่ถูก พบอย่างไรอย่างนั้น”
จันวิภาเต็มไปด้วยความขมขื่น เธอเปล่งเสียงสูงแล้วพูด ออกมา “ฉันต้องอธิบายอีกสักกี่ครั้ง นราวิชญ์แค่มาบอกลาฉัน เท่านั้นเอง ในเมื่อนายพูดว่านายเห็นมัน นายก็น่าจะรู้นี่ว่าพวก เราไม่ได้ทำอะไรกัน”
ดวงตาของจันวิภาเบิ่งกว้าง เธอไม่เข้าใจจริงๆว่าทำไม ชายคนนี้จึงสงสัยอยู่เสมอ มันทำให้คนเป็นบ้าจริงๆ
“อ๋อ? ไม่ได้ทำอะไรกัน? แต่ผมกลับเห็นว่าพวกเธอรักกัน อย่างลึกซึ้ง ลังเลที่จะแยกจากกัน ใครจะรู้ว่าลับลังพวกเธอสอง คนแอบทำอะไรกัน? ที่แท้เธอก็อยากให้ผมดูภรรยาของตัวเอง กับชายคนอื่นเล่นฉิ่งฉับกัน?”