ตอนที่ 70 รับมีดแทนเขา
สุมิตรเริ่มที่จะมองไม่เข้าใจผู้หญิงที่อยู่ตรงหน้าแล้ว จน กระทั่งจันวิภาจะก้มลง ตอนที่กดบาดแผลตรงหลังมือเขาก็ยัง คงตื่นตระหนกอยู่
เขาคิดไม่ออก ผู้หญิงคนนี้ใช่นางร่านแบบที่เขาคิดมาโดย ตลอดหรือไม่?
พวกนักเลงที่ถูกสุมิตรเตะล้มลงไมพวกนั้นลุกขึ้นมา แล้ว ฟันมีดลงมาอีกครั้ง
สุมิตรในตอนนี้มีท่าทีตอบสนองออกมา เขาดึงจันวิภาเข้า สู่อ้อมกอดอีกครั้ง หลังจากนั้นตอนที่เตะพวกนักเลงเหล่านั้นจน ปลิว เขาก็วิ่งฝ่าวงล้อมออกไป
“อย่าให้พวกเขาหนีไปได้! ”
“หยุดนะ! ”
“จับพวกเขาเอาไว้! ”
กลุ่มอันธพาลที่อยู่ข้างหลังเขาไล่ล่าพวกเขาอีกครั้ง
แต่ทว่าตอนนี้ ในที่สุดคนของสุมิตรก็บุกเข้ามา
รถยนต์ที่หรูหราจอดติดกันห้าคันอยู่ตรงปากทางเข้าสนามบิน มีกลุ่มบอดี้การ์ดที่สวมใส่ชุดสูทวิ่งถลันลงมาจากรถ พวกเขาส่วนหนึ่งคุ้มครองสุมิตรและจันวิภา อีกกลุ่มหนึ่ง
วิ่งไปต่อสู้กับพวกนักเลงกลุ่มนั้น
ชายคนหนึ่งที่ดูเหมือนกับจะเป็นหัวหน้าของเหล่าบรรดา
บอดี้การ์ด ได้เดินเข้ามาหาสุมิตรทางด้านหน้า ก้มศีรษะลงแล้ว พูด “เจ้านาย พวกเรามาช้าไปครับ” สุมิตรจ้องมองพวกเขาอย่างเยือกเย็น ชี้ไปยังนักเลงที่ กำลังต่อสู้อยู่แล้วพูดกับเขา “สิ่งโสมม ยังไม่รีบไปจัดการกับ
กลุ่มเศษขยะนี่อีก”
บอดี้การ์ดคนนั้นพยักหน้า หลังจากเหลือเอาไว้คุ้มกันอยู่ ไม่กี่คนจากนั้นก็รีบเข้าไปในสนามต่อสู้
คนทั้งสองหันดาบเข้ามาท้ำหั่นกัน จันวิภามองดูสิ่งที่เกิด ขึ้นทั้งหมด จึงมองสุมิตรอย่างตกใจแล้วพูดขึ้น “นี่มันเกิดอะไร ขึ้น?”
สุมิตรไม่ตอบจันวิภา แต่กลับยกมืออันแสนจะบอบบาง ของจันวิภาขึ้นแทน
เขามองหลังมือของจันวิภาที่ถูกมีดฟันจนบาดแผลเปิดอ้า เป็นสีแดงฉาน หันกลับมาแล้วพูดคุยกับคนที่อยู่ข้างๆ “เรียก หมอส่วนตัวมา”
ชายคนนั้นพยักหน้า แล้วขับรถออกไป
สุมิตรปลดเนคไทออก แล้วรัดแผลที่หลังมือของจันวิภาแต่ไม่ว่าจะทำยังไง เลือดก็ยังหลุดใหลออกมา
สีหน้าของจันวิภาก็เปลี่ยนเป็นขาวซีด สุมิตรก็เลยอุ้มวิภา เข้ามา แล้วค่อยวางเบาๆในรถ
หลังจากนั้นเขาก็จุดบุหรี่เงียบๆ มองจ้องออกไปอย่าง เย็นชาที่พวกนักเลงและลูกน้องของเขาก็กำลังไล่ฆ่าพวกนั้นอยู่
จันวิภาอยู่ข้างหน้าต่างมองไปที่ใบหน้าข้างๆของสุมิตร และนัยน์ตาสุดเย็นชาของเขา
สายตาที่ชินชากับการห่ำหันของใบมีดแผงไปด้วยความ เย็นชา ยิ่งมองใกล้ยิ่งรู้สึกถึงความเย็นชาเข้าไปอีก
จันวิภามองค้างไปที่สุมิตรข้างนอกหน้าตา ไม่รู้ว่าแผลบน หลังมือของเธอเลือดได้ไหลทะลักออกมา เลือดสีแดงสดไหล ออกมา ต่อให้ถูกเนคไทมัดอยู่ที่รั้งไว้ไม่อยู่
เนคไทสีน้ำเงินเข้มดูดซับเลือดเต็มไปหมด เปลี่ยนเป็น เย็นและหนาหนักขึ้น จันวิภารู้สึกได้ถึงเลือดที่หยดลงไปทีละ หยดทีละหยดบนหัวเขาของตัวเอง
เวลาผ่านไปสักพักจันวิภารู้สึกตื่นตระหนก แล้วยิ่งเจอ เรื่องสะเทือนขวัญที่ผ่านมาเมื่อครู่ก็เป็นลมไป
สุมิตรบังเอิญมองเห็นจันวิภาอยู่ก็ล้มพับไปด้านหลัง ใน ใจก็เกิดความกังวลขึ้น รีบยิ่งเธอขึ้นมาที่ไหล่ของเขา
และในจังหวะนี้ ชายชุดดำข้างนอกหน้าต่างก็เดินเข้ามา หน้ารถ โค้งคำนับแล้วพูดขึ้น: “เจ้านาย จัดการทั้งหมดเรียบร้อยแล้ว”
สุมิตรมองไปที่คนนั้นแวบหนึ่งพยักหน้าแล้วพูดกับเขาะ “เก็บกวาดสนามสู้ให้เรียบร้อย ถ้าหน่วยSWATมา พวกนายน่า จะรู้นะว่าต้องทำยังไง”
ชายชุดดำคนนั้นพยักหน้า: “อยู่กับเจ้านายมาตั้งนาน เรื่องพวกนี้รู้แน่นอน แต่ว่าตอนนี้เจ้านายจะไปที่ไหนต่อครับ?” สุมิตรมองไปที่จันวิภาที่เป็นลมไปแล้วพูดต่อ: “อยู่นี้ก่อน
สักพักหมอส่วนตัวน่าจะมา”
พูดจบแล้ว ชายชุดดำคนนั้นก็หันหลังกลับไปจัดการเรื่อง ที่เหลือต่อ แต่สุมิตรกลับสั่งให้เขาหยุด
“เจ้านายมีเรื่องอะไรอีกครับ?” ชายชุดดำคนนั้นก็ก้มหน้า โค้งตัวลงราวกับอยู่ที่ด้านหน้าของสุมิตร กลัวว่าจะมีปัญหา อะไรเกิดขึ้น
แต่ตอนนี้ก็สายไปแล้ว เพราะว่าเขาได้พลาดไปแล้ว
สุมิตรจ้องอย่างเย็นชาไปที่เขา แล้วหัวเราะขึ้นอย่างเย็น ชา: “แม้ผมจะไม่ได้ดูเวลา แต่ก็เดาได้ ตั้งแต่จันวิภาโทรศัพท์ เรียกแกมา ผมรู้เลยว่าต้องใช้เวลาเท่าไหร่ แกอยากจะพูดเอง หรือจะให้ฉันพูด?”
คำพูดเรียบๆ นอกจากจะสร้างลมหนาวแล้ว ก็เหมือนกับ
คำถามทั่วไป แต่ชายชุดดำคนนั้นกลับคุกเข่าที่นอกรถ “เจ้านาย ทั้งหมด 10 นาที พวกเรามาช้าเกินไปแล้วครับ”
ชายชุดดำก่อนหน้าตอนสู้กับพวกนักเลงมีความกล้าบ้า เลือด แต่ ในตอนนั้นกลับคุกเขาลง สายตากล้ามองไปที่สุมิตร น้ำเสียงที่เปล่งออกมากำลังสั่นอยู่
“งั้นแกน่าจะรู้ว่าต้องทำยังไง? ไม่ต้องถึงตาย แค่ออกไป จากสายผมไกลๆ” สุมิตรพูดอย่างเย็นชา
ชายคนนี้มาช้าไปก้าวหนึ่ง ช้าอีกนิตเตียว ชีวิตของเขา และจันวิภาไม่เหลือแน่ แบบนี้ไม่มีทางที่จะมาคุ้มของคนได้ทัน คนแบบนี้สุมิตรไม่ต้องการ
ผ่านไม่นาน หมอส่วนตัวของสุมิตรก็มาแล้ว รักษาให้จัน วิภาเสร็จแล้วก็งบอกกลับสุมิตรว่าเธอไม่ได้เป็นอะไรมากแล้วก็ จากไป
ขณะรถกำลังขับอยู่ จันวิภาก็ตื่นขึ้นมา แล้วมองค้างที่สุ
มิตร
สุมิตรสัมผัสได้ถึงสายตาของจันวิภาที่ส่งออมา มองอย่าง เย็นชาไปที่เธอแล้วพูดขึ้น: “มองพอยัง?”
ตอนนั้นเองจันวิภาถึงจะตื่นขึ้นเป็นปกติ เธองงไปสักพัก แล้วเงียบไปสักพักถึงจะพูดขึ้น: “ที่คุณคุยกับคนคุ้มกันของคุณ ฉันได้ยินหมดแล้ว”
สุมิตรหมุนพวงมาลัยต่อไป ไม่สนใจจันวิภา
สุมิตรขมวดคิ้วมองไปที่สุมิตรแล้วถามเบาๆ : “จริงๆคุณ เป็นคนแบบไหนกัน ทำไมฉันรู้สึกว่าน่ากลัวมาก”
สุมิตรตวัดตามองเธอแล้วพูดขึ้น: “รู้อยู่แล้ว ทำไมยังต้อง ถามผมอีก?”
จันวิพาเปิดปาก: “คุณ…เป็นมาเฟียจริงๆ ใช่ไหม? สุมิตรส่งเสียงอึมออกมา นี้ก็หมายความว่ายอมรับนั้นเอง
หลังจากได้รับคำตอบยืนยันแล้ว จันวิภาก็ไม่พูดอะไรขึ้น อีก แต่พอมาถึงคฤหาสน์แล้ว เธอก็พูดขึ้น: “สุมิตรฉันอยากจะ หย่ากับคุณ”
“ทำไม?” สุมิตรมองจันวิภาอย่างเย็นชา
“นี้เป็นครั้งที่ 2 แล้วนะที่เธอพูดถึงเรื่องหย่า แต่ผมบอกกี่ที่ แล้วว่า ผมไม่หย่าแน่นอน แล้วก็จะกวนใจเธอไปทั้งชีวิต”
จันวิภาพูดอย่างโมโห: “สุมิตร คุณมันอยู่ด้านมืด ฉันจัน วิภาที่แสนขาวสะอาด ไม่อยากจะยุ่งกับเรื่องพวกนั้นของคุณ แล้วก็ฉันไม่อยากถูกคนไล่ฆ่าด้วย คุณให้ความปลอดภัยฉันไม่ ได้เลย”
สุมิตรหยุดเท้าทันที มองไปที่จันวิภาอย่างเย็นชา: “จัน วิภา เธออย่าคิดว่า คุณเคยช่วยผมหนึ่งครั้ง นี้มันเหมือนได้คืบ จะเอาศอกแล้วนะ”
พูดจบสุมิตรก็กอดเข้าที่เอวจันวิภาแล้วอุ้มขึ้น เท้าข้างหนึ่ง ก็ถีบประตูห้องนอน แล้ววางจันวิภาลงบนเตียง