ตอนที่ 87 ต้องมีชีวิตอยู่ต่อไป
เพราะครั้งที่แล้วตอนที่ไปพบปะกับสุพจน์ก็ได้ถูกจันวิภา เห็นเข้าเสียแล้ว ดังนั้นครั้งนี้นวาระจึงได้เปลี่ยนสถานที่ใหม่อีก ครั้ง แต่ก็ยังคงเป็นที่นั่งพิเศษในร้านกาแฟอีกเช่นเคย
สุพจน์รออยู่ในที่นั่งพิเศษแล้ว นวาระก็ยังคงแต่งตัวได้ ยั่วยวนและเล่าผลลัพธ์ก็ยังคง เหมือนเดิม สุพจน์ทำอย่างไงก็ไม่อาจ ที่จะยั่วยวนได้
แล้วบอกเล่า เรื่องราวเกี่ยวกับ
สุพจน์นิ่งอึ้งไปครู่หนึ่ง ไม่คาดคิดเลยว่าจะยังมีเรื่องราว เช่นนี้อยู่อีก หลังจากครุ่นคิดอยู่เล็กน้อย เขาจึงคิดแผนการขึ้น มาได้ แล้วพูดกับนวาระ”ฉันจะช่วยเธอตรวจสอบเรื่องนี้ให้ ชัดเจน ทีแล้วธนภาคเป็นคนตรวจสอบเรื่องนี้ ในเมื่อเธอ พูดอย่างนี้ งั้นฉันก็จะเริ่มขึ้นจากในมือเขานี่แหละ มันง่าย มากกว่าที่จะเริ่มจากมือของสุมิตร เธออย่าพึ่งทำอะไรมุทะลุไป ล่ะ! ”
“อืม! ” นวาระพยักหน้า “เรื่องนี้ต้องขอร้องคุณแล้ว เรื่อง ที่คุณต้องการให้ฉันทำ ฉันก็ทำไปเกือบจะเสร็จแล้ว เชื่อว่าอีกไม่นานก็คงจะสำเร็จ! ”
“งั้นก็ดี!
สุพจน์ยกริมฝีปากขึ้น นัยน์ตาส่องประสายแสงแห่ง ชัยชนะออกมา จันวิภาคนนั้น เป็นผู้หญิงที่สุพจน์ต้องการ!
สุพจน์กับนวาระพูดคุยกันอยู่เล็กน้อย จากนั้นจึงแยกย้าย กันไป หลังจากรีบกลับไปคฤหาสน์ก่อนที่สุมิตรกลับ แต่ทว่าสุ มิตรกลับพบว่าบนคอของเธอไม่ได้สวมหยกก้อนนั้นเอาไว้?
“เกิดอะไรขึ้น? มันหล่นไปงั้นหรอ?” สุมิตรดึงนวาระเข้าสู่ อ้อมกอด แล้วนั่งลงบนโซฟาด้วยกัน
คิ้วของสุมิตรขมวดกันจนแน่น ใช้นิ้วมือเกี่ยวกระดูก ไหปลาร้าอันแสนจะละเอียดอ่อนที่เผยออกมาของนวาระ
นวาระไม่เพียงแต่ไม่ขัดขืน แต่กลับโน้มตัวมาข้างหน้า จากนั้นจึงยิ้มแล้วพูดออกมาว่า “เพราะฉันกลัวว่าจะทำมันหล่น หายอีก ครั้งที่แล้วโชคยังดีที่คุณเก็บไว้ได้ ถ้าคนอื่นเก็บไป ฉัน ก็คงไม่ได้มันกลับคืนมาอีก”
สุมิตรเหลือบมองนวาระด้วยความสงสัยอยู่เล็กน้อย หยก ก้อนนี้ควรจะเป็นของที่บรรพบุรุษส่งต่อให้มา มันแปลกมากที่ จะถอดมันออกแทนที่จะสวมใส่มันเอาไว้
นวาระดูเหมือนจะสังเกตเห็นความสงสัยที่อยู่ในสายตา ของสุมิตร ดังนั้นจึงยิ้มแล้วพูด “หยกก้อนนี้ฉันจะเอามาแลก เปลี่ยนกับคุณภายหลัง คุณให้แหวนแต่งงานกับฉัน ฉันก็จะส่งหยกของบรรพบุรุษนี้ให้คุณ ดังนั้นตอนนี้ก็เลยต้องเก็บมันเอา
ไว้ให้ดีๆ”
สุมิตรพยักหน้าราวกับครุ่นคิดอะไรบางอย่าง
นวาระรู้สึกว่าไม่อาจที่จะพูดหัวข้อนี้อีกต่อไปได้ ทันใดนั้น เขาจึงเปลี่ยนหัวข้อพูดคุยขึ้นมาทันที “พูดก็พูดเถอะ คุณมี แผนที่จะขอฉันแต่งงานไหม แม้ว่าคุณจะดีพอสำหรับฉัน แต่จะ พูดอีกครั้งว่า ฉันก็ยังคงมีฐานะเป็นแค่ผู้หญิงชู้คนหนึ่ง
“คุณต้องให้สิทธิ์กับฉันนะ!
” นวาระพูดอย่างหนักแน่น
สิ่งที่น่ารำคาญที่สุดของสุมิตรก็คือการที่นวาระเอ่ยเรื่องนี้ ขึ้นมา แต่ทว่าเขาก็ไม่ได้แสดงออกมา เพียงแค่จ้องมองนัยน์ตา ของนวาระที่เปี่ยมไปด้วยการคอคอยแล้วพูดขึ้น “ไม่ช้าก็เร็ว แต่ตอนนี้มันยังไม่ถึงเวลา”
นวาระพูดอย่างออดอ้อน “ทำไมจันวิภาถึงเป็นอย่างนั้น คุณยังไม่อย่ากับเธอ ถ้าอย่างนั้นฉันคืออะไรกันแน่?”
ภายในใจของสุมิตรสั่นไหว จ้องมองดูใบหน้าที่เจ็บปวด ของนวาระ ในใจเขาคิดว่าทรมานจันวิภาจนพอแล้ว ถ้าหากว่า ต้องแต่งงานกับนวาระล่ะก็ ก็ควรที่จะคิดถึงการอย่ากับจันวิภา ได้แล้ว
แต่ไม่รู้ว่าทำไม สุมิตรยังคงไม่เต็มใจอยู่นิดหน่อย ไม่รู้ว่า ตัดใจกับของเล่นที่ทำให้อารมณ์ดีเช่นนี้ออกไม่ได้ หรือเพราะ ว่าผูกพันจนไม่อาจที่จะตัดใจได้กันแน่?
ตัวของสุมิตรเองก็ไม่รู้ ดังนั้นสิ่งที่ตอบกลับนวาระจึงมี เพียงความเงียบตามปกติของเขาเท่านั้น
เป็นธรรมดาที่นวาระจะเข้าใจอารมณ์ของสุมิตร ดังนั้นเธอ จึงแสร้งร้องไห้ออกมาอย่างมารยา แต่ทว่าอย่างไรก็ตามสิ่งที่ เธอต้องการก็คือดึงดูดความสนใจของสุมิตรให้ออกมาจาก หยก
สำหรับตำแหน่งของคุณหญิงแห่งบ้านวิบูลย์ธนภัณฑ์ ตราบใดที่สุพจน์จัดการเรื่องนั้นได้ดี ในไม่ช้าก็เร็วเธอก็จะ สามารถเป็นได้
มุมปากของนวาระยกยิ้มขึ้นมาเล็กน้อย มันเป็นรอยยิ้มที่สุ มิตรตรวจจับได้ยากยิ่ง
ทางด้านของจันวิภา หลังจากเยี่ยมพัชรีแล้ว จึงกลับไปยัง ห้องนอนของตนเอง ความเหนื่อยล้าของร่างกายแผ่ซ่านออก มาอีกครั้ง แม้แต่ความรู้สึกคลื่นไส้ก็ยิ่งเลวร้ายลงไปอีก
จันวิภาไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นกับร่างกายของตนเองกันแน่
พึ่งจะเดินเข้าไปในห้องน้ำ จันวิภาก็รู้สึกว่าฟ้ากับกินกลับ หัวกลับหางกันในทันที ด้านหน้าของเธอมืดมิด ร่างกายอ่อน ปวกเปียกแล้วล้มลงไป
ที่โชคไม่ดียิ่งกว่านั้นก็คือ ตอนนี้ล้มลงไปศีรษะของจันวิภา ก็ได้ชนเข้ากับกำแพงห้องน้ำ ศีรษะถูกกระแทกเสียจนเปิดเลือดสีแดงสดไหลออกมาไม่หยุดหย่อน แต่ยังดีที่ตอนนี้เธอยัง
ไม่รู้ตัว
สาวใช้ที่เดินผ่านประตูมาได้ยินเสียงอีกกะทึกครีกโครม ภายในห้อง ในใจจึงคิดว่ามีบางอย่างที่ไม่ปกติเกิดขึ้น?
สาวใช้คนนั้นเคาะประตูแต่ไม่มีการเคลื่อนไหวดีๆ จึงเดิน เข้าไป ทันใดนั้นเองจึงพบจันวิภาที่อยู่ในห้องน้ำ
ตอนนั้นจันวิภากำลังจมอยู่ในกองเลือด ใบหน้ากว่าครึ่ง ถูกย้อมไปด้วยเลือดที่ไหลออกมา
สาวใช้คนนั้นตกตะลึง รีบร้องเรียกคน แล้วอุ้มจันวิภาขึ้น มา ลงไปชั้นล่างและเล่าเรื่องให้สุมิตรฟัง
นวาระที่อยู่ข้างๆพูดกับสาวใช้อย่างเยือกเย็น “พันแผล สักหน่อยก็ได้แล้ว มีอะไรให้น่าตกใจกัน?”
แต่ทว่าสุมิตรกลับเดินไปทางด้านหน้าของสาวใช้ มองดู บาดแผลที่อยู่ตรงหน้าปากของจันวิภา เขารับจันวิภาจากในมือ ของสาวใช้ โดยไม่คำนึงถึงสายตาที่อิจฉาของนวาระจากทาง ด้านหลัง เดินตรงออกไป แล้วขับรถไปที่โรงพยาบาล
ครั้งนี้จันวิภาได้รับบาดเจ็บหนักหน่วง ถ้าหากว่าได้รับการ รักษาช้าอีกนิดล่ะก็ เกรงว่าคงจะถึงแก่ชีวิต
แต่ถึงกระนั้น การผ่าตัดก็ไม่ได้นานมากนัก และตลอด กระบวนการช่วยเหลือ สุมิตรรออยู่ข้างนอกมาโดยตลอด ตอน ที่จันวิภาพันชีดอันตรายและกลับไปบนเตียงผู้ป่วย เขาจึงจะรู้สึกผ่อนคลายลง
สุมิตรไม่เข้าใจว่าทำไมตนเองถึงต้องเป็นห่วงจันวิภาด้วย หรือตนเองป่วยเป็นโรคประสาทอย่างที่จันวิภาพูดกระนั้นหรือ? ทำไมถึงต้องเป็นห่วงเธอด้วยนะ?
หลังจากที่การรักษาจันวิภาสิ้นสุดลงแล้ว หมอจึงได้ไปหา สุมิตรเพื่อพูดคุย ประเด็นหลักก็เกี่ยวกับการช่วยชีวิตในครั้งนี้
เนื่องจากร่างกายของจันวิภาอ่อนแอเป็นทุนเดิมอยู่แล้ว และช่วงนี้ก็เหนื่อยล้าทั้งกายและใจ ไม่ว่าจะเป็นการทรมาน จิตใจหรือร่างกายมากเกินไป รวมทั้งไม่ได้รับสารอาหารที่ เพียงพอ ดังนั้นจึงเกิดการเป็นลมหมดสติขึ้น
เพราะศีรษะไปกระแทกเข้ากับผนัง จึงสูญเสียเลือดมาก
เกือบจะอันตรายถึงชีวิต
หลังจากการผ่าตัดสถานการณ์พวกนี้ก็ไม่สำคัญอีกต่อไป นอกเสียจากว่า หมอยังบอกข่าวที่ยากจะเชื่อเรื่องหนึ่งได้ให้สุ มิตรฟัง
“ภรรยาของคุณได้ตั้งครรภ์แล้ว! ”
สุมิตรที่นั่งอยู่บนเตียงข้างจันวิภาในตอนนี้ ในสมองยังมี คำพูดนั้นของหมอวนเวียนอยู่
รอกระทั่งจนจันวิภาฟื้นขึ้นมา สุมิตรจึงกระตกริมฝีปากขึ้น มาอย่างไม่ได้ตั้งใจ และพูดเยาะเย้ยถากถาง “เธอนี่โง่จนไม่น่า เชื่อเลยจริงๆ ในห้องน้ำก็ยังจะล้มหัวคว่ำได้ เธอรู้มั้ย? อีกนิดเดียวเธอก็จะได้ตายแล้ว!
จันวิภาขมวดคิ้ว พูดอย่างอ่อนแรง “ช่วงนี้ไม่รู้ว่าเป็นอะไร ร่างกายฉันอ่อนแอมาก แล้วยังอยากอ้วกอีก ฉันคิดว่าฉันน่าจะ ใกล้ตายแล้วมั้ง!
แต่ทว่าสุมิตรกลับโกรธขึ้นมา แล้วรีบออกค่าสั่งทันที เขา กล่าวอย่างไม่ยอมรับ “ยัยโง่ นับจากวันนี้ไป เธอต้องมีชีวิตอยู่ เพื่อฉัน!