ตอนที่ 89 พ่อของเด็กเป็นใคร?
จันวิถาตะลึง แหงนหน้าขึ้นมามองดวงตาของสุมิตรมัน ช่างเป็นดวงตาที่ทำให้ตนเองรู้สึกหวาดหวั่น จู่ๆเธอก็พูดไม่ ออกไปเสียอย่างนั้น นั่นงุนงงอยู่ที่เดิม ดีงผ้าห่มจนแน่น แล้ว ส่ายหัวอย่างสุดแรง
ส่ายหัวแทนคำว่าไม่รู้ หรือเพราะจันวิภาไม่เข้าใจคำพูด ของสุมิตร ตัวของจันวิภาเองก็ไม่แน่ใจ
เธออึ้งตะลึงไปเสียแล้ว และหวาดกลัวเป็นอย่างมาก ที่แท้ เด็กคนนี้ไม่ใช่ลูกของสุมิตรงั้นหรือ?
มุมปากของสุมิตรยกกระดูกยิ้มขึ้นมาอ่างเหยียดหยาม ราวกับเยาะเย้ยตนเองอีกครั้ง
“ดี ดีมากเลยจันวิภา แต่งงานกับผมมาเดือนกว่า แต่ใน ตัวกลับมีเด็กที่อายุสองเดือน ไหม? ยังจะพูดอีกหรอว่าตัวเอง ไม่ใช่ผู้หญิงร่าน? เธอบอกผมมา ตอนนี้…”
สุมิตรตะคอกออกมา ลำคอที่ขยับขึ้นลงเรื่อยๆอย่างไม่ หยุดหย่อนนั่นแสดงอกได้ถึงความเกรี้ยวกราดของเขา
จันวิภายังคงสายหัว ตอนนี้ในหัวของเธอขาวโพลนไป หมด เธอกำลังคิด แต่กลับคิดคำตอบไม่ออก ทันใดนั้นจึงจับผมของตนเองเอาไว้ เงยน้าขึ้นแล้วพูด “ถูกวินิจฉัยผิดพลาด มันอาจจะวินิจฉัยผิดพลาดก็ได้”
สุมิตรหัวเราะเยาะออกมา “ยกเว้นช่วงเวลาล่าสุด ผมก็ แทบจะไม่ได้ปล่อยในใส่เธอเลย เพราะเธอมันไม่เหมาะสม เธอ เป็นนางร่าน ผมจะไม่ยอมให้เธอตั้งครรภ์ลูกของผมเด็ดขาด ปกติแล้วก็คงจะยังแสร้งทำเป็นมีคุณธรรมอยู่ แต่ตอนนี้ในท้อง กลับมีเด็กของชายชู้อยู่ เธอยังมีอะไรจะพูดอีก หีม?”
จันวิภานึกถึงครั้งแรกของตนเองเข้ามาทันที ตอนที่อยู่ใน โรงแรมที่ถูกคนแปลกหน้าคนนั้นเอาไป ที่แท้คนที่พูดถึงก็คือ ชายแปลกหน้าคนนั้น?
ถ้าหากว่าใช่คนแปลกหน้าคนนั้นจริงๆ เช่นนั้นจะทำ อย่างไรได้อีกล่ะ?
เขาไม่เพียงแต่พรากครั้งแรกของเธอไป ยังจะให้เธอตั้ง ครรภ์ลูกของเขาอีก ที่แย่ยิ่งกว่านั้น ตอนนี้เธอเป็นภรรยาของสุ มิตร!
จันวิภารู้สึกเหมือนเห็นนรกอยู่หน้าตนเอง และสุมิตรก็ได้ ยืนอยู่ข้างหลังเธอด้วยความเย็นยะเยือก เพียงผลักเบาๆ มันก็ เพียงพอที่จะทำให้เธอไม่สามารถฟื้นฟูร่างกายได้
“ฉันไม่รู้….วินิจฉัยผิด มันต้องวินิจฉัยผิดแน่ๆ เชื่อฉันสิ ให้ฉันไปวินิจฉัยอีกครั้งหนึ่งเถอะ สุมิตร ฉันขอร้องนายแล้ว”
สุมิตรยังคงเย้ยหยันอยู่นั่นจึงทำให้เธอหมดหวัง เขาไม่มี วันที่จะเชื่อจันวิภาได้อีกแล้ว และความรู้สึกแห่งความสูญเสียครั้งนี้ทำให้สุมิตรในตอนนี้กลับทำให้ความโกรธสูงขึ้นจนถึง ขีดสุด และอยากที่จะระเบิดออกมา
สุมิตรจับแขนของจันวิภาเอาไว้ แล้วกระชากผมของเธอ เข้ามาใกล้ๆ “นางแพศยา บอกมาว่าพ่อเด็กเป็นใคร บางที่ผม จะลงโทษเธอให้เบาลงหน่อย ไม่งั้นเธอก็อย่ามาเสียใจภาย
หลังแล้วกัน” “ฉันไม่รู้ ไม่รู้จริงๆ.. จันวิภาพูดอย่างดิ้นรนและรีบร้อน ถ้างั้น พวกเรามาหย่ากินดีไหม นายปล่อยฉันไปดีไหม สุมิตร
ฉันขอร้องนายแล้ว นายปล่อยฉันไปเถอะ”
สุมิตรผลักจันวิภาออกไป มองจันวิภาจากทางด้านบน พูด ออกมาอย่างโหดเหี้ยมและเหยียดหยาม “หย่า? ความคิดเธอ นี่สวยงามจริงๆ เธออยู่ข้างผมเพื่อเตรียมรับโทษซะดีๆเถอะ ส่วนเด็กคนนี้ หี เป็นธรรมดาที่จะต้องทำแท้ง”
“ทำแท้ง?” จันวิภาหวาดผวา คิดไม่ถึงเลยว่าเขาจะ ต้องการให้เธอเอาเด็กในท้องออก?
พอสุมิตรพูดจบจึงหันตัวแล้วเดินจากไป จันวิภาคิดถึงเด็ก ที่อยู่ในท้อง ดึงมือของเขาเอาไว้เพื่อขอร้อง “ขอร้องล่ะ สุมิตร เด็กบริสุทธิ์นะ ฉันจะคุกเข่าให้นาย ฉันคุกเข่า ให้นายแล้วยังไม่ พออีกหรอ? อย่าทำร้ายเด็กเลย ไม่ว่าอะไรก็ยอม”
สุมิตรมองจันวิภาอย่างสะอิดสะเอียน แล้วพูดขึ้น “เธอคิด ว่าใช้เคล็ดลับนี้จะทำให้ผมปล่อยเธอไปงั้นหรอ? จันวิภา ฉัน ให้โอกาสเธอครั้งแล้วครั้งเล่า แต่เธอก็กลับหักหลังผมครั้งแล้วครั้งเล่าเช่นกัน เธอสมควรที่จะได้รับการลงโทษแล้ว”
สุมิตรผลักจันวิภาอีกครั้งหนึ่ง เดินออกไปข้างนอก แล้วได้ ทิ้งคำพูดที่เยือกเย็นให้จันวิภาไว้อีกประโยค “เรื่องของเด็กไม่ ช้าก็เร็วผมจะมาจัดการ ทางที่ดีเธอลงมือเองดีกว่า”
จันวิภาล้มลงไปบนเตียง อยากจะร้องให้แต่กลับร้องไม่ ออก อารมณ์ของเธอซับซ้อนอย่างถึงขีดสุด
ทารก..ทารกน้อยของเธอ..
หยาดน้ำตาไหลหยดลงมาอย่างเงียบงัน จันวิภาเม้มริม ฝีปากเอาไว้ ต้องทำให้สติกลับคืนมา ไม่ว่าอย่างไง ทารกจะ
ต้องรอด จันวิภากัดฟัน ตัดสินใจที่จะเก็บทารกน้อยเอาไว้ ไม่ว่า ทารกจะเป็นใคร เขาเป็นผู้บริสุทธิ์ และเขาเป็นเด็กน้อยของ
ตนเอง
เมื่อจันวิภารู้สึกสิ้นหวัง เสียงฝีเท้าที่กระตือรือร้นดังขึ้นที่ ประตู เธอเงยหน้าขึ้นมามอง คาดไม่ถึงเลยว่าจะได้พบกับนรา วิชญ์ที่ไปอยู่เมืองนอกมา!
จันวิภาคิดว่าตนเองตาลอยเสียแล้ว จึงขยี้ตาอยู่พักหนึ่ง แล้วพูดขึ้นอย่างสงสัย “พี่นราวิชญ์?”
นราวิชญ์ยิ้มแล้วพยักหน้า จากนั้นจึงมานั่งข้างๆจันวิภา ขมวดคิ้วแล้วเอ่ยถาม “พี่ได้ยินมาว่าเธอเข้าโรงพยาบาล ก็เลย รีบมาดู”
“ฉันไม่เป็นไร แค่ร่างกายอ่อนแอนิดหน่อยเอง” จันวิภา
ฝืนยิ้ม
แต่ทว่านราวิชญ์กลับมองไปยังดงตาของจันวิภา แล้วเอ่ย ถาม “จันวิภา ไม่ใช่ว่าเธอมีเรื่องปิดบังพี่อยู่หรอ?”
จันวิภา กัดฟัน ในใจคิดว่าตนเองไม่สามารถเก็บเรื่องนี้ไว้ ได้อีกต่อไป อีกทั้งตอนนี้เธอยังรู้สึกโดดเดี่ยวและทำอะไรไม่ถูก ดังนั้นจึงเปิดปากบอกเล่าเรื่องราวที่ตนเองตั้งครรภ์ให้นราวิชญ์ ฟัง
หลังจากนราวิชญ์ฟังจบจึงรู้สึกประหลาดใจเป็นอย่างมาก เขาขมวดคิ้วแล้วพูดขึ้น “ก็คือตอนนี้เธอไม่รู้ว่าเด็กคนนี้เป็นลูก ของใคร? แต่ก็ไม่แน่ใจว่าเขาไม่ใช่ลูกของสุมิตร?”
จันวิภาไม่ได้เล่าเรื่องที่เธอถูกข่มขืนในโรงแรมนั่นออกมา เธอทำเพียงแค่ส่ายหัวแล้วพูดขึ้น “ฉันคิดว่าเขาเป็นลูกของสุ มิตร แต่เวลาวินิจฉัยไม่ถูกต้อง ฉันเลยพูดว่าผลวินิจฉัยมันผิด พลาด แต่สุมิตรกลับไม่ยอมเชื่อฉัน ตอนนี้ฉันเลยไม่รู้ว่าควรทำ ไงดี”
นราวิชญ์มีความลำบากใจอยู่เล็กน้อย เพราะถึงอย่างไร จันวิภาก็เป็นภรรยาของสุมิตร ถ้าหากว่าลูกของเธอไม่ใช่ของสุ มิจรจริงๆล่ะก็ สุมิตรก็มีสิทธิ์ที่จะเอาเด็กออก
นาวิชญ์ไม่มีสิทธิ์ที่จะจัดการกับเรื่องนี้เลย เขากับจันวิภา ไม่ใช่ญาติกัน อีกทั้งความสัมพันธ์ยังคลุมเครือจนทำให้สุมิตร สะอิดสะเอียน
“ทำไมไม่อย่าล่ะ?” นราวิชญ์ไม่เข้าใจจริงๆว่าทำไมจัน วิภาถึงยังทนต่อไปอีก
จันวิภายิ้มอย่างขมขื่นแล้วพูด “พี่นราวิชญ์ พี่คิดว่าฉัน อยากทำโทษตัวเองหรอ? ฉันไม่สามารถหย่ากับเขาได้ แลฉันก็ มีความลำบากใจอยู่”
นราวิชญ์กุมมือของจันวิภาแล้วพูด “เธอบอกผมได้นะ บางทีผมอาจจะช่วยได้ ผมจะช่วยเธอด้วยแรงทั้งหมดที่มี”
แต่เมื่อคิดถึงเรื่องพ่อของตนเอง จันวิภาจึงสายหัว แล้ว พูดว่า “ไม่เป็นไร ขอบคุณพี่มากนะ พี่นราวิชญ์”
“โฮ่ นี่ถือเป็นการจับชู้ที่อยู่บนเตียงหรือป่าวเนี่ย คุณหญิง เด็กที่อยู่ในท้องคุณหรือว่าจะเป็นของชายชู้คนนี้?”
นวาระรีบเดินเข้ามาทันที แล้วบังเอิญเห็นนราวิชญ์จับมือ
จันวิภาเอาไว้อยู่
นราวิชญ์ปล่อยมือจันวิภาออก มองนวาระอย่างไม่พอใจ แล้วพูดขึ้น “ฉันเป็นพี่ชายของจันวิภา จะพูดว่าไม่รู้ก็ไม่แปลก แต่ผู้หญิงคนนี้ยังใส่ใจกับคำพูดที่ดีอยู่”
นวาระยิ้มแล้วพูด “พี่ชาย? ฉันคิดว่าลูกของชายชู้ที่อยู่ใน ตัวนางร่านนี้ก็คงจะเป็นแก ยังจะมาพี่ชายอะไรอีก หน้าข้า จริงๆ”
จันวิภาและนราวิชญ์จ้องมองด้วยสายตาที่เย็นชา
แต่ทว่านวาระกลับไม่สนใจ แล้วพ่นคำพูดที่ขัดหูออกมา
ในที่สุดนราวิชญ์ก็หมดซึ่งความอดทน เขาเดินไปข้างหน้า แล้วบีบคอของนวาระเอาไว้
“พี่นราวิชญ์ อย่าทำอย่างนี้ มันจะฆ่าคนได้” จันวิภาตระ โกนออกไปอย่างสุดแรง แต่นราวิชญ์กลับทำเหมือนว่าไม่ได้ยิน อย่างไอย่างนั้น
ในตอนนั้น จันวิภาสังเกตเห็นได้จริงๆว่านราวิชญ์ผู้ซึ่ง อ่อนโยนและสง่างามอยู่เสมอคนนั้นมีจิตสังหารที่เก็บซ่อนเอา ไว้ เธอจึงคิดอยากที่จะหยุดนราวิชญ์เอาไว้ แต่ทว่าร่างกายเธอ กลับอ่อนแอจนถึงขีดสุด แม้แต่ปืนออกจากเตียงยังปืนไม่ได้