ตอนที่ 102
แมวป่าตัวน้อยเป็นของปลอม
ยามค่ำคืน ธนภาคมากถึงสถานที่ที่คุมขังนราวิชญ์เอาไว้ ในห้องที่เปียกชื้นและเยือกเย็นแห่งนี้ หลังจากที่ธนภาคขมวด คิ้วขึ้นแล้วเดินเข้าไป ก็ได้เห็นรอยเย็บแผลที่อยู่บนตัวของนรา วิชญ์
ดูเหมอนว่าเขาจะได้รับการดูแลแล้ว
นราวิชญ์รู้สึกเหมือนกับมีคนกำลังเดินเข้ามา จึงเงยหน้า ขึ้นมองธนภาค หลังจากที่เห็นเขาแล้ว จึงฉีกยิ้มที่น่ารังเกียจ ออกมา มันดูหยิ่งผยอง เขาที่ทั้งสุภาพและอ่อนโยน บัดนี้กลับ กลายเป็นดั่งหมาป่าที่โหดเหี้ยม
เมื่อธนภาคเห็นนราวิชญ์ที่เป็นเช่นนี้จึงชื่นชมเป็นอย่าง มาก อดไม่ได้ที่จะถอนหายใจออกมา ปากยังคงพูดล้อเล่นออก ไป “สหาย มีความกล้าดีนี่ คิดไม่ถึงเลยว่าจะกล้าส่งคนมาฆ่าสุ มิตร”
นราวิชญ์ยกสายตาขึ้นมา แม้ว่าเขาในตอนนี้จะดูจนตรอก เป็นอย่างมาก แต่ความหยิ่งทระนงของเขายังคงอยู่ หัวเราะ เยาะออกมา แล้วพูดขึ้นอย่างเยาะเย้ย “น่าเสียดายจริงๆ ถ้าฉัน ลงมือเอง ฉันคงจะส่งเขาไปฟ้องพญายมเป็นแน่”
“ความหมายของนายคือ เรื่องนี้ไม่ใช่ฝีมือนายงั้นหรอ?”ธนภาคขมวดคิ้ว ใบหน้าของเขาดูไม่น่าเชื่อ
“ที” นราวิชญ์ส่งเสียง “ที” ออกมา แล้วพูดตอบทั้งๆที่ยัง ไม่ได้ถูกถาม “นายคิดว่าฉันเป็นที่คนโหดเหี้ยมแบบใหนกัน?”
เมื่อได้ยินดังนั้น ธนภาคจึงก้มหน้าลงไปอย่างครุ่นคิด แล้วพูดออกมาด้วยน้ำเสียงที่เชื่องช้า “นี่น่ะหรอ..ลงมืออย่าง น้อยก็ครั้งหนึ่ง อย่างน้อยก็ไม่น่าจะทำครั้งที่สองพลาด?”
“ฮ่าๆๆ นายพูดถูกแล้ว”
ในช่วงเวลานี้นราวิชญ์ก็ยังคงยิ้มออกมาอยู่ เมื่อธนภาค เห็นท่าทีของเขาเช่นนี้ จึงส่ายหัวอย่างจนปัญญา ไม่รู้ว่าเขาเป็น คนมองโลกในแง่ดีหรือว่าทำเป็นเก่งกันแน่
อันที่จริงแล้วนราวิชญ์ก็สามารถเป็นเพื่อนกันได้ แต่น่า เสียดายที่สถานะของพวกเขาทั้งสองนั้นต่างกัน ทำให้ธนภาค ไม่อาจที่จะพูดคุยกับเขาอย่างจริงใจและมีความสุขได้
ทั้งสองคนพูดคุยกันอยู่นานมาก ก่อนที่จะเดินออกไปธร ภาคได้พูดกับนราวิชญ์ไปประโยคหนึ่งว่า “ถ้าหากว่าฉันปล่อย นายไป นายจะตอบแทนบุญคุณฉันอย่างไง?”
เมื่อได้ยินดังนั้น ตาทั้งสองของนราวิชญ์ก็ส่องประกายขึ้น มา รอยยิ้มที่มุมปากทั้งสูงและลึก เขาจ้องมองธนภาคอย่าง เงียบๆ แล้วพูดออกมาคำต่อตำ “ถ้านายต้องการ และฉันมี”
ทันใดนั้นเอง ทั้งสองคนก็ยิ้มขึ้นมาคล้ายคลึงกัน
วันต่อมา
ภายในห้องเก็บของมันทั้งอุดอู้และเหม็นเน่า ทำให้ ร่างกายที่อ่อนแอเป็นทุนเดิมอยู่แล้วของจันวิภาอ่อนแอยิ่งขึ้น ไปอีก ทานอาหารที่ธนภาคเอามาให้ จันวิภาจึงพูดคำขอบคุณ ออกมาอย่างสุดซึ้ง
“ไม่ต้องขอบคุณฉันหรอก เรื่องครั้งนี้น่าจะเป็นเรื่องเข้าใจ ผิด ฉันจะช่วยเธอตรวจสอบให้ชัดเจน แล้วช่วยเธอออกมาจาก ห้องเก็บของนี่ซะ” ธนภาคยืนอยู่ตรงประตู ระงับความอยากที่ จะบุกเข้าไปลากจันวิภาออกมาจากห้องเก็บของที่ขมุกขมัวนี่ เสีย แต่เรื่องนี้ไม่อาจรีบเร่งได้ ทำได้เพียงแค่ค่อยๆอย่างเชื่อง ข้า ถ้าหากว่ามันมีอะไรบางอย่างไม่ดีล่ะก็ เกรงว่าจะไปกระตุ้น ให้สุมิตรโกรธและระบายลงกับเรือนร่างของจันวิภาอีกครั้ง
ใบหน้าของจันวิภาเย็นเฉียบ เธอสายหัว สีหน้าอ่อนแอ แล้วพูดออกมาราวกับชีวิตกำลังจะตายอย่างไรอย่างนั้น “นาย ไม่ต้องออกตัวแทนฉันแล้ว ระวังนายจะถูกสุมิตรตำหนิเอา ไม่ ต้องสนใจฉัน ฉันอยู่ที่นี่ก็สบายดี”
นี่ยังเรียกว่าดี?
ไม่ว่าใครก็ตามที่ได้ยินเสียงเช่นนี้ ต่างก็ไม่สามารถปล่อย มันไปได้ ยิ่งไปกว่านั้นธนภาคก็ยังเป็นคนที่ปฏิบัติต่อคนอื่น อย่างสุภาพอยู่เสมออีกด้วย “เธอวางใจเถอะ ฉันพูดได้ก็ต้อง ทำได้”
“แปะๆ แปะๆๆ” เสียงปรบมือดังขึ้นมาจากทางด้านหลังของธนภาค “ดีจริงๆ ช่างเป็นความรู้สึกที่น่าประทับใจ ลึกซึ้ง กินใจจริงๆ จันวิภา ฉันไม่คิดเลยว่าเกิดเรื่องใหญ่ขนาดนี้กับ เธอแล้ว ยังจะไปยั่วผู้ชายคนอื่นอยู่อีก หีม? ยังมีใครอีกไหมที่ เธอไม่ยั่วน่ะ?”
ธนภาคหันหน้ากลับมา มองเห็นใบหน้าของสุมิตรที่ยิ้ม อย่างแปลกประหลาด เกรงว่าเขาจะเข้าใจผิดจึงรบพูดอธิบาย ออกไป “สุมิตร นายอย่าเข้าใจผิด ฉันแค่มาส่งอาหารเช้าให้ เธอ..
“พอแล้ว! ธนภาค ฉันเคยพูดแล้วนะ นายไม่ต้องมายุ่ง กับเรื่องในครอบครัวของฉัน และนายก็ไม่ต้องแสร้งทำเป็นใจดี ที่นี่ด้วย เรื่องเมื่อวานฉันยังไม่ได้คิดบัญชีกับนายเลยนะ! สุ มิตรแผ่รังสีการฆ่าฟันออกมา หากมีใครกล้าพูดเรื่องไร้สาระขึ้น มาอีกล่ะก็ เขาสุมิตรคนนี้ก็จะเป็นคนแรกที่ไม่ยกโทษให้
เมื่อเห็นสุมิตรจริงจัง ธนภาคจึงเงียบไม่พูดไม่จา โดยไม่มี
เหตุผล
“ที่รอฉันอยู่ในห้องสมุด ฉันจะคิดบัญชีกับนายอีกครั้ง”
สุมิตรจ้องมองจันวิภาด้วยใบหน้าที่ข่มมัว สายตาคู่นั้น ราวกับจะกลืนกินชีวิตของจันวิภาลงไปอย่างไรอย่างนั้น “ดู เหมือนว่าฉันจะดีกับเธอเกินไปหน่อยสินะ แม้เธอจะถูกกักขังอยู่ ที่นี่ เธอก็ยังกะเกี่ยวผู้ชายได้ แพศยา เธอนี่มันสารเลวจริงๆ มี ไอ้ซุ้นราวิชญ์ยังไม่พอ ยังจะมาลงมือกับเพื่อนของฉันอีก”
สภาพร่างกายและจิตใจของจันวิภาเที่ยวแห้งซีดเชียว ในตอนนี้เธอไม่มีแรงมากพอในการเผชิญหน้ากับสุมิตร ถึงกระนั้น เธอก็ยังใช้แรงทั้งหมดพูดกับสุมิตรออกมาสี่คำ “ไสหัวออก
เธอเบื่อหน่ายกับความประสาทของสุมิตรมามากพอแล้ว มันช่างไร้เหตุผล ทุกครั้งที่เขาเห็นเธออยู่กับผู้ชายคนอื่น เขาจะ ต้องเข้าใจผิด ตอนนี้เธออ่อนแอ เกรงว่าหากตนเองไม่ระวัง ทารกในท้องจะจบสิ้นกัน แล้วเขาล่ะ ยังน่าสงสัยขนาดนั้นอีก
จู่ๆจันวิภาก็เกิดรู้สึกเหนื่อย ตอนนี้เธอขี้เกียจเกินไปที่จะ โต้เถียงและอธิบายให้เขาฟัง
เมื่อเห็นจันวิภาพิงกำแพงอย่างไร้เรี่ยวแรง หลังจากที่เขา มาเธอก็ไม่ได้มองเขาเลย และท่าทีที่อ่อนแอลมพลัดปลิวอย่าง
นี้
หรือ?
สุมิตรใจสั่นโดยไม่รู้ตัว ผู้หญิงคนนี้….โกรธเขาจริงๆงั้น
เมื่อคิดถึงตรงนี้ สุมิตรจึงรู้สึกตัวว่าถูกผู้หญิงคนนี้หลอก ง่ายเกินไปแล้ว ตอนนี้เรื่องราวทุกอย่างเป็นที่กระจ่างแล้วว่า เธอมีส่วนเกี่ยวข้อง ทุกครั้งที่ถูกเขาข่มขืน เธอเงียบสงบเป็น ปกติ เธอจะยังมีอะไรมาพูดอีก
ผู้หญิงแพศยาอย่างนี้ ก็ควรถูกขังอยู่ในห้องเช่นนี้แหละ ถูกทรมาน มันก็สมควรแล้ว !
หลังจากกลับมาที่ห้องหนังสือ สุมิตรกวาดสายตามองธน ภาคที่ยืนอยู่ข้างๆอย่างเยือกเย็น ไม่พูดพร่ำทำเพลงยกกำปั้นขึ้นมาพุ่งไปทางเขา ธนภาคไม่หลบเลยแม้แต่นิตเดียว เขายืน นึ่งรับกำปั้นนี้ไป
นี่เป็นสิ่งที่เขาควรจะได้รับ
หลังจากสุมิตรต่อยเขาไปหมัดหนึ่งแล้วความโกรธยังไม่ ทุเลาลง เขาเตะโซฟาที่อยู่ข้างๆด้วยความโกรธเหลือจะทน พูด กับธนภาคด้วยสีหน้าที่ดุร้าย “ทางที่ดีนายอธิบายออกมาดีกว่า ว่าทำไมถึงได้ปล่อยนราวิชญ่ไป”
ริมีปากขงธนภาคถูกชกเสียจนเลือดไหลออกมา แต่ อย่างไรก็ตามเขาก็ยังคงเดินไปหาสุมิตรด้วยสีหน้าที่สงบนิ่ง พูดด้วยน้ำเสียงที่จริงจัง “สุมิตร ฉันได้เจอเรื่องที่สำคัญบาง อย่างเข้า”
“พูด” สุมิตรพ่นออกมาคำหนึ่งอย่างไร้เยื้อใย
ธนภาคคือคนที่สุมิตรไว้วางใจที่สุด มิเช่นนั้นแล้วก็คงไม่รู้ ว่าหลังจากที่เขาปล่อยนราวิชญ์ไป จึงปรากฏตัวออกมาที่นี่ที่ แรกเพื่อรอฟังคำอธิบายจากเขา
“ตอนที่พวกเราตามหาแมวป่าตัวน้อย ข่าวไม่ใช่ว่ามันตัง โครมออกไปงั้นหรอ แม้แต่พวกใต้ดินกับบนดินต่างก็รู้” เมื่อ เห็นสุมิตรนั่งอยู่บนโซฟา ธนภาคจึงนั่งลงข้างหน้าเขาด้วยเช่น กัน
“แล้วนี่มันเกี่ยวอะไรกับที่นายปล่อยนราวิชญ์ไป?” อารมณ์ของสุมิตรยังคงไม่แน่นึ่ง เขาจ้องมองธนภาคอย่าง โกรธแค้น แล้วพูดอย่างข่มขู่ “ทางที่ดีนายพูดออกมาให้ชัดเจนดีกว่า”
ไม่เห็นยี่หระความโกรธเกรี้ยวของสุมิตร ธนภาคจึงได้พูด ความคิดของตนเองตั้งแต่ต้นออกมา “ตอนนั้นพวกเราทำข่าว ครึกโครมเกินไป ฉันสงสัยว่าจะมีเกลือเป็นหนอน เปิดเผยข่าว ของเราให้กับฝ่ายศัตรู แล้วหาคนมาสวมรอยเป็นแมวป่าตัว น้อย จากนั้นจึงเกิดเรื่องการลอบสังหารนี้ขึ้น”