ตอนที่ 106 จุดประสงค์ของเธอคืออะไร
“ไอ้สารเลว นายบอกฉันมาสิ นายเอาใจใส่เธอขนาดนี้ ที่แท้ก็เพราะเรื่องโรงแรมเมื่อครั้งนั้นนะหรอ? ” จันวิภาตระ โกนด้วยความโมโห
เมื่อได้ยินดังนั้น นวาระถึงกับใจเต้น จู่ๆจันวิภาก็เอ่ยถึง เรื่องนี้ เธอรู้เรื่องแล้วงั้นหรือ?
“ถ้าใช่แล้วจะทำไม ไม่ใช่แล้วจะทำไม?” ความโกรธที่อยู่ ในใจของสุมิตรตอนนี้ได้ยกระดับถึงขีดสูงสุดแล้ว ผู้หญิงคนนี้ ไม่เพียงแต่ละเลยคำสั่งของเขาเท่านั้น ยังจะเอ่ยปากด่า ประจานเขาอีก
ดีมาก ดีจริงๆ!
ปล่อยเธอไปเพียงไม่กี่วัน ผู้หญิงคนนี้ก็กล้าหาญได้ถึง
ขนาดนี้
สุมิตรปรบมือขึ้นมา วินาทีต่อมา ก็ได้มีบอดี้การ์ดสองคน ที่รูปร่างกำยำเดินเข้ามา สุมิตรออกคำสั่งด้วยสีหน้าที่เย็นชา “ลากผู้หญิงคนนี้เข้าไปที่ห้อง! ”
“ครับ! ”
ออกมาดังลั่น
ชายอกสามศอกรูปร่างกำยำส่งเสียงตอบรับ
จันวิภายกริมฝีปากยิ้มขึ้นมาย่างเยาะเย้ย จ้องมองสุมิตรที่
อยู่ตรงหน้า หัวเราะแล้วพูด “สุมิตร ฉันพูดว่าแกมันสารเลว ปัญญาอ่อน ไอ้โง่ แกมันฉลาด แต่กลับไม่รู้ แต่กลับไม่รู้ เลย..ง.ฮ่าๆๆ..
“นี่เธอบ้าไปแล้วหรือไง! ! ! ” สุมิตรโกรธจนระเบิด แล้วรับกวักมือเรียกคนพาเธอเข้าไปให้ไว
หลังจากที่จันวิภาถูกนำตัวเข้าไปในห้องแล้ว บอดี้การ์ด ทั้งสองคนก็ปิดประตูห้อง แล้วถอยกลับไป
จันวิภาอดไม่ได้อีกครั้ง ฟุบหมอบลงบนเตียงแล้วร้องให้ อย่างโอดครวญ มือขวาลูบคลำทารกที่อยู่ตรงท้อง เธอพูด เงียบๆ ในใจอย่างเศร้าโศก “ลูกน้อย…ลูกน้อยของแม่…”
โชคชะตาชอบหยอกล้อเธอจริงๆ น่าขำ ช่างน่าขำ จริงๆ….ที่แท้ตั้งแต่ต้นจนจบก็คือสุมิตรนั่นเอง เป็นสุมิตรแค่ คนเดียว!
น่าเศร้าช่างน่าเศร้าเสียจริง!
จันวิภาร้องไห้ฟูมฟาย จู่ๆก็ได้ยินเสียงคนเคาะประตู เธอ ลุกขึ้นมานั่งแล้วเช็ดน้ำตา รอจนตนเองจิตใจสงบแล้วจึงเดินไป เปิดประตู
“เธอมาทำไม?” เมื่อจันวิภาเห็นคนที่อยู่นอกประตู ก็ได้ ปิดประตูลงอีกครั้ง
“รอเดี๋ยว! ” นวาระยกขาขึ้นมาคั่นประตูเอาไว้ไม่ให้จันวิภาปิด เธอจ้องมองจันวิภา แล้วพูดด้วยใบหน้าที่จริงจัง “ฉันมี เรื่องอยากจะคุยกับเธอ”
“ฉันมีอะไรที่ต้องพูดกับเธอ? ฉันเห็นว่าเป็นหมาป่าหุ้ม หนังลูกแกะเอาไว้ มีเจตนาที่ไม่ดีแน่นอน” จันวิภาพิงประตู วางท่าไม่ให้นวาระเข้ามา
เมื่อเห็นจันวิภาไม่ยอมให้ตนเองเข้าไปแน่ๆ นวาระจึง ละทิ้งความคิดเช่นนี้ อย่างไรก็ตามเธอก็ไม่อยากที่จะเข้าไปข้าง ในอยู่แล้ว ยกคางขึ้นมา แล้วพูดอย่างหยิ่งทะนง “ฉันอยากที่จะ ถามเธอสักหน่อยหนึ่ง คำพูดที่เธอพูดกับสุมิตรตอนที่อยู่ชั้น หนึ่งมันหมายความว่าไง เธอรู้อะไรมากันแน่?”
“คำพูดอะไรหรอ?” จันวิภากระพริบตา “คำที่ฉันด่าเธอน่ะ
หรอ?”
“จันวิภาแก! ” นวาระยกนิ้วมือขึ้นมาชี้ไปทางจันวิภา แต่ เมื่อคิดว่าตนเองอยู่นอกทางเดิน จึงวางมือลง ดวงตาทั้งสอง จ้องถลึงมองจันวิภา แล้วพูดด้วยน้ำเสียงที่ไม่ดี “ตัวแกพูดอะไร ออกไป ตัวเองก็รู้ดีที่สุด! ”
เป็นครั้งแรกที่เห็นนวาระพ่ายแพ้อย่างราบคาบเช่นนี้ เดิน ที่จันวิภาควรที่จะซาบซึ้งกับมัน แต่ทว่าวันนี้เธอไม่ได้มีความ สนใจอะไรเลย
สีหน้าของจันวิภาดูเหยียดหยาม แล้วพูดกับนวาระอย่าง ตรงไปตรงมา “เธอแสร้งทำเป็นผู้หญิงที่อยู่ในโรงแรมคืนนั้น ปลอมตัวเป็นฉันมาอยู่ข้างกายสุมิตร ที่แท้เธอมีจุดประสงค์อะไรกันแน่?”
ที่แท้! ที่แท้เธอก็รู้แล้ว!
ใบหน้าของนวาระราวกับขี้เถ้าที่มอดดับไป เช่นนั้น แผน ของเธอก็ต้องจบสิ้นลงแล้ว!
“นวาระ เธอพูดมาตรงๆเถอะ ที่เธอเข้าใกล้สุมิตร มีจุด ประสงค์อะไรกันแน่?” จันวิภาพิงประตู หัวเราะเยาะแล้วพูด ออกมา
นวาระตกตะลึงอยู่ครู่หนึ่ง สีหน้ายิ่งแย่เข้าไปอีก แล้วรีบ แสร้งทำเป็นฟังไม่เข้าใจทันที “ฉันไม่รู้ว่าเธอพูดเรื่องอะไร ฉัน จะกลับห้องแล้ว”
พูดจบ เธอก็แอบเดินกลับไปอย่างเชื่องซึม
หนีกลับมาถึงห้อง นวาระที่พึ่งปิดประตูลงก็ไถลตัวนั่งลง บนพื้น ตัวสั่นงึกงัก จบกัน ในที่สุดเรื่องนี้ก็ถูกจันวิภารู้เข้าจนได้
“ทำไงดี ทำไงดี….”
หลังจากที่จันวิภารู้ เธอจะต้องบอกความจริงกับสุมิตร อย่างแน่นอน เมื่อถึงตอนนั้นแม้ว่าสุมิตรจะไม่เชื่อ ก็คงจะนึก สงสัยเธอขึ้นมาแน่ ความไม่ไว้วางใจเช่นนั้นเคยเกิดขึ้นมาแล้ว ครั้งหนึ่ง นวาระเองก็ไม่ค่อยมันใจกับการที่จะต้องแก้ตัวกับข้อ สงสัยของสุมิตรอีกครั้ง
ผู้ชายอย่างนั้น น่ากลัวเกินไปแล้ว
หากผู้ชายที่น่ากลัวเช่นนั้นพบว่าที่เธอเข้าใกล้เขาแท้จริงแล้วมีจุดประสงค์อื่นอีก สุมิตรจะต้องไม่ปล่อยเธอแน่! ผลที่ ตามมาจะเป็นอย่างไร นวาระไม่อยากที่จะคิดเลย
ถ้างั้น….ฆ่าเธอเลยดีไหม?
“ไม่ๆ.. นวาระสำลักเสียงตัวเอง “ทำอย่างนี้ไม่ได้”
ทางด้านของสุพจน์ไม่ยอมให้เธอแตะต้องจันวิภา ครั้งที่ แล้วตนเองก็ได้ถูกสุพจน์ดูถูกเหยียดหยามไปแล้ว หากตนเองมี ความคิดกล้าที่จะแตกต้องจันวิภาอีกล่ะก็ นวาระก็คงถูกสุพจน์ ฆ่าตายอย่างไม่ต้องสงสัยเลยแม้แต่น้อย
เช่นนั้นควรทำอย่างไรถึงจะดี!
นวาระวิตกเสียจนแทบคลั่ง เธอก้าวเดินไปมาอยู่ในห้อง ไม่หยุด หลังจากคิดออกแล้ว เธอจึงหยุดเดินลงทันที ในสายตา แฝงไว้ด้วยความร้ายกาจราวกับงูพิษ เธอได้ตัดสินใจทำเรื่องที่ โหดเหี้ยมนี้เสียแล้ว
หลังจากที่สุมิตรรู้ความจริงแล้วจะต้องตายแน่ ถูกสุพจน์รู้ ว่าลงมือกับจันวิภาก็จะต้องตายอีกเช่นกัน หันซ้ายหันขวาก็ ตายอยู่ดี คิดไปคิดมา นวาระจึงตัดสินใจที่จะลงมืออีกครั้ง ชิง ลงมือก่อนที่คนอื่นจะพบมัน ฆ่าจันวิภาในคราเดียว
ถึงเวลานั้น ความจริงจะถูกฝังลงใต้ดินตลอดกาล หลัง จากที่จันวิภาตายสุมิตรก็จะแต่งงานกับตนเอง รอจนเธอได้เป็น ภรรยาของสุมิตร และมีสุมิตรคุ้มครอง เธอก็ไม่ต้องกลัวสุพจน์ จะลงมือกับเธออีกต่อไป
ใช่แล้ว! มันควรจะเป็นอย่างนี้ครั้งนี้ต้องสำเร็จ ไม่อาจ
ล้มเหลวได้!
เมื่อคิดเช่นนี้ นวาระก็ได้โทรศัพท์ออกไป นั่นเป็นโทรศัพท์ ของแฟนเก่าเธอ ที่เป็นหัวโจกของกลุ่มนักเลงหัวไม้
ทางด้านของสุพจน์ไม่ยอมให้หาคนมาช่วย จึงทำได้เพียง
แค่หาคนด้วยตนเอง
เพื่อที่จะรับประกันได้ว่าปลอดภัย นวาระจึงไปหาแฟนเก่า ของเขาในคืนนั้น ไปพบเจอเขากับกลุ่มนักเลงหัวไม้
นวาระขับรถยนต์หรูออกไป แต่งตัวแบรนด์เนมเข้าไปใน อาณาเขตของพวกนักเลงหัวไม้ มันจึงนำไปสู่การมุงดูและส่ง
เสียงเอะอะโวยวายของพวกนักเลง
“เงียบ เงียบหน่อยโว้ย เรียกพี่สะใภ้สิ! ” ริมฝีปากของ หัวโจกแม้ว่าจะหยาบกระด้าง แต่ใบหน้ากลับยิ้มออกมา มีผู้ หญิงเช่นนี้โผล่มา ก็ทำให้ใบหน้าของตนเองก็ดูมีบารมีมากยิ่ง ขึ้นเช่นกัน
“พี่สะใภ้! ” เสียงเชียร์ดังขึ้นมาเป็นหนึ่ง นักเลงบางคนก็ เขย่าขวดเบียร์อย่างรุนแรง จากนั้นก็เปิดมันออกกลายเป็นงาน เฉลิมฉลอง
นวาระยื่นมือออกไปปิดบังใบหน้า ในใจรู้สึกขยะแขยงหา ใดเปรียบ ใครเป็นพี่สะใภ้ของพวกแก ถ้าไม่ใช่เพราะมีเรื่อง ร้องขอ ใครจะมาสถานที่ที่เสื่อมทรามเช่นนี้…
“ฮ่าๆ เด็กน้อย เร็วเข้า ที่นี่พวกเขาค่อนข้างหนวกหูเลย เราไปทำข้างในกันดีกว่า” หัวโจกโค้งคำนับนวาระด้วยสีหน้าที่ เปี่ยมไปด้วยความสุข และยื่นมือออกไปเพื่อนำทางเธอ
นวาระก้มศีรษะลง ไม่อยากให้มีคนมากมายจำตนเองได้ จึงรีบเดินตามหลังหัวโจกเข้าไป
พอเข้ามาถึงในห้อง หัวโจกก็ได้ปิดประตูลง จากนั้นจึงกด นวาระแนบชิดติดกำแพง ก้มศีรษะลงเพื่อต้องการที่จะจูบเธอ
มือข้างหนึ่งขวางกั้นปากที่เหมือนไส้กรอกของเขาเอาไว้ นวาระสะอิดสะเอียนอยู่ในใจ ยิ้มบนใบหน้าแล้วพูดออกใส “รีบร้อนอะไร พึ่งจะเข้ามา นายรอไม่ไหวหรือไง?”