ตอนที่ 117 ผู้หญิงบ้า
“จันวิภา เธอสบายดีมั้ย?” เพื่อนรักเพียงหนึ่งเดียวของ เธอ ประโยคแรกก็ถามว่าเธอสบายดีไหม
ในใจของจันวิภารู้สึกตื้นตันใจ แต่ในปากยังคงพูดออก มาอย่างผ่อนคลาย “พัชรีฉันไม่เป็นไร ว่าแต่เธอเถอะ ทำไมถึง โทรมาหาฉันได้?”
พัชรีที่อยู่ปลายสายรู้สึกลังเลอยู่เล็กน้อย หลังจากลังเลอยู่ นานเธอจึงค่อยๆอ้าปากพูดออกมาช้าๆ “คืออย่างนี้ พรุ่งนี้จะส่ง นราวิชญ์ขึ้นเมรุเผาศพแล้ว วันนี้ฉันก็เลยอยากไปเจอกับเขา เป็นครั้งสุดท้าย ก็เลยมาถามเธอว่าอยากจะไปด้วยกันกับฉัน มั้ย..
เอ่ยถึงนราวิชญ์ จันวิภาถึงกับสะอึกสะอื้น เธอแสร้งทำเป็น โอเคแล้วพูดขึ้นมา “ได้สิ ฉันจะไปกับเธอเดี๋ยวนี้เลย”
“โอเค งั้นฉันรอเธอที่เดิมนะ”
วางสายโทรศัพท์ จันวิภามองบ้านที่เก็บของเสร็จ เรียบร้อยแล้ว นอกจากนี้ยังมีกระเป๋าเดินทางที่วางเอาไว้อยู่ เธอถอนหายใจอีกครั้ง รอจนกลับมาแล้วค่อยออกไปอีกครั้ง หนึ่ง เพราะว่าถ้าหากถือกระเป๋าเดินทางไปด้วย พัชรีก็คงจะ กังวลใจเกี่ยวกับเธอ ตอน117ผู้หญิงบ้า
ตอนที่ 117 ผู้หญิงบ้า
“จันวิภา เธอสบายดีมั้ย?” เพื่อนรักเพียงหนึ่งเดียวของ เธอ ประโยคแรกก็ถามว่าเธอสบายดีไหม
ในใจของจันวิภารู้สึกตื้นตันใจ แต่ในปากยังคงพูดออก มาอย่างผ่อนคลาย “พัชรีฉันไม่เป็นไร ว่าแต่เธอเถอะ ทำไมถึง โทรมาหาฉันได้?”
พัชรีที่อยู่ปลายสายรู้สึกลังเลอยู่เล็กน้อย หลังจากลังเลอยู่ นานเธอจึงค่อยๆอ้าปากพูดออกมาช้าๆ “คืออย่างนี้ พรุ่งนี้จะส่ง นราวิชญ์ขึ้นเมรุเผาศพแล้ว วันนี้ฉันก็เลยอยากไปเจอกับเขา เป็นครั้งสุดท้าย ก็เลยมาถามเธอว่าอยากจะไปด้วยกันกับฉัน มั้ย..
เอ่ยถึงนราวิชญ์ จันวิภาถึงกับสะอึกสะอื้น เธอแสร้งทำเป็น โอเคแล้วพูดขึ้นมา “ได้สิ ฉันจะไปกับเธอเดี๋ยวนี้เลย”
“โอเค งั้นฉันรอเธอที่เดิมนะ”
วางสายโทรศัพท์ จันวิภามองบ้านที่เก็บของเสร็จ เรียบร้อยแล้ว นอกจากนี้ยังมีกระเป๋าเดินทางที่วางเอาไว้อยู่ เธอถอนหายใจอีกครั้ง รอจนกลับมาแล้วค่อยออกไปอีกครั้ง หนึ่ง เพราะว่าถ้าหากถือกระเป๋าเดินทางไปด้วย พัชรีก็คงจะ กังวลใจเกี่ยวกับเธอ หลังจากพบพัชรีที่รออยู่ที่เก่าแล้ว ทั้งสองก็ได้นั่งรถไปโรง
พยาบาลด้วยกัน
เมื่อมาถึงห้องเก็บศพ หมอได้นำร่างของนราวิชญ์ออกมา จากช่องแช่แข็ง ช่วงเวลาที่ได้เห็นศพของนราวิชญ์ จันวิภาถึง กับพิงพัชรีแล้วร้องไห้โอดครวญออกมา
ใครเล่าจะคิด คนที่คุณพึ่งเจอหน้ากันไม่กี่วันก่อน ตอนนี้ กลับแปรเปลี่ยนเป็นร่างไร้วิญญาณที่ไร้ซึ่งความอบอุ่น และเขา ก็ไม่อาจลุกขึ้นมาได้อีกตลอดกาล และจะไม่มาปรากฏตัวอยู่ใน ชีวิตของคุณอีกตลอดไป
ความสุขและความเศร้าโศกของคุณเขาไม่อาจรับรู้ได้อีก ทุกอย่างที่เคยมีในอดีตสลายหายไปราวกับหมอกควัน
ความเจ็บปวดของคนที่สูญเสียสิ่งสำคัญ มีเพียงแต่ผู้ที่มี ประสบการณ์เท่านั้นถึงจะเข้าใจความเจ็บปวดที่ลืมไม่ลงเช่นนี้ มันเจ็บปวดจนฉีกกระชากหัวใจ
และความเจ็บปวดเช่นนี้ ล้วนแล้วแต่เป็นสุมิตรที่นำมันมา ให้เธอ เธอเกลียดสุมิตร! เกลียดสุมิตรเป็นอย่างยิ่ง!
“เอาล่ะ จันวิภาเธออย่าร้องไห้เลย ถ้าเธอร้องไห้อีกฉันจะ ร้องตามเธอแล้วนะ” เมื่อเห็นฉากที่น่าอึดอัดเช่นี้ จึงอดไม่ได้ที่ จะสัมผัสได้ถึงความเศร้าโศกของมัน
แม้ว่าเธอกับนราวิชญ์จะไม่ได้สนิทสนมกัน แต่ก็ยังนับว่า เป็นเพื่อน ยิ่งไปกว่านั้นจันวิภาก็ร้องไห้ออกมาอย่างโดดเดี่ยว คนที่ได้ยินต่างก็อดไม่ได้ที่จะร้องไห้ตาม หลังจากพบพัชรีที่รออยู่ที่เก่าแล้ว ทั้งสองก็ได้นั่งรถไปโรง
พยาบาลด้วยกัน
เมื่อมาถึงห้องเก็บศพ หมอได้นำร่างของนราวิชญ์ออกมา จากช่องแช่แข็ง ช่วงเวลาที่ได้เห็นศพของนราวิชญ์ จันวิภาถึง กับพิงพัชรีแล้วร้องไห้โอดครวญออกมา
ใครเล่าจะคิด คนที่คุณพึ่งเจอหน้ากันไม่กี่วันก่อน ตอนนี้ กลับแปรเปลี่ยนเป็นร่างไร้วิญญาณที่ไร้ซึ่งความอบอุ่น และเขา ก็ไม่อาจลุกขึ้นมาได้อีกตลอดกาล และจะไม่มาปรากฏตัวอยู่ใน ชีวิตของคุณอีกตลอดไป
ความสุขและความเศร้าโศกของคุณเขาไม่อาจรับรู้ได้อีก ทุกอย่างที่เคยมีในอดีตสลายหายไปราวกับหมอกควัน
ความเจ็บปวดของคนที่สูญเสียสิ่งสำคัญ มีเพียงแต่ผู้ที่มี ประสบการณ์เท่านั้นถึงจะเข้าใจความเจ็บปวดที่ลืมไม่ลงเช่นนี้ มันเจ็บปวดจนฉีกกระชากหัวใจ
และความเจ็บปวดเช่นนี้ ล้วนแล้วแต่เป็นสุมิตรที่นำมันมา ให้เธอ เธอเกลียดสุมิตร! เกลียดสุมิตรเป็นอย่างยิ่ง!
“เอาล่ะ จันวิภาเธออย่าร้องไห้เลย ถ้าเธอร้องไห้อีกฉันจะ ร้องตามเธอแล้วนะ” เมื่อเห็นฉากที่น่าอึดอัดเช่นี้ จึงอดไม่ได้ที่ จะสัมผัสได้ถึงความเศร้าโศกของมัน
แม้ว่าเธอกับนราวิชญ์จะไม่ได้สนิทสนมกัน แต่ก็ยังนับว่า เป็นเพื่อน ยิ่งไปกว่านั้นจันวิภาก็ร้องไห้ออกมาอย่างโดดเดี่ยว คนที่ได้ยินต่างก็อดไม่ได้ที่จะร้องไห้ตาม ในท้ายที่สุด คนทั้งสองก็กอดกันแล้วร้องไห้ออกมา
ในที่สุดแพทย์ก็ได้เชิญพวกเขาออกไป ทั้งสองคนถึงจะ หยุดร้องไห้
หลังจากออกจากห้องเก็บศพ พัชรีก็ได้ปลอบเธออยู่ตลอด เวลา “จันวิภา เธอต้องยอมรับนะ คนตายไม่อาจฟื้นคืนได้ จาก นี้พวกเราต้องมีชีวิตอยู่ให้ดีๆ ถึงแม้ว่านราวิชญ์จะไม่อยู่แล้ว อย่างนี้ก็จะเป็นการตอบแทนบุญคุณอันยิ่งใหญ่ของเขา! #
“ที่เธอพูดมาฉันรู้ ขอบใจนะพัชรี ถ้าไม่มีเธอ ฉันก็คงไม่ได้ มาเจอกับพี่นราวิชญ์เป็นครั้งสุดท้าย” จันวิภากุมมือของพัชรีไว้ จนแน่น นี่คือเพื่อนรักเพียงหนึ่งเดียวของเธอ ไม่ว่าจะเป็น อย่างไรเธอจะต้องปกป้องเพื่อนรักคนนี้เอาไว้ให้ได้
“ตามที่เธอว่า ฉันคนเดียวก็คงไม่กล้ามาเหมือนกัน นรา วิชญ์ก็เป็นเพื่อนของฉัน มันแน่นอนอยู่แล้วที่พวกเราจะต้องมา เจอเขาเป็นครั้งสุดท้าย” พัชรีพูด ทันใดนั้นเองจู่ๆก็คิดถึงเรื่อง สำคัญขึ้นมาได้ “ฉันคิดว่าเธอรีบออกห่างจากสุมิตรเถอะ หมอ นี่มันบ้า คิดไม่ถึงเลยว่าแค่เรื่องเล็กน้อยยังจะลงมือกับนรา วิชญ์ ในอนาคตไม่รู้ว่าจะทำกับเธออย่างไรต่อไปอีก!
เมื่อครู่นี้จันวิภาได้บอกสาเหตุการตายของนราวิชญ์ไปให้ กับพัชรีฟัง หลังจากที่พัชรีรู้ใบหน้าของเขาก็เปี่ยมไปด้วยความ โมโห มองจันวิภาอย่างจริงจัง ตัดสินใจแล้วว่าไม่ว่าอย่างไรก็ จะลากจันวิภาออกมาจากสุมิตรให้ได้
เมื่อได้ยินดังนั้น จู่ๆจันวิภาก็นึกขึ้นมาได้ทันทีว่าก่อนที่นรา ในท้ายที่สุด คนทั้งสองก็กอดกันแล้วร้องไห้ออกมา
ในที่สุดแพทย์ก็ได้เชิญพวกเขาออกไป ทั้งสองคนถึงจะ หยุดร้องไห้
หลังจากออกจากห้องเก็บศพ พัชรีก็ได้ปลอบเธออยู่ตลอด เวลา “จันวิภา เธอต้องยอมรับนะ คนตายไม่อาจฟื้นคืนได้ จาก นี้พวกเราต้องมีชีวิตอยู่ให้ดีๆ ถึงแม้ว่านราวิชญ์จะไม่อยู่แล้ว อย่างนี้ก็จะเป็นการตอบแทนบุญคุณอันยิ่งใหญ่ของเขา! #
“ที่เธอพูดมาฉันรู้ ขอบใจนะพัชรี ถ้าไม่มีเธอ ฉันก็คงไม่ได้ มาเจอกับพี่นราวิชญ์เป็นครั้งสุดท้าย” จันวิภากุมมือของพัชรีไว้ จนแน่น นี่คือเพื่อนรักเพียงหนึ่งเดียวของเธอ ไม่ว่าจะเป็น อย่างไรเธอจะต้องปกป้องเพื่อนรักคนนี้เอาไว้ให้ได้
“ตามที่เธอว่า ฉันคนเดียวก็คงไม่กล้ามาเหมือนกัน นรา วิชญ์ก็เป็นเพื่อนของฉัน มันแน่นอนอยู่แล้วที่พวกเราจะต้องมา เจอเขาเป็นครั้งสุดท้าย” พัชรีพูด ทันใดนั้นเองจู่ๆก็คิดถึงเรื่อง สำคัญขึ้นมาได้ “ฉันคิดว่าเธอรีบออกห่างจากสุมิตรเถอะ หมอ นี่มันบ้า คิดไม่ถึงเลยว่าแค่เรื่องเล็กน้อยยังจะลงมือกับนรา วิชญ์ ในอนาคตไม่รู้ว่าจะทำกับเธออย่างไรต่อไปอีก!
เมื่อครู่นี้จันวิภาได้บอกสาเหตุการตายของนราวิชญ์ไปให้ กับพัชรีฟัง หลังจากที่พัชรีรู้ใบหน้าของเขาก็เปี่ยมไปด้วยความ โมโห มองจันวิภาอย่างจริงจัง ตัดสินใจแล้วว่าไม่ว่าอย่างไรก็ จะลากจันวิภาออกมาจากสุมิตรให้ได้
เมื่อได้ยินดังนั้น จู่ๆจันวิภาก็นึกขึ้นมาได้ทันทีว่าก่อนที่นรา วิชญ์จะเสียชีวิตก็ได้เตือนเธอหลายต่อหลายครั้ง ว่าให้ออก ห่างจากสุมิตร แต่เธอกลับไม่ฟัง
มาตอนนี้ จึงรู้ว่าตนเองนั้นโง่เง่าขนาดไหน ถ้าหากว่าเขา ฟังสิ่งที่นราวิชญ์ตอนก่อนหน้านี้แม้เพียงสักนิด เขาก็คงไม่ต้อง ตกลงสู่สถานการณ์ในปัจจุบัน
ความตายของนราวิชญ์ เป็นความรับผิดชอบที่ยิ่งใหญ่
ของเธอ!
จันวิภาสูดหายใจเข้าลึกๆเฮือกหนึ่ง ตอนนี้ไม่ใช่เวลาที่จะ ต้องตำหนิตนเอง เพื่อไม่ให้พัชรีกังวลใจแล้ว เธอจึงทำได้เพียง แค่พูดความคิดของตนเองออกมา “จริงๆแล้วก่อนที่เธอจะโทร มาฉันเก็บของเสร็จเรียบร้อยแล้ว ถ้าไม่ใช่เพราะเธอโทรมา ตอนนี้ฉันก็คงออกจากบ้านของสุมิตรไปแล้ว”
“จริงหรอ! ” ใบหน้าของพัชรีตื่นเต้น เธอกุมมือของจัน วิภาเอาไว้ แล้วพูดออกมาอย่างโล่งใจ “ในที่สุดเธอก็ตัดสินใจ ออกมาจากสุมิตรแล้ว! ฉันคิดว่าจะต้องพูดอีกมากมายเสียอีก ถึงจะโน้มน้าวเธอได้ เธอรีบกลับไปเอาสัมภาระมาเถอะ จากนั้น ก็ย้ายมาอยู่กับฉัน! %3
จันวิภายิ้มอย่างฝืนใจ ช่างน่าเสียดายที่เธอรู้ช้าเกินไป ว่า ตนเองได้แบกหนึ่งชีวิตเอาไว้บนหลัง
ในขณะที่พูดคุยกันอยู่ คนทั้งสองก็เดินมาจนถึงประตูโรง พยาบาล ตอนที่พัชรีพูดว่าให้จันวิภากลับไปเอาสัมภาระมา ทันใดนั้นเองหน้าต่างของรถที่จอดอยู่ข้างถนนก็ได้เลื่อนลงมา วิชญ์จะเสียชีวิตก็ได้เตือนเธอหลายต่อหลายครั้ง ว่าให้ออก ห่างจากสุมิตร แต่เธอกลับไม่ฟัง
มาตอนนี้ จึงรู้ว่าตนเองนั้นโง่เง่าขนาดไหน ถ้าหากว่าเขา ฟังสิ่งที่นราวิชญ์ตอนก่อนหน้านี้แม้เพียงสักนิด เขาก็คงไม่ต้อง ตกลงสู่สถานการณ์ในปัจจุบัน
ความตายของนราวิชญ์ เป็นความรับผิดชอบที่ยิ่งใหญ่
ของเธอ!
จันวิภาสูดหายใจเข้าลึกๆเฮือกหนึ่ง ตอนนี้ไม่ใช่เวลาที่จะ ต้องตำหนิตนเอง เพื่อไม่ให้พัชรีกังวลใจแล้ว เธอจึงทำได้เพียง แค่พูดความคิดของตนเองออกมา “จริงๆแล้วก่อนที่เธอจะโทร มาฉันเก็บของเสร็จเรียบร้อยแล้ว ถ้าไม่ใช่เพราะเธอโทรมา ตอนนี้ฉันก็คงออกจากบ้านของสุมิตรไปแล้ว”
“จริงหรอ! ” ใบหน้าของพัชรีตื่นเต้น เธอกุมมือของจัน วิภาเอาไว้ แล้วพูดออกมาอย่างโล่งใจ “ในที่สุดเธอก็ตัดสินใจ ออกมาจากสุมิตรแล้ว! ฉันคิดว่าจะต้องพูดอีกมากมายเสียอีก ถึงจะโน้มน้าวเธอได้ เธอรีบกลับไปเอาสัมภาระมาเถอะ จากนั้น ก็ย้ายมาอยู่กับฉัน! %3
จันวิภายิ้มอย่างฝืนใจ ช่างน่าเสียดายที่เธอรู้ช้าเกินไป ว่า ตนเองได้แบกหนึ่งชีวิตเอาไว้บนหลัง
ในขณะที่พูดคุยกันอยู่ คนทั้งสองก็เดินมาจนถึงประตูโรง พยาบาล ตอนที่พัชรีพูดว่าให้จันวิภากลับไปเอาสัมภาระมา ทันใดนั้นเองหน้าต่างของรถที่จอดอยู่ข้างถนนก็ได้เลื่อนลงมา ด้านในรถเผยให้เห็นใบหน้าที่หล่อเหลาและเย็นชา
จันวิภากับพัชรีตกตะลึง เมื่อพวกเขาเห็นคนที่อยู่ข้างใน อย่างชัดเจน ภายในใจก็เปี่ยมไปด้วยความโกรธแค้น
อารมณ์ของคนที่อยู่ในรถดูเหมือนจะไม่ค่อยตีมากนัก สุ มิตรจ้องมองจันวิภา แล้วพูดออกมาอย่างเย็นชา “จันวิภา เธอ คิดจะหนีไปจากฉันหรอ? อย่าได้ฝันไปเลย เธอเป็นภรรยาของ ฉัน ชั่วชีวิตนี้อย่าได้คิดว่าจะหนีไปจากฉันได้!
จันวิภายังไม่ทันจะพูดอะไร พัชรีก็ได้มาขวางเธออยู่ข้าง หน้า แล้วตะโกนพูดกับสุมิตรอย่างแค้นเคือง “คุณสุมิตร! ตอนนี้คือศตวรรษที่ยี่สิบเอ็ดแล้ว มันเป็นสังคมเสรี! การ แต่งงานทางสังคมในปัจจุบันนั้นถูกกฎหมายและเป็นอิสระ ไม่ใช่ว่าคุณจะพูดตามใจได้อยู่ฝ่ายเดียว!
หน้าหันไปทางเสียงคำรามของพัชรี สุมิตรทำเหมือนกับ ไม่เห็น เขามองข้ามพัชรีแล้วมองตรงไปยังจันวิภา แล้วพูดออก มาประโยคหนึ่งอย่างไม่รู้ร้อนรู้หนาว “ครั้งที่แล้วเธอเป็นคนที่ ออกหน้าแทนเธอและทำร้ายนวาระงั้นหรอ?”
เสียงสิ้นสุดลง จันวิภาใบหน้าขาวซีด ทันใดนั้นเธอก็ เข้าใจได้ทันทีว่าสุมิตรต้องการจะสื่อถึงอะไร เขาต้องการที่จะ หยิบพัชรีมาข่มขู่เธอ!
ไม่ผิด ครั้งที่แล้วพัชรีทนไม่ได้ที่เห็นนวาระรังแกจันวิภา ดังนั้นเลยต่อยนวาระไปชุดหนึ่ง เวลาก็ผ่านมานานมากแล้ว ไม่ คิดเลยว่าสุมิตรจะยังจำได้อยู่! ด้านในรถเผยให้เห็นใบหน้าที่หล่อเหลาและเย็นชา
จันวิภากับพัชรีตกตะลึง เมื่อพวกเขาเห็นคนที่อยู่ข้างใน อย่างชัดเจน ภายในใจก็เปี่ยมไปด้วยความโกรธแค้น
อารมณ์ของคนที่อยู่ในรถดูเหมือนจะไม่ค่อยตีมากนัก สุ มิตรจ้องมองจันวิภา แล้วพูดออกมาอย่างเย็นชา “จันวิภา เธอ คิดจะหนีไปจากฉันหรอ? อย่าได้ฝันไปเลย เธอเป็นภรรยาของ ฉัน ชั่วชีวิตนี้อย่าได้คิดว่าจะหนีไปจากฉันได้!
จันวิภายังไม่ทันจะพูดอะไร พัชรีก็ได้มาขวางเธออยู่ข้าง หน้า แล้วตะโกนพูดกับสุมิตรอย่างแค้นเคือง “คุณสุมิตร! ตอนนี้คือศตวรรษที่ยี่สิบเอ็ดแล้ว มันเป็นสังคมเสรี! การ แต่งงานทางสังคมในปัจจุบันนั้นถูกกฎหมายและเป็นอิสระ ไม่ใช่ว่าคุณจะพูดตามใจได้อยู่ฝ่ายเดียว!
หน้าหันไปทางเสียงคำรามของพัชรี สุมิตรทำเหมือนกับ ไม่เห็น เขามองข้ามพัชรีแล้วมองตรงไปยังจันวิภา แล้วพูดออก มาประโยคหนึ่งอย่างไม่รู้ร้อนรู้หนาว “ครั้งที่แล้วเธอเป็นคนที่ ออกหน้าแทนเธอและทำร้ายนวาระงั้นหรอ?”
เสียงสิ้นสุดลง จันวิภาใบหน้าขาวซีด ทันใดนั้นเธอก็ เข้าใจได้ทันทีว่าสุมิตรต้องการจะสื่อถึงอะไร เขาต้องการที่จะ หยิบพัชรีมาข่มขู่เธอ!
ไม่ผิด ครั้งที่แล้วพัชรีทนไม่ได้ที่เห็นนวาระรังแกจันวิภา ดังนั้นเลยต่อยนวาระไปชุดหนึ่ง เวลาก็ผ่านมานานมากแล้ว ไม่ คิดเลยว่าสุมิตรจะยังจำได้อยู่! แม้ว่าครั้งที่แล้วสุมิตรจะหาคนมาสั่งสอนพัชรีไปแล้ว แต่ เมื่อคิดถึงโทษของนราวิชญ์ที่ฆ่านวาระแล้ว และสุมิตรก็แค้น ฝังใจจนชีวิตต้องชดใช้ด้วยชีวิต ตอนนี้นวาระตายแล้ว แม้พัชรี ที่เคยลงมือทำร้ายนวาระสุมิตรก็ไม่ยกเว้น..
ยิ่งคิดตัวของจันวิภาก็ยิ่งเย็นยะเยือก ไม่! เธอเสียนรา วิชญ์ไปแล้ว จะเสียพัชรีที่เป็นเพื่อนรักเพียงคนเดียวของเธอไป ไม่ได้อีกเด็ดขาด! ตอนนี้เธอสาบานว่าจะต้องปกป้องพัชรี อย่างเงียบๆ เธอจะไม่ให้สุมิตรลงมือกับพัชรีได้เป็นอันขาด!
จันวิภาเข้าไปขวางพัชรีที่ยังทำสงครามน้ำลายกับสุมิตร อยู่ พูดด้วยใบหน้าที่เงียบสงบ “พัชรี ไม่ต้องพูดแล้ว”
เมื่อได้ยินดังนั้น พัชรีจึงหันหน้ากลับมามองจันวิภาอย่าง ตกตะลึง ไม่รู้ว่าทำไมเพื่อนรักของตนเองจึงได้ใจอ่อนลง “จัน วิภา! ”
ใบหน้าของจันวิภาเย็นชา ก้มหน้าลงมองพื้น ไม่กล้า เผชิญหน้ากับพัชรีที่กำลังโมโห
เมื่อสุมิตรเห็นว่าเธอเข้าใจความคิดของตนเองแล้ว จึง เรียกให้คนขับรถพาเธอขึ้นมา ทิ้งพัชรีที่วางก้ามเอาไว้และเดิน
ไป
กลับเข้ามาถึงในบ้าน สุมิตรโยนร่างของจันวิภาที่แข็งที่อ ราวกับท่อนไม้ไว้บนเตียง อยากจะเอาเธออีกครั้งในช่วงหลัง จากนั้นไม่กี่วัน
แต่จันวิภาที่แข็งที่อเป็นท่อนไม้ทำให้สมิตรหมดอารมณ์ แม้ว่าครั้งที่แล้วสุมิตรจะหาคนมาสั่งสอนพัชรีไปแล้ว แต่ เมื่อคิดถึงโทษของนราวิชญ์ที่ฆ่านวาระแล้ว และสุมิตรก็แค้น ฝังใจจนชีวิตต้องชดใช้ด้วยชีวิต ตอนนี้นวาระตายแล้ว แม้พัชรี ที่เคยลงมือทำร้ายนวาระสุมิตรก็ไม่ยกเว้น..
ยิ่งคิดตัวของจันวิภาก็ยิ่งเย็นยะเยือก ไม่! เธอเสียนรา วิชญ์ไปแล้ว จะเสียพัชรีที่เป็นเพื่อนรักเพียงคนเดียวของเธอไป ไม่ได้อีกเด็ดขาด! ตอนนี้เธอสาบานว่าจะต้องปกป้องพัชรี อย่างเงียบๆ เธอจะไม่ให้สุมิตรลงมือกับพัชรีได้เป็นอันขาด!
จันวิภาเข้าไปขวางพัชรีที่ยังทำสงครามน้ำลายกับสุมิตร อยู่ พูดด้วยใบหน้าที่เงียบสงบ “พัชรี ไม่ต้องพูดแล้ว”
เมื่อได้ยินดังนั้น พัชรีจึงหันหน้ากลับมามองจันวิภาอย่าง ตกตะลึง ไม่รู้ว่าทำไมเพื่อนรักของตนเองจึงได้ใจอ่อนลง “จัน วิภา! ”
ใบหน้าของจันวิภาเย็นชา ก้มหน้าลงมองพื้น ไม่กล้า เผชิญหน้ากับพัชรีที่กำลังโมโห
เมื่อสุมิตรเห็นว่าเธอเข้าใจความคิดของตนเองแล้ว จึง เรียกให้คนขับรถพาเธอขึ้นมา ทิ้งพัชรีที่วางก้ามเอาไว้และเดิน
ไป
กลับเข้ามาถึงในบ้าน สุมิตรโยนร่างของจันวิภาที่แข็งที่อ ราวกับท่อนไม้ไว้บนเตียง อยากจะเอาเธออีกครั้งในช่วงหลัง จากนั้นไม่กี่วัน
แต่จันวิภาที่แข็งที่อเป็นท่อนไม้ทำให้สมิตรหมดอารมณ์ เขาทำมันมาได้ครึ่งทางแล้ว จึงมองจันวิภาด้วยความโกรธแล้ว พูดขึ้น “จันวิภา เธออย่าคิดว่าจะหนีออกจากฉันได้! เธอฆ่า นวาระ ฉันจะไม่ปล่อยให้เธอหนีไป! ฉันจะทรมานเธอไป จนกว่าจะตาย! ”
นวาระ.เป็นนวาระอีกแล้ว..
จันวิภาหัวเราะเยาะ เธอจ้องมองเพดานห้อง แล้วหัวเราะ ออกมาเสียงดัง “สุมิตร ที่นายแคร์นวาระขนาดนั้น ก็เพราะเรื่อง ครั้งนั้นในโรงแรมน่ะหรอ? แต่ว่านะสุมิตร สิ่งที่นายสนใจจริงๆ แล้วคือนวาระ หรือว่าครั้งนั้นในโรงแรมกันล่ะ…ฮ่าๆๆ…ไอ้ โง่เอ้ย..
จันวิภาหัวเราะ และยิ่งหัวเราะอย่างบ้าคลั่ง
สุมิตรจ้องมองจันวิภาเหมือนกับคนที่ป่วยเป็น โรคประสาทอย่างไรอย่างนั้น เขาทิ้งจันวิภาลงข้างๆ แล้วเดิน ออกจากห้องนี้ไป
ผู้หญิงบ้า! เขาทำมันมาได้ครึ่งทางแล้ว จึงมองจันวิภาด้วยความโกรธแล้ว พูดขึ้น “จันวิภา เธออย่าคิดว่าจะหนีออกจากฉันได้! เธอฆ่า นวาระ ฉันจะไม่ปล่อยให้เธอหนีไป! ฉันจะทรมานเธอไป จนกว่าจะตาย! ”
นวาระ.เป็นนวาระอีกแล้ว..
จันวิภาหัวเราะเยาะ เธอจ้องมองเพดานห้อง แล้วหัวเราะ ออกมาเสียงดัง “สุมิตร ที่นายแคร์นวาระขนาดนั้น ก็เพราะเรื่อง ครั้งนั้นในโรงแรมน่ะหรอ? แต่ว่านะสุมิตร สิ่งที่นายสนใจจริงๆ แล้วคือนวาระ หรือว่าครั้งนั้นในโรงแรมกันล่ะ…ฮ่าๆๆ…ไอ้ โง่เอ้ย..
จันวิภาหัวเราะ และยิ่งหัวเราะอย่างบ้าคลั่ง
สุมิตรจ้องมองจันวิภาเหมือนกับคนที่ป่วยเป็น โรคประสาทอย่างไรอย่างนั้น เขาทิ้งจันวิภาลงข้างๆ แล้วเดิน ออกจากห้องนี้ไป
ผู้หญิงบ้า!