ตอนที่ 174 การออกแบบที่สับสน
จินตนาการมักจะสวยงามอยู่เสมอหลังจากที่จันวิภาจาก
ไปธนาคจึงสตาร์ทรถ
จันวิภาไม่ได้อยู่แล้วพัชรีจึงรีบถอดท่าทางที่เสแสร้งออก อดไม่ได้ที่จะตบไหล่ของธนภาคโดยตรงแล้วพูดด้วยน้ำเสียงที่ ทะนงตน จากนี้ตอนที่ฉันพูดนายก็หุบปากนะแล้วก็อย่าแสดง อะไรที่ไม่เป็นอันหนึ่งอันเดียวกันออกมาล่ะ! “พัชรีสังเกตได้ ถึงสีหน้าของวันวิภาเมื่อครู่นี้
ธนภาคยังคงอารมณ์ดีอยู่เขายิ้มออกมาอย่างอบอุ่น “ใช่ มั้ยนั้นต่อไปครั้งหน้าฉันจะระวังนะ
“นายยังมีครั้งหน้าอยู่อีกหรอ? ! “พัชรีเหลือบตามองเธอ ต้องกลึงมองธนภาคอย่างไม่พอใจครั้งหน้าฉันจะไม่มากินข้าว กับนายอีกแล้วนายอย่าฝันไปเลย! ”
“ครับครับ……ธนภาคยักไหล่อย่างช่วยไม่ได้
เมื่อเห็นธนภาคมีท่าทางเช่นนี้พัชรีจึงหงุดหงิดมากขึ้นไป อีกแล้วรีบพูดออกมาอย่างโมโห “ฉันจะเตือนนายนะนายห้าม รังแกจนวิภาถ้าหากฉันรู้ว่านายทำเรื่องอะไรล่วงเกินเธอล่ะก็ฉัน จะไม่ยกโทษให้นายแน่! ”
เมอโดยนดงนับธนภาคจังหวเราะออกมาเบาๆอย่างอเม
ได้
เดิมที่มันเป็นหัวข้อที่จริงจังมากแต่เมื่อถูกธนภาคหัวเราะ ออกมาเช่นนี้จู่ๆบรรยากาศก็สลายหายไปพัชรีหงุดหงิดยิ่งขึ้น ไปอีกพูดด้วยน้ำเสียงที่โกรธแค้น นายหัวเราะอะไร? |
ธนาคไม่ตอบเขาจดจ่อกับการมองยานพาหนะข้างหน้า ขับรถต่อไปรอจนผ่านถนนสายนี้เขาจึงจะหันหน้ากลับมามอง พัชรีแล้วพูดด้วยรอยยิ้มที่สดใส”ฉันคิดว่าเธอน่ารักดีนะ! ”
“อะ……อะไรนะ?! ”
รอยยิ้มของธนภาคมันอ่อนโยนและดูสบายเหมือน สายลมฤดูใบไม้ผลิทำให้คนที่เห็นรู้สึกสดชื่นเพียงชั่วพริบตา พัชรีก็ได้มองดูรอยยิ้มของธนภาคอย่างไร้สติ
รอจนเธอมีท่าที่ตอบสนองจึงพบว่าตนเองได้ถูกรอยยิ้ม ของผู้ชายคนนี้ดึงดูดเข้าเสียแล้วเธอตนเองอยู่ในใจพร้อม กับพูดปฏิเสธออกมาน่ารักบ้านแกสิ! ฉันเท่ขนาดนี้จะไปน่า รักได้อย่างไงล่ะ……..ไม่ใช่แล้ว! อย่าคิดว่านายยกขอฉันแล้ว ฉันจะมองนายต่างออกไปนะหัวใจนายนี่มันตายด้านจริงๆ!
คำพูดของพัชรีมักจะเย่อหยิ่งอยู่เสมอแต่ทว่าธนภาคกลับ ไม่ได้สนใจทำเพียงแค่หัวเราะออกมาเบาๆ
ส่งพัชรีถึงบ้านพัชรีจึงจะหยุดและสั่งสอนธนภาคธน ภาคหมุนพวงมาลัยพร้อมกับมองพัชรีที่เดินขึ้นไปชั้นบนอย่างมี
ความสุข
ผู้หญิงคนนี้จริงๆเลย…..
เช้าตรู่วันต่อมาจนวิภายังคงไปทำงานตามปกติหลังจาก การเล่นสนุกเมื่อวานนี้ตอนที่สุมิตรมาถึงบริษัทก็ไม่เหลียวมอง จนวิภาแม้แต่หางตา
จนวิภาก็ไม่ได้สนใจจัดการเรื่องวุ่นวายของตนเองต่อไป
ใกล้จะถึงช่วงบ่ายแล้วในวิภายกกาแฟเข้าไปเสิร์ฟให้สุ มิตรและประจวบเหมาะกับที่สุมิตรทำงานยุ่งเสร็จพอดีจึงลุกขึ้น พักสักเล็กน้อยก็เห็นจนวิภาเดินเข้ามาพอดี
คนทั้งสองประสานสายตากันจนวิภามองตาของสุมิตรก้ม ศีรษะลงวางกาแฟไว้บนโต๊ะทำงานแล้วพูดออกไปประโยค หนึ่ง ประธานค่อยๆดื่มนะคะ จากนั้นจึงหันตัวแล้วเดินจากไป
“รอเดี๋ยว” จันวิภาที่พึ่งจะก้าวเท้าได้ถูกสุมิตรเรียกให้หยุด
เอาไว้
สุมิตรเดิมอ้อม โต๊ะมาอยู่ตรงหน้าของวันวิภาเขาจ้องมอง ใบหน้าของวันวิภาอย่างเงียบๆ มองดูอย่างละเอียดถี่ถ้วนยิ่ง มองยิ่งคุ้นเคยราวกับว่าเคยเห็นเธอที่ไหนมาก่อน
ไม่รู้ตัวสุมิตรนึกถึงสาวสวยที่ได้เห็นเมื่อคืนที่ผ่านมาผู้ หญิงคนนั้นชื่อว่าในวิภาแต่เธอชื่อนาราวีระนนท์ทั้งสองคน นามสกุลเหมือนกันใบหน้าก็ยังคล้ายๆกันมันให้ความรู้สึก คล้ายกันเล็กน้อยแต่เรือนร่าง……….
มองไปที่เรือนร่างของฉันวิภาที่ถูกคลุมด้วยเสื้ออยู่สุมิตร คิดไม่ออกเลยจริงๆว่าเลขาที่อยู่ต่อหน้าที่ไม่มีอะไรโดเด่นเลย คนนี้มีจุดไหนกันที่สามารถเปรียบเทียบได้กับผู้หญิงที่น่า อัศจรรย์เมื่อคืนนี้
ในทางตรงกันข้ามสุมิตรกลับไม่ได้รู้สึกเช่นนั้นหากถอด แว่นตาของเธอออก……
ครุ่นคิดสุมิตรยื่นมือออกมาเพราะต้องการถอดแว่นตา ออกมาจากบนใบหน้าของจันวิภา
โชคที่จันวิภาเตรียมพร้อมสำหรับเรื่องนี้มาก่อนแล้วตอน ที่มือของสุมิตรกำลังจะเข้าใกล้ใบหน้าของเธอจนวิภาจึงถอย หลังออกไปสองสามก้าวทันทีจ้องมองสุมิตรอย่างระมัดระวัง แล้วเอ่ยถาม ประธานคุณคิดจะทำอะไรน่ะ?”
“คิดจะทำอะไร…….สุมิตรพูดพิมพ์ออกมาสายตาของ เขาห้อยลงมาราวกับกำลังครุ่นคิดเกี่ยวกับเรื่องนี้เรือนร่าง ค่อยๆเขยิบเข้าใกล้จนวิภา”ถ้าจะให้พูดผมก็อยากจะถอดแว่น ของคุณออกคุณยินดีหรือไม่?”
“ท่านประธานทำไมถึงอยากจะถอดแว่นตาของฉันออกล่ะ คะ? คุณกังวลกับเรื่องส่วนตัวของลูกน้องคุณมากเกินไปแล้วนี่ มันไม่ค่อยดีเลยนะคะ?”จันวิภาจ้องมองสุมิตรที่เขยิบเข้ามา ใกล้อย่างระมัดระวังแต่พอถอยไปๆเธอก็ถอยไปชนกับขอบ โต๊ะทำงานและมันก็ไม่เหลือที่ว่างให้เธอถอยอีกแล้ว
“ถ้างั้นทำไมคุณไม่ให้ผมดูล่ะ?ไม่ใช่ว่าแค่ถอดแว่นตาเองหรอทำไมถึงดื้อขนาดนี้นี่มันกลับยิ่งทำให้น่าสงสัยจริงๆ หรือ ว่าคุณมีความลับที่บอกคนอื่นไม่ได้อยู่กัน?
สายตาของสุมิตรลึกขึ้นมองมือทั้งสองข้างของจันวิภาที่ จับโต๊ะเอาไว้อยู่ทันใดนั้นเขาก็โอบเอวของจันวิภาทำให้ ร่างกายของเธอแนบชิดกับเรือนร่างของเขา
ใบหน้าเข้าใกล้หูของฉันวิภาเสียงที่ทุ่มต่ำของสุมิตรมัน แฝงไว้ด้วยรสชาติแห่งความลุ่มหลง คือ?”
ลมหายใจอุ่นๆ พ่นออกมากระทบกับหูของเธอเบาๆ ร่างกายของจันวิภาสั่นเทาอยู่เล็กน้อยอย่างอดไม่ได้เธอกัดริม ฝีปากล่างแล้วพูดออกมาราวกับกำลังกัดฟันอยู่ คนที่ลึกลับนั่น มันคุณต่างหากส่วนฉันน่ะปกติทำไมถึงต้องการถอดแว่นตา ของฉันด้วยล่ะคะ?”
สุมิตรไม่ได้ตอบอะไรเขาพ่นลมหายใจรดต้นคอของฉัน ภาเบาๆแล้วสูดดมกลิ่นกายของเธอบนเรือนร่างของเธอมันมี กลิ่นน้ำหอมโชยออกมาจางๆ ปิดตาของตนเองลงราวกับกำลัง เพลิดเพลินกับมันริมฝีปากของเขาดูเหมือจะถูกกับคอของเธอ อย่างไม่ได้ตั้งใจ
คันจริงๆ……
ทั่วทั้งร่างสั่นเทาราวกับถูกไฟฟ้าช็อตความรู้สึกแปลกๆทั่ว ทั้งร่างกายผ่านไปทุกอณูเซลล์มันช้าๆและทำให้ต้องการมาก ขึ้นไปอีก
จันวิภาที่เคยผ่านเหตุการณ์เช่นนี้มาแล้วรู้ดีว่าปฏิกิริยามันคืออะไรเธอยื่นมือออกมาขวางหน้าอกของสุมิตรและผลัก เขาออกไปแต่สุมิตรฉลาดกว่าเธอก่อนที่เธอจะผลักเขาเขาก็ได้ เพิ่มแรงของฝ่ามือโอบกอดเธอไว้กับตนเองจนแน่นไม่ปล่อยให้ เธอดิ้นหลุดไปได้
ครั้งที่แล้วก็เป็นที่ในรถครั้งนี้…….
ริมฝีปากของสุมิตรไหลจากคอลงมาถึงกระดูกไหปลาร้า ของจันวิภาแล้วทิ้งรอยจูบลึกๆ เอาไว้
จันวิภากัดฟันจนแน่นต้นสุมิตรออกไปอย่างไม่เต็มใจ
อย่างไรก็ตามร่างกายมีความซื่อสัตย์มากกว่าเธอภายใต้การ จูบติดต่อกันหลายครั้งของสุมิตรเท้าของเธอก็อ่อนฮวบลงแทบ ที่จะพึ่งอยู่ในอ้อมกอดของสุมิตรอย่างไม่มีแรง
สุมิตรยกกันวิภาไว้บนโต๊ะให้หลังเธอพึงกับโต๊ะใบหน้าฝัง อยู่ระห่างคอของเธอริมฝีปากทั้งสองลื่นไหลอยู่ระหว่างคอกับ ไหปลาร้าของเธอ ในที่สุดก็มาถึงริมฝีปากที่แสนหวานและ เอร็ดอร่อยของจันวิภา
คว้ามันออกมาทันทีสุมิตรค่อยๆยื่นมือออกไปถอดแว่นตา ของฉันวิภาอย่างเงียบๆ จากนั้นจึงเงยหน้าขึ้นแล้วยกแว่นตาที่ อยู่ในมือด้วยใบหน้าที่พอใจความหมายคือฉันชนะแล้ว
จันวิภาถูกสุมิตรจูบเสียจนสับสนเมื่อเธอเห็นสีหน้าที่พอใจ ของสุมิตรอย่างชัดเจนแล้วยังมีแว่นตาที่อยู่ในมือของเขา ทันใดนั้นจึงเข้าใจว่าทำไมสุมิตรถึงทำแบบนี้กับเธอ
ที่แท้เขา ก็ต้องการที่จะเล่นกับเธอ! จุดประสงค์เพื่อแว่นตาอันนั้น!
ผู้ชายคนนี้สมควรตายเสียจริง