ตอนที่ 99 แสดงความจริงใจ
วันที่สอง หลี่หลงก็มาที่บ้านหลินซินเยียนมาช่วยงานแต่ เช้า และยังช่วยเอ้อร์ยาเก็บห้องหับ แล้วก็ยังเป็นผู้อารักขา ด้วย หน้าที่นั้นก็คือดูแลความปลอดภัยของบ้านนี้ ในบ้านนี้ มีหลินซินเยียน เอ้อร์ยา อี้เซิง ทั้งสามคนไม่มีความสามารถ ในการปกป้องตัวเอง ถ้าหากมีคนเลวเข้ามาจะต้องเป็นเรื่อง ที่น่าหวาดกลัวมากๆ ดังนั้นหลี่หลงเลยตัดสินใจที่จะมา อาศัยอยู่ที่นี่ด้วย อย่างไรที่นี่ก็อยู่ไม่ไกลจากบ้านของเขา ถ้าไม่ยุ่งก็จะกลับไปบ้าน
หลินซินเยียนกลับบังคับให้เขากลับไปอยู่บ้าน แล้วว่าหลี่ หลงยืนกรานที่จะอยู่ นางก็เลยไม่พูดอะไรอีก
เมื่อมีเวลาว่าง หลินซินเยียนก็เรียก หลี่หลง เอ้อร์ยาและ
อี้เซิงมา มาสอนให้พวกเขาอ่านหนังสือ พวกเขาขยันตั้งใจ
มาก ในขณะเดียวกันนั้นก็รู้สึกเคารพเลื่อมใสในตัวหลินซิน
เยียน
บ่ายวันนี้ ศาลาความลับแห่งสวรรค์ ประมุขน้อยเทียนหยุ นจือมาเยี่ยมทางประตูด้านบน เวลาผ่านไปหลายวัน สุดท้ายเขาก็ต้องมาปฏิบัติตามคำมั่นสัญญา
แต่เมื่อเอ้อร์ยาพาเทียนหยุนจือมาตรงหน้าของหลินซิน เยียน เทียนหยุนจือก็ตกตะลึงเหมือนยัดไข่ไว้เต็มปาก
เขามองผู้หญิงที่กำลังหัวเราะอยู่ตรงหน้า นางใส่เสื้อที่ทำ จากผ้าไหมสีขาวราวกับหิมะ ใส่เสื้อคลุมขนกระต่าย ยิ่ง ทำให้ขับผิวใบหน้าของนางที่มีเลือดฝาดบนแก้ม เครื่องหน้าราวกับประดับด้วยหมะ เข้าไมเช สวย แต่ว่า ไม่เคยเห็นผู้หญิงที่สวยอย่างหลินซินเยียนมา ก่อน
บนร่างของผู้หญิงที่เกิดในยุคสมัยนี้ จะมีความอ่อนโยน สุภาพลึกซึ้ง เหมือนคนในภาพวาด งดงามตามแบบ มาตรฐาน แต่ไม่มีกลิ่นอายของความฉลาดเลยแม้แต่นิด แต่ว่าหลินซินเยียนนั้นกลับต่างออกไปราวกับว่านางมี ความคิดจิตวิญญาณที่เป็นของตนเองไม่เหมือนใคร ดี เหลือเกินที่ได้ยืนอยู่ตรงหน้านางใน นางยังทำให้คนอื่น รู้สึกว่านางก็คือนาง ของรอบกายถูกนางขับให้เด่นยิ่งขึ้น
“อะไรหรือ ไม่ได้เจอกันไม่กี่วัน ท่านประมุขน้อยก็ไม่รู้จัก ข้าแล้วหรือ” หลินซินเยียนยิ้มบาง แต่เดิมก็ไม่อยากแสดง ฐานะให้หญิงสาวได้รับรู้ แต่ว่าเพราะคนตระกูลหนานกง พบนางที่ปลอมตัวเป็นผู้ชาย เพื่อที่จะลดความวุ่นวายที่ไม่ จำเป็นลงนางจะต้องลดการปลอมตัวเป็นชายให้น้อยลง แต่ศาลาความลับแห่งสวรรค์ นางได้ตัดสินใจไปแล้ว ใน เมื่อตัดสินใจเข้าร่วมแล้ว ก็ถือโอกาสแสดงความบริสุทธิ์ ใจเสียเลย
“เจ้า เจ้าคือท่านชายอู่เหินหรือ” ถึงแม้จะอยู่ตรงหน้า สายตา แต่เทียนหยุนจือก็ยังไม่กล้าเชื่อสายตาของตัวเอง อยู่ดี
หลินซินเยียนพยักหน้า “เมื่อไม่กี่วันก่อนต่อหน้าผู้คน ไม่
ค่อยเหมาะที่จะปรากฏตัวต่อหน้าผู้คนในฐานะผู้หญิง ดัง
นั้นจึงต้องอำพรางตัวมากหน่อย ขอให้ท่านให้อภัยด้วย”
เทียนหยุนจือตกตะลึงคาที สักพักถึงจะ ได้สติกลบมา “เอ้อ…. เข้าใจ เข้าใจได้ เพียงแต่นึกไม่ถึงเลยว่าท่านชายอู๋ เห็นจะเป็นผู้หญิง ยิ่งนึกไม่ถึงเข้าไปใหญ่ว่าผู้หญิงจะมี อาวุธที่ร้ายแรงเช่นนี้ได้”
ต่อให้เป็นแม่ของเขาอยู่ในศาลาความลับแห่งสวรรค์หูตา ช้า แต่กลับรู้เรื่องการสร้างอาวุธแค่ครึ่งเดียว แต่น้องสาว ของเขาเทียนหยุนชิง ตั้งแต่เด็กก็ถูกเลี้ยงดูอยู่ในที่ศาลา ความลับแห่งสวรรค์ก็ได้รับพรสวรรค์มากเป็นพิเศษ กลับ มอบให้หลินซินเยียนเหมือนกันเดะ
“ประมุขน้อยไม่ถือสาก็ดีแล้ว ประมุขน้อยอย่ายืนพูดเลข นั่งลงดื่มชาก่อน นี่คือชาที่เมื่อวันก่อนข้าเก็บได้จากบนเขา ชงจากน้ำหิมะ น้ำหิมะนี้ต้มด้วยกลับดอกเหมย ท่านลองชิม ดู ได้กลิ่นของดอกเหมยรีไม่” หลินซินเยียนรินชาให้เขา
เทียนหยุนจือค่อยๆรับชามารู้ว่าตอนนี้ไม่ใช่ความรู้สึก ที่แท้จริง เขาอิ่มชาไปอีกหนึ่ง พบว่าตรงหน้าชัดแจ้งขึ้น “ไม่ธรรมดาจริงๆ เหมือนคนที่ชำนาญมาก จริงสิ ข้ายัง อยากรู้ชื่อที่แท้จริงของแม่นางด้วย”
“หลินซินเยียน” หลินซินเยียนยิ้มตอบ “ประมุขน้อยไม่ ต้องแนะนำตัวหรอก แค่จ่ายเงินมาก็สอบถามได้ไม่ยาก ข้า เทียนหยุนจือประมุขน้อยของศาลาความลับแห่งสวรรค์ เป็นศาลาความลับแห่งสวรรค์ที่อายุน้อยและงดงามที่สุด”
“แม่นางหลินถ่อมตัวเกินไปแล้ว ข้าคิดว่าฝีมือของท่านไม่ แน่ว่าจะอ่อนกว่าข้า” คำพูดนี้ไม่ใช่เทียนหยุนจือจะประจบ แต่เป็นคำพูดจากใจจริง จากวันนั้นที่เห็นสิ่งที่หลินซินเยียนทำ เขาไม่ตะลึงก็คงไม่ได้ เขาถามตัวเองว่าถ้าหากเป็นเขา เข้าประลองเองในที่สุดผลลัพธ์ก็ยังคงเป็นเหมือนเดิม
“ประมุขน้อยเกรงใจเกินไปแล้ว ข้าแค่ไม่อยากให้เป็น เพียงเพราะข้าเป็นหญิง ทำให้ข้าหมดโอกาสที่จะเข้าไป ศึกษาในที่ศาลา” ภายในใจของหลินซินเยียนเกิดความ ลังเลเล็กน้อย เห็นถ้วยชาของเขาใกล้หมด นางก็เติมน้ำชา ให้เขาอย่างสุภาพ
ประโยคนี้กลับทำให้เทียนหยุนจือยู่นคิ้ว เขาเกิดลังเลใจ ขึ้นมา แต่ว่าสุดท้ายแล้วก็หยิบของในอกเสื้อออกมานั่นก็ คือ จดหมายแนะนำฉบับหนึ่ง “ถึงแม้แม่นางจะเป็นผู้หญิง ขณะนี้พวกเราศาลาความลับแห่งสวรรค์ไม่มีตัวอย่างลูก ศิษย์ผู้หญิง แต่ว่า วันนี้ศาลาความลับแห่งสวรรค์ก็ไม่ได้ กีดกันผู้หญิงทำอาวุธ ท่านดูน้องสาวข้า ไม่ได้เรียนการ ฝีมือหรอก รี ดังนั้น ข้าตัดสินใจแล้ว ประมุขจะต้องเข้าใจ”
หลินซินเยียนรับจดหมายมา หัวใจตกลงไปอยู่ที่พื้น รอย ยิ้มบนใบหน้าอ่อนลงนิดหน่อย “ถ้าเช่นนั้นข้าต้องขอบคุณ ประมุขน้อยมากที่ไม่คำนึงถึงเรื่องเพศ”
รอยยิ้มของนาง เหมือนความอบอุ่นของแสงแดดที่อยู่ใน หน้าหนาว เพียงแค่ชั่วพริบตาเดียว ก็แผดเผาหัวใจของผู้ อื่นได้
เทียนหยุนจือมองแล้วก็เกิดความลุ่มหลงขึ้นมานิดหน่อย แววตามองเหมือนสติหลุดลอย เมื่อเห็นหลินซินเยียนย่นคิ้ว ถึงได้ก้มหน้าลงอย่าเก้อเขิน แต่ว่าใบหูของเขาก็แดงอย่าง ถึงที่สุด
หลินซินเยียนทำเป็นมองไม่เห็นอาการลำบากใจของเขา ทำแค่ให้เขานั่งสักครู่ ก็ทำให้เขารู้สึกเกรงใจ นั่งสักพักเขา ก็ขอตัวกลับไป
หลังจากเทียนหยุนจือกลับไป หลินซินเยียนก็เปิดซอง จดหมายดู ภายในใจของนางบอกให้นางไปไหว้ครูเรียน การฝีมือในเดือนหน้าที่ศาลา ในจดหมายเขียนที่อยู่ของที่ ศาลาอย่างชัดเจน สถานที่นี้เป็นสำหรับใต้ฟ้าแล้วยังเป็นที่ ที่เป็นความลับที่มีอยู่จริง ถ้าหากศาลาไม่ยินยอม ก็ไม่มี ใครสามารถหาที่อยู่ที่แท้จริงได้
ตอนนี้สิ่งที่คุมขังนางอยู่ก็คือโม่จื่อเฟิง โม่จื่อเฟิงจะยอม ปล่อยมือให้นางไปเรียนที่ที่ศาลาได้หรือไม่
นางรู้สึกว่านี่เป็นโอกาสที่มีค่ามาก ถึงแม้ว่านางจะ ประเมินความสามารถของนางได้ แต่ว่าที่นี่ไม่ใช่ยุค ปัจจุบัน ในกาลเวลานี้มีวัตถุดิบแบบใดบ้าง สามารถทำของ อะไรได้บ้าง ที่พูดทั้งหมดนี้นางไม่แน่ใจเลย วันนี้โอกาสที่ดี แบบนี้มากองอยู่ตรงหน้าแล้ว ตัวของนางนั้นหลงรักในการ ทำอาวุธ เป็นสิ่งที่ดึงดูดใจของนางมาก
เหลือเพียงแค่โม่จื่อเฟิงคนนั้น
หลินซินเยียนถอนหายใจ ถ้าหากนางจำไม่ผิด ยังเหลือ เวลาอีกสิบวันก็จะเป็นวันแต่งงานของเขากับเซียวฉางเยว่ เขาเสียเวลาคิดอย่างมากเรื่องที่จะให้นางเข้าวัง ไม่ใช่ใช่ว่า เพื่อมีที่อยู่อย่างสงบภายหลัง
คิดแบบนี้ หลินซินเยียนก็ยิ้มออกมา
ในเมืองเฟิ่งซี ร้านขายชาดที่ดีที่สุดก็คือร้านชาดไห่ถัง ทางด้านตะวันตกของเมือง ร้านชาดไห่ถางเจ้าของที่เปิด เป็นสายเลือดของฝั่งตะวันตก ซาดที่เขาผลิตออกมานั้น สีสันสันสดใสสวยงามและหอมสดชื่น แถมยังทำให้ผิวลื่น เกลี้ยงตลอดไป เป็นเพราะคุณภาพสินค้าดี ก็เป็นธรรมดา ที่ราคาสินค้าจะสูงตาม จะต้องเป็นคนที่มีเงินเท่านั้นถึงจะ สามารถใช้ชาดของร้านไห่ถางได้
ด้านตรงข้ามของร้านไห่ถังเป็นร้านชา หลินซินเยียนพา เอ้อร์ยามานั่งดื่มชาด้วยกัน วันนี้มาดื่มชาตอนช่วงเช้า เอ้อร์ ยาสงสัย แต่ไม่ได้ถาม ในใจของนางนั้น นางเชื่อใจหลินซิ นเยียนอย่างถึงที่สุด จากที่นางดู การที่หลินซินเยียนทำ แบบนี้ จะต้องมีเหตุผลแน่