ตอนที่ 149 แขกผู้มาเยือนกะทันหัน
เมื่อฟ้ามืดลง อู่อี้ก็กลับมาแล้ว เขานำข่าวดีมาบอกหลินซิ นเยียน อู่อีไม่ทำให้คนผิดหวังแน่นอน เขาทำให้คนของ องครักษ์อาณาจักรตอนเหนือประทับใจแล้วถึงแม้ว่าจะ ไม่ใช่องครักษ์จริงๆแต่ก็เป็นมือขวาที่มีความสามารถที่สุด ของหัวหน้าองครักษ์แล้ว
นายทหารผู้ช่วยในกองบัญชาการบอกว่าสามารถไปพูด
คุยกับท่านหัวหน้าองครักษ์ได้ ภายในวันพรุ่งนี้ต้องให้คำ ตอบที่แน่นอนกับพวกเขา อู่อีตื่นเต้นมาก ความอยากอาหารก็ดีมากขึ้น เวลาอาหาร
ค่ำเข้ากินข้าวไปทั้งหมดสามถ้วย เขามองเอ้อร์ยาอย่าง
ตะลึง
เอ้อร์ยาเจออู๋อี้ครั้งแรก เมื่อนั้นก็อ้าปากค้าง แต่ก็รู้สึกว่า คนนี้ช่างซื่อตรง ดังนั้นจึงมีความรู้สึกที่ดีกับอู๋อี้ขึ้นมาหน่อย
กระทั่งหมอหลวงเฉิน ถึงแม้ว่าจะอยู่ที่นี่ชั่วคราว แต่ว่า เมื่อได้ทานข้าวที่ทำให้ตนพอใจ ก็กินไปชมเอ้อร์ยาไป เอ้ อร์ยาก็หัวเราะอย่างเบิกบานใจ
ถึงแม้ว่าหลินซินเยียนจะไม่สามารถลุกขึ้นได้ แต่เมื่อ ได้ยินเสียงหัวเราะที่ดังมาจากโต๊ะกินข้าวข้างๆ ในใจของ นางก็ตกลงสู่ความรู้สึกอบอุ่นที่ไม่ได้พบเป็นเวลานานแล้ว
หลังจากอาหารมื้อค่ำผ่านไป ก็มีแขกที่ทุกคนไม่คาดคิด
มาเยือน
เวลานั้น อู่อี้เพิ่งจะต่อเก้าอี้นวมในห้อง เขากลัวว่าหลินซิน เยียนจะอบอ้าวจึงอุ้มนางไปนั่งรับลมที่ห้องโถง เอ้อร์ยา ย้ายม้านั่งมาวางไว้ด้านหนึ่ง และเอาเม็ดแตงมาด้วยจาน หนึ่ง หมอหลวงเฉินก็ไม่ได้ถือตัวนั่งแทะเม็ดแตงกับเอ้อร์ยา
ผ่านช่วงแรกเริ่มของฤดูใบไม้ผลิมาแล้ว ดังนั้นช่วงกลาง คืนจึงไม่หนาว กลับมามองบนท้องฟ้า นั้นเต็มไปด้วย ดวงดาวทอแสงระยิบระยับอย่างไม่คาดคิด เหมือนเพชรที่ แวววาวทำให้คนไม่สามารถละสายตาออกไปได้แม้แต่นิด เดียว
หลินซินเยียนกำลังเงยหน้ามองดวงดาวบนท้องฟ้าด้วย
ความสบายใจ ทันใดนั้นก็ได้ยินเสียงคนเคาะประตู “ดึกดื่นขนาดนี้แล้ว จะต้องเป็นหู่เอ๋อเด็กน้อยมาถูเม็ด แตงแน่เลย” เอ้อร์ยาพูดไปยิ้มไป เดินไปเปิดประตูก็เห็น
หญิงสาวแปลกหน้าคนหนึ่ง ก็ตกใจ “แม่นางมาหาใครหรือ”
“ข้ามาหาอู่อี้เสียงสบายๆดังมาจากหน้าประตู เมื่อสิ้น เสียงหลี่ถึงก็พาสาวใช้เดินเข้ามาด้านในแล้ว ด้านข้างของ สาวใช้พกถุงใหญ่ๆมาด้วย
เอ้อร์ยามองคนที่ไม่คำนึงถึงเรื่องรยุมหยิ้มเดินตรงเข้ามา ด้านในอย่างงงๆ ถึงได้สติกลับมา ก็เห็นคนที่เดินเข้ามานั้น เดินไปตรงหน้าของอู่อี้แล้ว
“ข้าเคยบอกแล้วว่าข้าจะมาหาพวกท่าน” หลี่ถึงยิ้มขณะ พูดกับอู่อี้
“อู่อี้เงียบไม่พูดจา
มุมปากของหลินซินเยียนกระตุกขึ้นอย่างอดไม่ได้ คำ พูดของนางนี้ มาหาพวกเขารี คนมากมายอยู่ในที่แห่งนี้ เมื่อนางมาถึงก็เดินไปตรงหน้าอู่อี้ทันที ในดวงตาของนาง เห็นได้ชัดเจนเลยว่าต้องการจะมาหาอู่อี้คนเดียว
“เอ๋ เหตุใดท่านจึงไม่พูดอะไรเลย ข้ามาหาพวกท่าน ไม่ ดีใจหรือ” หลี่ถึงไม่ค่อยพอใจกับท่าทีที่ไม่พูดไม่จาของอู่อี้ หลินซินเยียนหัวเราะเสียงเบา เห็นอู่อี้ไม่พูดอะไรอยู่นาง
สองนานก็เลยรีบไกล่เกลี่ย “ดีใจสิ แม่นางหลี่มาหาพวกเรา
พวกเราก็ต้องดีใจอยู่แล้ว ท่านว่าใช่หรือไม่ ศิษย์พี่
ถูกหลินซินเยียนเอ่ยชื่อเช่นนี้ อู่อี้ก็กลอกตาใส่นางหนึ่งที่ ถึงจะไปพยักหน้าอย่างไม่ค่อยเต็มใจให้หลี่ถิง “แม่นางหลี่ จะมาทำไมไม่บอกล่วงหน้าสักหน่อย…”
“มีอะไรต้องแจ้งให้ทราบล่วงหน้าด้วยหรือ เวลากลางวันมี หรือข้าจะออกนอกประตูได้ ถ้าไม่ใช่ว่ากลางคืนท่านพ่อ ของข้าต้องไปร่วมงานสมรสของอู่เซวียนอ่องแล้ว ตอนนี้ ข้าคงหนีออกมาไม่ได้” ไม่รอให้อู่อี้พูดจบ หลี่ถิงก็ขัดบท สนทนาของอู่อี้ทันที หลังจากนั้นก็เดินนั่งเก้าอี้อยู่ตรงหน้า ของเอ้อร์ยา กำเม็ดแตงขึ้นมาหนึ่งกำแล้วเริ่มแทะ คนที่มา เองแล้วทำท่าทางสนิทสนมทำให้คนทั้งหมดไม่ได้สติ
จะมีแต่หลินซินเยียนคนเดียวเท่านั้นที่รับการมาแล้ว ทำท่าสนิทสนมของนางได้ นางพบเจอการจงใจทำที่สวย และนิ่มนวลของหญิงสาวโบราณ ถึงแม้ว่าจะเห็นนิสัยของ หญิงสาวยุคปัจจุบันของหลี่ถิงเช่นนี้ นางจะรู้สึกไม่สนิท สนมไม่ชอบได้อย่างไร
เพียงแต่ หลี่ถึงพูดถึงงานสมรสของอู่เซวียนอ่องนั้นกลับ ทำให้ใจของนางดิ่งลึกลงไปโดยไม่รู้ตัว
อู่อี้เองก็ได้ยินคำพูดของนางที่พูดถึงงานสมรส ดังนั้นจึง ย่นคิ้ว น้ำเสียงของเขาเย็นชา “เจ้าคนนี้ก็มาเยี่ยมแล้ว เจ้า ควรกลับไปได้แล้วกระมัง”
หลี่ถึงที่กำลังแทะเม็ดแตงอยู่จู่ๆก็ถูกเขาโมโหขึ้นเสียงใส่ อย่างไม่รู้อิโหน่อิเหน่ “อู่อี้ เจ้าเป็นอะไรอยู่ดีๆมาโมโหไล่ข้า กลับ ข้าพูดอะไรผิดหรือ”
“รู้ว่าพูดผิดก็ไม่นับว่าใช้ยารักษาไม่ได้แล้ว….อู่อพูด จบ หลี่ถึงได้ยินเช่นนั้นก็ลุกขึ้นยืน ความหมายนั้นดูแล้ว เหมือนจะถูกยั่วโทสะเข้าให้แล้ว
หลินซินเยียนรู้ว่าอู่อี้นั้นกลัวว่าหลี่ถึงจะพูดถึงเรื่องงาน สมรสของโม่จื่อเฟิงขึ้นมาจนทำให้นางไม่สบายใจ ดังนั้น จึงรีบไล่นางให้กลับไป แต่ว่า เรื่องนี้ก็เกิดขึ้นแล้ว ไม่ใช่ว่า คนที่เอ่ยถึงแล้วถ้าไม่เอ่ยเรื่องนี้ก็จะจางหายไป
“ศิษย์พี่ แม่นางหลี่หวังดีตั้งใจที่จะมาเยี่ยมข้า ข้ากำลัง
กลุ้มใจไม่มีใครคุยเป็นเพื่อนข้า ไม่ง่ายเลยหนาที่จะมีคน
พูดถูกคอเช่นนี้ ท่านอย่าให้โมโหแล้วเดินจากข้าไปสิ”
หลินซินเยียนรีบพูด แล้วดึงแขนเสื้อของหลี่ถึงให้นางนั่งลง
หลี่ถึงถลึงตาใส่อู๋อี้ทีหนึ่ง เค้นเสียงเย็น โมโหจนไม่หันไป มองเขาอีก แล้วก็หันหน้ามาพูดกับหลินซินเยียน “ยังดีที่แม่ นางหลินเป็นคนดีไม่เหมือนท่อนไม่พวกนั้น ที่โมโหไม่เข้า เรื่อง พี่สาวหลิน ข้าน่ายาบำรุงที่บ้านมาให้จากนั้นแล้วท่าน ก็ตุ่นดื่มบำรุงร่างกาย”
สาวใช้รีบนำถุงใหญ่วางไว้บนโต๊ะหินในห้องโถง หลินซิน เยียนหันไปมองหนึ่งทีก็ยิ้มออกมา “รบกวนแม่นางหลี่แล้ว”
“อั้ยหยา เกรงใจข้าทำไมกัน เอ ข้ามาได้สักพักหนึ่งแล้ว เหตุใดถึงยังไม่พบสามีท่านเลย” แต่เดิมหลี่ถิงก็แค่ต้องการ จะหาเรื่องคุย ใครจะรู้ว่าคำพูดของนางที่เพิ่งพูดออกไป คนในห้องทั้งหมดก็มองมาทางนางอย่างมีความหมาย นาย ก็ค่อยๆกลืนน้ำลายอย่างแค้นใจ ทันใดนั้นนางก็รู้แล้วว่า นางพูดอะไรผิดไป
อู่อี้กำลังโกรธเป็นฟืนไฟ แต่กลับได้ยินคำพูดนิ่มนวลของ หลินซินเยียน “สามีของข้าวันนี้แต่งชายาเอก ไม่มีเวลามา สนใจข้า”
“ชายาเอกหรือ” หลี่ถึงเสียงสูง ออกเสียงด้วยความตกใจ มากกว่า “อย่าบอกนะว่าท่านเป็น….ของสามี”
หลี่ถึงตกใจมากไป คิดแล้วเหมือนไม่คิดถามประเด็น ออกมาเลย แต่ว่าคำพูดของนางเพิ่งจะพูดออกไป นางก็ เกลียดปากที่พูดไม่คิดของนางเสียเลย ค่อยๆพูดว่า “เฮ้ย เฮ้ยเฮ้ย น่าตบปากของข้าเสียจริง มิน่าเล่าท่านพ่อถึงได้ ชอบว่าข้าว่าพูดและทำเรื่องอะไร ไม่คิดหน้าคิดหลังไม่ได้ พิจารณาอะไรเลย พี่หลินท่านอย่าโกรธข้าเลยนะ คิดว่าข้า ไม่ได้พูดแล้วกัน”
หลินซินเยียนขมวดคิ้วเล็กน้อย แล้วก็ส่ายหน้า “ไม่ เป็นไร แต่ไหนแต่ไรข้าก็ไม่ใช่ชายาเอกของเขาอยู่แล้ว สนมของเขามากจนนับไม่ได้ นี่เป็นเรื่องจริงไม่มีอะไรจะ ต้องปฏิเสธ”
หลี่ถึงมองไปทางนางอย่างเสียใจ แล้วก็มองไปทางอู่อี้ อย่างน้อยเนื้อต่ำใจ เห็นสีหน้าของอู๋อี้ดำคล้ำจนจะมีน้ำ หยดออกมา กลัวจนกลับมาทำตัวเสงี่ยมหงิม
บรรยากาศภายในห้องนั้นเปลี่ยนเป็นความอึดอัด หลี่ถึง เป็นตัวการที่ก่อความหายนะ ตำหนิตัวเองและรู้สึกผิด ระทมทุกข์ ดังนั้นนางก็ทนไม่ไหวจนต้องทำลายภาวะที่ทุก อย่างหยุดชะงักไป คิดแล้วคิดอีก นางก็เปลี่ยนแปลงหัวข้อ สนทนา “อั้ยยะ พวกเราไม่พูดถึงเรื่องนี้กันดีกว่า พวกเรามา พูดถึงเรื่องที่คนทั้งเมืองให้ความสนใจในวันนี้กันดีกว่า ใช่ แล้ว ก็คือเรื่องงานสมรสของอู่เซวียนอ๋อง ข้าเคยเจอแล้ว หน้าตาไม่เลว แต่ว่าบุคลิก..”