ตอนที่ 177 เฉลิมฉลองกันทั่วหล้า
เมื่อเผชิญความเย็นชาของอู๋เซวียนอ๋อว รอยยิ้มบน ใบหน้าของเซียวอวิ่นฉินพลันแข็งที่อ แค่เพียงชั่วครู่นางก็ ปลี่ยนเป็นใบหน้าอันอ่อนโยนราวกับสายน้ำ “วันนี้เป็น เทศกาลชมจันทร์ เป็นวันแห่งการรวมตัว ข้ามิได้พบหน้า ท่านอ๋องมาเดือนกว่าแล้ว ดังนั้นจึง…
โม่จื่อเฟิงหันกลับมาชายตามองด้วยความเย็นเยียบ มอง นางด้วยสายตาหยามเหยียดตั้งแต่หัวจรดเท้า หลังจากนั้น จึงกล่าวด้วยความเย็นชา “ดังนั้นเจ้าก็เลยสวมเสื้อผ้าเช่นนี้ มาพบข้างั้นหรือ? เจ้าเป็นถึงพระราชา กลับสวมเสื้อผ้าได้ สำส่อนยิ่งกว่าสตรีหอนางโลม อย่างไรกัน ต้องการจะให้ จวนอู่เซวียนอ๋องของข้าขายหน้าใช่หรือไม่?”
“ท่านอ๋องเพคะ ข้าเพียงแค่.” เซียวอวิ๋นฉินรู้สึกไม่ได้รับ ความเป็นธรรม ที่นางสวมใส่เช่นนี้ก็ไม่ใช่เพื่อดึงดูดความ สนใจของท่านอ่องหรืออย่างไร? นางคิดว่าเมื่อเปรียบ เทียบกับเหล่าสตรีมากมายของเขาในอดีต รูปลักษณ์นาง ก็งาม เรือนร่างก็มิใช่ชั่ว เพราะเหตุใดเขาจึงต้องการสตรี เหล่านั้น แต่กลับไม่แตะต้องนางเพียงคนเดียว?
“ไสหัวไป !” โม่จื่อเฟิงไม่ทันให้นางกล่าวจบ ก็ถอน สายตากลับมายกกาน้ำจัณฑ์รินเข้าปาก
เซียวอวิ๋นฉินน้ำตารินไหลด้วยความน้อยใจ แต่ทว่ากลับ ยังไม่ล้มเลิกความคิด นางวางตะกร้าลงบนโต๊ะหิน หลัง จากนั้นก็ค่อยๆเริ่มปลดสายรัดเอวของนางออก เดิมทีนางก็สวมใส่น้อยชิ้นอยู่แล้ว เมื่อสายรัดเอวหลุดออก ชุดผ้าไหม พลันเลื่อนไหลลงจากบ่า ก็ยิ่งเผยให้เห็นเอี๊ยมสีชมพูที่อยู่ ด้านใน
นางไม่ใส่ใจที่โม่จื่อเฟิงนั้นไม่ชายตามองนาง พลันเอื้อม มือคว้าท้ายทอยของโม่จื่อเฟิง หลังจากนั้นเรือนร่างอัน อ่อนนุ่มก็นั่งลงบนตักของเขา “ท่านอ๋องเพคะ หลายวัน ก่อนข้าได้เข้าวัง ฝ่าบาททรงตรัสถามกับข้าถึงเรื่องทายาท ท่านเป็นพระอนุชาแท้ๆองค์เดียวของฝ่าบาท ฝ่าบาททรง ใส่พระทัยเกี่ยวกับทายาทของท่านอย่างมากนะเพคะ”
นางแต่งเข้าจวนอ่องมาได้ครึ่งปีกว่า ไม่มีการเปลี่ยนแป ลงใดๆ ในท้องของนางแม้แต่นิด ท่านผู้สูงศักดิ์ในวังทั้งสอง จึงร้อนพระทัย ยิ่งไม่ต้องกล่าวว่านางเป็นถึงคุณหนูสกุล เซียว มารดาของนางรวบรวมตำรับยาพื้นบ้านนานาชนิด ให้นางทานของประหลาดๆแทบทุกวัน ก็เพื่อให้นางตั้ง ครรภ์ทายาทของอู่เซวียนอ่อง
แต่ทว่านางไม่กล้าที่จะกล่าวกับผู้ใดก็ตาม ตั้งแต่ที่แต่ง เข้าจวนอู่เซวียนอ๋องมา บุรุษผู้นี้มิเคยแตะต้องเรือนนางแม้ สักครั้ง จวบจนตอนนี้ร่างกายของนางยังคงบริสุทธิ์ผุดผ่อง มันเป็นเรื่องยากที่จะตบมือข้างเดียวให้ดัง นางเพียงคน เดียวจะให้กำเนิดเด็กขึ้นมาได้อย่างไร? ผู้สูงศักดิ์ทั้งสอง แห่งวังหลวงได้ส่งสัญญาณเงียบๆได้อย่างกระจ่าง ถ้าหาก ท้องของนางยังไม่มีการเคลื่อนไหวใดๆ ก็จะคัดเลือกจาก สกุลผู้มีฐานะเข้ามาในจวน
นางคือพระราชาแห่งจวนอ่อง ถ้าหากให้สตรีอื่นชิงตั้งท้องก่อนนางแล้วล่ะก็ ตำแหน่งซื่อจื่อแห่งจวนอ่องใน อนาคตนั้นก็ย่อมมิใช่ของลูกนางแน่นอน สังคมแห่งนี้ มารดาจำต้องพึ่งพาอาศัยบุตร หากนางไม่มีทายาทเป็น หลักประกัน ชีวิตของนางในจวนอ่องหลังจากนี้ย่อมพอจะ นึกออก ดังนั้นนางจึงไม่สามารถที่จะรอได้อีก
ขณะที่นางกล่าวก็ได้กระซิบที่ข้างใบหูของโม่จื่อเฟิง เพื่อที่จะได้รับความโปรดปรานจากโม่จื่อเฟิง นางยังแอบ เชิญแม่เล้าจากหอนางโลมมาสอนวิชาแก่นาง ถึงแม้นางจะ รู้สึกว่ามันน่ารังเกียจอย่างมากแต่นางก็ยังคงกระทำเช่นนี้
น่าเวทนา ในขณะที่นางพยายามเข้าใกล้ ใบหน้าของโม่ จื่อเฟิงพลันมืดครึ้มดิ่งลง และในขณะที่นางไม่ทันได้ตั้งตัว เขาก็ได้ผลักไสนางออกไป
เซียวอวิ๋นฉินล้มลงไปกับพื้นพลันมองไปยังโม่จื่อเฟิงด้วย ยากที่จะเชื่อ บุรุษไม่ชอบน้ำเสียงเช่นนี้หรือ? แม่เล้าได้ กล่าวไว้อย่างชัดเจนว่าไม่มีบุรุษคนใดที่สามารถจะเผชิญ กับมารยาร้อยเล่มเกวียนของสตรีได้
“เซียวอวิ๋นฉิน ตัวตนของเจ้าเป็นถึงพระราชาแห่งจวนอู่ เซวียนอ๋อง นึกไม่ถึงว่าจะเสียกิริยาทำตัวช้าเช่นนี้ได้ ช่าง ทำให้ข้าผิดหวังเสียจริง! ไสหัวไป! อย่ามาให้ข้าเห็นเจ้าอีก เป็นครั้งที่สอง!” โม่จื่อเฟิงลุกขึ้นพลางถือกาน้ำจัณฑ์แล้ว เดินออกจากเรือนไป
ทิ้งเซียวอวิ๋นฉินที่สวมชุดเอี๊ยมล้มลงไปกองกับพื้นด้วย อาการจุกปวด นางร้องไห้โฮออกมา เล็บจิกฝังเข้ากับดิน จนเนื้อหนังเปิด แต่นางกลับไร้ความรู้สึก ท่ามกลางลมหนาวได้ยินเพียงเสียงกดฟันบดกรามของนางดังออกมา “ว่าท่านยังหานังสุนัขจิ้งจอกนั่น! เพื่อนังสุนัขจิ้งจอกนั่นนึก ไม่ถึงว่าท่านจะทำกับข้าถึงขั้นนี้!”
นางเกลียด ความผิดพลาดทั้งหมดที่เกิดขึ้นก็เป็นเพ ราะนังหลินซินเยียน นางกระทั่งให้สัตย์สาบานอย่างเงียบๆ ถ้าหากนางพบหลินซินเยียนอีกครั้ง นางจะลงมือแล่เนื้อ เถือหนังหลินซินเยียนด้วยมือของนางเอง ให้มันอยู่ไม่สู้ ตาย!”
ความอิจฉาริษยาของสตรี เป็นยาพิษที่น่าหวาดกลัวที่สุด ในโลกมาตั้งแต่ยุคดึกดำบรรพ์
วันที่ยี่สิบสาม เดือนแปดตามปฏิเสธทินจันทรคติ สนมอัน เป็นที่โปรดปรานมากที่สุดในวังหลวงของฝ่าบาททรงมีพระ ประสูติองค์ทายาทแก่ราชวงศ์ได้ในที่สุด ฝ่าบาททรงมี พระชนมายุใกล้จะสามสิบปีแล้วกลับยังไม่มีองค์ทายาท ได้ยินหมอหลวงกล่าวว่าฝ่าบาททรงมีโคประจำพระองค์ โดยกำเนิด อัตราการมีทายาทนั้นต่ำอย่างมาก ดังนั้นการ ถือกำเนิดของทายาทผู้นี้สำหรับฝ่าบาทแล้วเป็นสิ่ง มหัศจรรย์อย่างยิ่ง
น่าเสียดาย ทรงพระประสูติออกมานั้นเป็นพระธิดา มิใช่ พระโอรส มิเช่นนั้นใต้หล้าผืนนี้ก็คงมีผู้สืบทอดแล้ว แต่ถึง แม้จะเป็นพระธิดาองค์น้อย ก็มากพอที่ทำให้ฝ่าบาททรง สำราญพระทัย ดังนั้นฝ่าบาทจึงทรงมีพระราชโองการ ไม่ เพียงนิรโทษกรรมทั่วทั้งใต้หล้า ทั้งยังแจกลูกอมมงคลแก่ ไพร่ฟ้าประชาชนทุกครัวเรือน
ถึงแม้จะเป็นเพียงแค่การแจกจ่ายลูกอมมงคล แต่สำหรับ ข้าราชบริพารชั้นล่างแล้วกลับไม่ใช่งานที่ง่ายเลย แต่ใน เมื่อเป็นพระราชโองการก็ย่อมไม่กล้าที่จะฝ่าฝืนเด็ดขาด ฉะนั้นตราบใดที่เป็นคนในศาลาว่าการก็ล้วนถูกส่งออกไป แจกจ่ายลูกกวาดทั้งสิ้น เบื้องบนมีคำสั่งมอบหมายให้ต้อง แจกทุกหลังทุกเรือน ห้ามตกหล่นแม้แต่ครอบครัวเดียว จะ อยู่ในสถานที่ห่างไกลเพียงใดก็ต้องไป
หากมีความสัมพันธ์อันดีกับใต้เท้าในศาลาว่าการอยู่บ้าง ก็จะถูกส่งตัวไปหมู่บ้านที่เจริญหน่อย และถ้าหากมีความ สัมพันธ์ที่ค่อนข้างเลวร้ายกับเจ้าหน้าที่ระดับใหญ่ก็จะถูก ส่งตัวไปยังเมืองและหมู่บ้านหรือชนตอนที่ห่างไกลความ เจริญ
เฉินอิงกับหลิวเอ้อร์ก็ตกอยู่ในสถานการณ์ที่น่าลำบาก พอๆกัน เนื่องจากในก่อนหน้านี้เคยล่วงเกินข้าราชการชั้น ผู้ใหญ่ ดังนั้นคนทั้งสองจึงถูกมอบหมายให้ไปในป่าทึบที่ ห่างไกลที่สุด
“เจ้าว่าถิ่นทุรกันดารเขาสูงแบบนั้นจะมีคนอาศัยอยู่ไหม? ไม่น่าจะเป็นไปได้ที่หมอในเมืองข่มขู่พวกเรา?” หลิวเอ้อร์ อยู่ในชุดมือปราบ ที่เอวมีกระบอกน้ำสะพายไว้อยู่ สะพาย ห่อผ้าไว้ที่ด้านหลังหนึ่งใบ และดาบสะพายกลับถูกเขานำ มาใช้เป็นไม้ค้ำยัน เขาหอบหายใจยืนค้ำดาบอยู่บริเวณ ช่วงไหล่เขา “เจ้าดูป่าทึบบนภูเขานั่นสิ เหมือนกับไม่มีคน อาศัยอยู่เลยนะนั่น”
“หมอนั่นกล้าที่จะข่มขู่เรา? มันคงไม่อยากอยู่ที่หมู่บ้านแล้วกระมัง? ใครใช้ให้พวกเราไม่ระวังไปล่วงเกินลูกพี่ลูก น้องของอนุภรรยาท่านใต้เท้ากันละ? เจ้ามองไม่ออกงั้น หรือว่าท่านใต้เท้าจงใจกลั่นแกล้งพวกเราทั้งสอง? เห้อ รีบ ไปกันเถิด เดี่ยวจะต้องนำคนกลับไปรับลูกอมมงคลศาลา ว่าการอีกพวกเราจะได้รายงานผลให้เสร็จเสียที” เฉินอิง เองก็หย่อนกันนั่งลงบนพื้นเพื่อพักผ่อนระหว่างทาง
“ข้าดูออกอยู่แล้ว เจ้าน่ะถูกข้าต้มจนเปื่อยเลยต่างหาก ปกติก็เพียงแค่แจกจ่ายลูกอมมงคลแต่ละครอบครัว แต่ ครั้งนี้นึกไม่ถึงว่าจะให้พวกเรานำคนกลับไปรับขนมมงคลที่ ศาลาว่าการด้วย นี่เห็นได้ชัดว่าคงไม่เชื่อที่พวกเราเข้าขึ้น ป่าฝ่าดงแจกลูกอม ถึงงได้เกิดมีความคิดน่าเบื่อเช่นนี้ขึ้น มาได้ เป็นแค่ลูกพี่ลูกน้องอนุภรรยา? กระทั่งหาเรื่อง ลำบากให้พวกเราทั้งคู่ขนาดนี้” เอ้อร์หลิวยังไม่คลายโทสะ จึงกรอกน้ำเข้าปากดับอารมณ์ร้อน
เฉินอิงส่ายศีรษะ “พอเถิด ใครใช้ให้อนุภรรยานั่นตั้งท้อง กันล่ะ สตรีมีครรภ์ก็ต้องเอาอกเอาใจเป็นพิเศษ”
ระหว่างที่ทั้งสองคนพูดคุยกันก็ได้ยินเสียงฝีเท้าดังแว่ว เข้ามาจากที่ไกลๆ ทั้งสองมองตากันพลันตกตะลึง เมื่อได้ พบกับสตรีอุ้มท้องขนาดใหญ่ที่กำลังจูงมือเด็กชายเดินเข้า มาหา บนหลังของเด็กชายคนนั้นสะพายตะกร้าไม้ไผ่ใบ หนึ่ง ราวกับว่ากำลังอารมณ์ดีอย่างมาก ขณะที่เดินอยู่ก็ยัง กระโดดโลดเต้นไปมา