ตอนที่ 210 ถอนรากถอนโคน
จากการปรนนิบัติของชิงจู๋ หลินซินเยียนทาน อาหารเช้าแล้ว เมื่อทานเสร็จแล้วขณะที่ให้วี่จิ่งดื่มนม โม่จื่อเฟิงก็ผลักประตูเข้ามา
หลินซินเยียนนั่งอยู่ข้างเตียง วี่จิ่งกำลังดื่มนม เห็น โม่จื่อเฟิงเข้ามากะทันหัน นางจึงตกใจหน้าแดง นาง กลืนน้ำลายอย่างกระดากหลังจากนั้นก็พยายามจะ เบี่ยงตัวหลบ
“ร่างกายของเจ้า มีตรงไหนที่ข้าไม่เคยเห็นรึ” โม่ จื่อเฟิงย่นคิ้ว เดินมาข้างเตียง แล้วนั่งข้างๆนาง ใน การกระทำของเขานั้น ไม่มีท่าทีว่าเจ็บปวดเลยสักนิด โดยเฉพาะเท้าทั้งสองข้าง วันนี้ดูแล้วราวกับว่าไม่มี ปัญหาอะไรมาก
เขามองวี่จิ่งดื่มนมอย่างไม่กระพริบตาราวกับว่า มองอย่างจิตใจจดจ่อ กลับทำให้คนที่หน้าแดงขึ้นไป ใหญ่คือหลินซินเยียน ผู้ชายที่หนังหน้าหนากว่ากำแพง เมือง นางเองก็หมดคำพูด
หลินซินเยียนรู้สึกกระดากสุดบรรยาย อยากจะ หยุดให้นม แต่ว่าวี่จิ่งงับแน่นมาก ไม่มีท่าทีว่าจะยอมแพ้ เลยแม้แต่น้อย เวลานั้นนางรู้สึกลำบากใจอยากจะขุด หลุมหนี
“ลูกข้ายังกินไม่อิ่มเลย เจ้าจะรีบทำไม” โม่จื่อเฟิง
เงยหน้าขึ้นมองนาง แล้วก็ก้มหน้าลงมองต่อไป
หลินซินเยียนกัดฟันกรอดๆด้วยความโกรธแค้น ผู้ชายคนนี้นี่ทำตัวรังแกลวนลามผู้หญิง กลับพูดจาตรง เช่นนี้ ไม่ใช่ว่าเคยเห็นหน้าที่ไร้ยางอายของเขา แถม ยังถูกเขาแสดงท่าทางตั้งใจและไม่มีพิษมีภัยตบตามา ก่อน
“ท่านอ๋อง ได้ยินว่า…..ท่านไปขอบุญคุณจาก ฮ่องเต้แทนข้ามาหรือ” หลินซินเยียนไม่อาจกีดขวาง สายตาของเขาได้ ทำได้เพียงเบี่ยงเบนความสนใจของ เขา
“อืม” โม่จื่อเฟิงตอบรับ ยกมือขึ้นชี้ไปที่แก้มของวี่ จึง ผิวของเด็กทารกยืดหยุ่นและเนียบเรียบ ปลายนิ้ว ของเขาจิ้มไปก็เกิดรอยปุ่มเล็กๆ ปล่อยนิ้วมือออก ผิวก็ กลับมายืดหยุ่นเหมือนเดิม ราวกับว่าเขามีความสุขไม่รู้ เหนื่อยกับการเล่นของเล่นนี้จนถึงมืด “เขาหันหน้ามา ตอบรับ แต่ว่าเขามีเงื่อนไข เขาบอกว่า ภายในครึ่ง เดือน เจ้าต้องศึกษามารยาทของบุตรสาวของ ครอบครัวมั่งมี”
“มารยาท.หลินซินเยียนอ้าปากค้าง เพราะ อะไรครอบครัวร่ำรวยเช่นนี้ มักรู้สึกว่าตัวเองเป็นคน สูงส่งที่หนึ่ง จากมุมมองของพวกเขา คนธรรมดาทั่วไป นั้นไม่เข้าใจมารยาทหรือ
“พรุ่งนี้ข้าจะพาเจ้าเข้าวังหลวง เจ้าจะได้รับการสั่ง สอนจากฮองเฮาอย่างใกล้ชิดครึ่งเดือน ถึงเวลาที่เจ้า ทำให้พวกเขาพอใจแล้ว ถึงจะสามารถเป็นพระชายาพระชายารองของข้าได้ แต่ว่าเจ้าไม่ต้องเป็นกังวลมาก ไปจริงๆเขาก็เหมือนตอบรับแล้วนั่นแหละ ของพวกนี้ นั้นเป็นแค่ของที่อยู่ต่อหน้าคนอื่นก็เท่านั้น แค่ทำให้ พวกขุนนางดูก็เท่านั้นเอง”
โม่จื่อเฟิงพูดอย่างไม่ค่อยใส่ใจ ทำให้นางรู้สึก วางใจลงได้เล็กน้อย ถึงอย่างไร ธาตุแท้ของนางนั้นก็ คือผู้หญิงในยุคปัจจุบัน สำหรับเรื่องเล่าเกี่ยวกับวัง หลวงนั้นไม่มีศักดิ์ศรีอะไรมายำเกรงได้
“นั่น…ท่านอ๋อง ถ้าหากว่าข้าเรียนจบแล้ว ควร จะมีรางวัลให้ข้าไหม” หลินซินเยียนมองเขาตาปริบๆ นางรู้ว่าเขาชอบความอ่อนโยนไม่ชอบคนแข็งกระด้าง ดังนั้นเมื่อต้องการขออะไรจากเขา นางจะต้องทำท่า ทางน่าเอ็นดู
โม่จื่อเฟิงเลิกคิ้ว “ให้เจ้าเป็นพระชายารอง ไม่ใช่ ว่าเป็นรางวัลแล้ว รี แต่ว่า…ข้ารู้ว่าเจ้าคิดอะไร แต่ว่า หลินซินเยียน ในสังคมนี้โหดร้ายมากกว่าที่คิดเยอะ ถอนรากถอนโคน มิเช่นนั้นคนที่ต้องบาดเจ็บใน อนาคตจะเป็นเจ้าเอง”
แน่นอนว่าเขารู้
ในเมื่อเป็นเช่นนี้ หลินซินเยียนก็จะพูดตรงๆ “แต่ ว่าสรือโถวเป็นแค่เด็กคนหนึ่ง แต่ไหนเค้าก็ไม่คิดที่จะ ทำร้ายข้า ท่านอ่อง ปล่อยเขาไปเถิด”
“ผู้หญิง สุดท้ายก็ใจอ่อน” โม่จื่อเฟิงถอนหายใจ “ตอนนี้ถึงเขาจะไม่ทำร้ายเจ้า ถ้าหากว่าวันหนึ่งในอนาคตคนที่อยู่เบื้องหลังให้เขาเลือกระหว่างเจ้ากับ เขา เขาอาจจะไม่ทำร้ายเจ้าตรงๆ แต่ก็อาจะทำเรื่องที่ เป็นประโยชน์กับคนคนนั้นได้ ผลลัพธ์ก็อาจเปลี่ยนมา เป็นทำร้ายเจ้า เช่นนี้ เจ้ายังอยากให้ข้าปล่อยเขาไป อีกหรือ”
หลินซินเยียนลังเลอยู่ครู่หนึ่ง แต่ก็ยังพยักหน้า อย่างแน่วแน่ “เรื่องในอนาคต ไม่แน่ไม่นอน สรุปว่า ถ้า หากว่าตอนนี้ข้าไม่ช่วยเขา เช่นนั้นใจของข้าก็จะรู้สึก เสียดาย ต่อให้อนาคตข้าจะต้องได้รับผลลัพธ์ที่ขมขื่น ข้าก็จะไม่เสียใจภายหลัง”
โม่จื่อเฟิงเก็บมือที่เล่นวี่จิ่งน้อยอย่างสนุกสนานไป เจ้าหนุ่มน้อยที่กินอิ่มแล้วปิดตาหลับลึกไปแล้ว เขามอง ไปยังวี่จิงน้อย ในที่สุดเขาก็ตอบ “ในเมื่อเจ้าตัดสินใจ แน่แล้ว ข้าก็ตามใจเจ้า แต่ว่า ถ้าหากว่าในอนาคตเกิด เรื่องอะไรที่ไม่เป็นผลดีต่อจวนอู่เซวียนอ๋อง ข้าจะไม่ เบามือ เวลานั้น เจ้าจะมาแทรกแซงข้าไม่ได้แล้วนะ”
“ได้” ขอเพียงผ่านช่วงเวลาที่ต้องฝ่าฝันกับความ ยากลำบากตรงหน้าไปได้ เรื่องของอนาคตค่อยพูดถึง ที่หลังแล้วกัน
ตอนบ่าย เมื่อได้รับความยินยอมจากโม่จื่อเฟิง แล้ว หลินซินเยียนก็มอบลูกให้โม่จื่อเฟิงแล้วให้มู่เห อนำนางไปที่คุกฟ้า
ในคุกฟ้าที่มีดน่ากลัว ไม่เห็นพระอาทิตย์ตลอดทั้ง ปี ดังนั้นจึงชื้นมาก เมื่อเดินเข้ามาถึงจึงรู้สึกเหนียวเหนอะหนะไปทั้งตัว เมื่อหลินซินเยียนเดินเข้าไป ก็เห็น สองข้างของคุกฟ้ามีนักโทษที่ไม่มีชีวิตชีวาเหมือนตาย ไปแล้ว เมื่อได้ฟังผู้คุมคุกอธิบาย คนที่เข้ามาในคุกฟ้า แล้วจะไม่มีชีวิตรอดออกไปได้ ดังนั้นคนจำนวนมากที่ เข้ามานั้นการเฝ้าร้องขอชีวิตนั้นจะไม่รุนแรง
นักโทษในคุกฟ้าล้วนเป็นนักโทษที่มีโทษหนัก ดัง นั้นทุกคนจึงอยู่ในห้องเดี่ยว หลินซินเยียนเดินไปครู่ หนึ่งก็หยุดอยู่ตรงหน้าห้องเล็กห้องหนึ่ง เพียงแต่ เมื่อ หลินซินเยียนเดินไปถึงห้องขัง ก็เห็นฉางที่อยู่ตรงหน้า ทำให้นางตกใจจนต้องถอยหลังไปครึ่งก้าว
ในห้องขัง เงาเล็กๆนอนคุดคู้อยู่บนกองหญ้า หญ้า กองนั้นไม่แห้ง อีกทั้งยังชื้นจนขึ้นรา ด้านบนมีแมลงมี หนอนเลื้อยขยุกหยิก มุมห้องขังมีถังไม้ ใบถังไม้มีน้ำ ฟังผู้คุมคุกบอกว่าเพื่อความสะดวก ไม่สามารถให้น้ำ นักโทษทุกวันได้ ถังไม้นั้นเป็นถังของนักโทษทุกคนที่ เติมน้ำให้ทุกเดือน
หลินซินเยียนตะลึง ถังไม้เช่นนี้ใส่น้ำดื่มตายถัง หนึ่ง กลับให้คนดื่มหนึ่งเดือน ต่อให้ไม่ตาย โอกาสที่จะ ป่วยก็มีมาก ความเป็นไปได้ที่จะป่วยตายก็มีมาก แต่ว่า ล้วนเป็นนักโทษข้อหาหนักก็เถอะ ใครจะสนใจความ เป็นความตายของพวกเขา
คนคุมคุกหยิบกุญแจออกมาจากแพไม้เปิดประตู ห้องขังหนึ่ง หลังจากมู่เหอนำตั๋วเงินมอบให้กับผู้คุมคุก ผู้คุมก็กำชับไม่กี่ประโยคแล้วจากไป
มู่เหอเปิดประตูให้หลินซินเยียน หลินซินเยียนรีบ เดินเข้าไปข้างใน ขณะที่นางค่อยๆจับเงาร่างที่กำลัง คุดคู้อยู่บนพื้นให้หันมา นางก็อดไม่ได้ที่จะร้องเสีย หลง
ก่อนหน้านี้มืดเกินไป นางยังไม่ได้พิจารณาอย่าง ละเอียด ตอนนี้เดินเข้ามาใกล้แล้ว นางถึงได้เห็นร่อง รอยที่ถูกรัดอยู่บนมือและเท้าทั้งสองข้างของสรือโถว นางสะอื้นให้ หันกลับมามองมู่เหออย่างโหดร้าย “นี่มัน เกิดอะไรขึ้น”
มู่เหอถูกนางขู่ให้กลัว แต่ก็เกาหัวแล้วพูดกับนาง “คุณนาย ถึงแม้ว่าท่านอ๋องจะรับปากแล้วว่าจะปล่อย เขาไป แต่ว่าเรื่องปล่อยเสือลงจากเขานั้น ไม่อาจทำได้ ทั้งหมดโดยไม่ป้องกันไว้ก่อน ท่านวางใจเถิด ทั้งมือ และเท้าของเขานั้นยังใช้การได้ แค่ไม่เหมือนสว่าง สุกใสเหมือนแต่ก่อนก็เท่านั้น”
เขาพูดอย่างชำนาญ แต่หลินซินเยียนกลับอดไม่ ได้ที่จะปาดน้ำตา สรือโถวก็เป็นแค่เด็กอายุแปดเก้า ขวบ ยังไม่ได้เริ่มใช้ชีวิตเลย ก็ทำให้เขาเป็นคนพิการ แล้วหรือ นี่ยังป่าเถื่อนไม่พอรีไง